เปิดข้อมูล คดี"โจรกรรม"โรงแรมหรู เสียหาย 70 ล้านบาท บนเกาะสมุย

จากเหตุการณ์"โจรกรรม"อุปกรณ์เครื่องใช้ต่างๆ ภายในโรงแรมเฉวง บลูลากูน เดอะทีค วิง ซึ่งเป็นโรงแรมหรู บนหาดเฉวง เกาะสมุย จ.สุราษฎร์ธานี ซึ่งถือว่าเป็นการ "โจรกรรม"ครั้งใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์"เกาะสมุย" รวมมูลค่าความเสียหายกว่า 70 ล้านบาท ซึ่งตำรวจ สภ.บ่อผุด สามารถจับกุมผู้กระทำความผิดๆได้ทั้งสิ้น 5 ราย จนเป็นข่าวคึกโครม ตามหน้าสื่อต่างๆในเมืองไทย นั้น

ล่าสุด ทีมข่าว"คมชัดลึกออนไลน์" ได้รับข้อมูลเชิงลึกว่า โรงแรมเฉวง บลูลากูน เดอะทีค วิง มีพื้นที่กว่า 23 ไร่ มีการลงทุนทั้งหมดร่วม 400 ล้านบาท โดยมี นางยมนา พูลสวัสดิ์ เป็นเจ้าของที่ดิน โดยเมื่อปี พ.ศ.2532 มีชาวต่างชาติ ชาวสวิสเซอร์แลนด์ มาติดต่อขอเช่าที่ดิน เพื่อสร้างโรงแรม เป็นระยะเวลา 30 ปี ซึ่งหมดสัญญาเมื่อปี 2563 ที่ผ่านมา สัญญาเช่าระบุว่า เมื่อหมดสัญญาเช่า สิ่งปลูกสร้างบนที่ดิน จะตกเป็นของเจ้าของที่ดิน คือ นางยมนา 

ภายหลังหมดสัญญาเช่า มี"นายทุนต่างชาติ"ติดต่อขอเช่าที่ดินต่อทั้งหมด แต่เนื่องจากสถานการณ์การแพร่ระบาด"โควิด 19" ส่งผลให้ต้องชะลอการเช่าไว้ก่อน ที่ผ่านมา นางยมนา ได้มีการจ้างวาน รปภ.เข้ามาดูแลพื้นที่ทั้งหมด แต่ภายหลังได้ยกเลิกสัญญากับ รปภ.ต่อมาเมื่อ นางยมนา ได้เข้ามาตรวจสอบพื้นที่อาคาร พบว่าข้าวของเครื่องใช้ต่างๆ สูญหายไปทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็น สายไฟ หลอดไฟ ปลั๊กไฟ โต๊ะ เก้าอี้ เตียงนอน ชักโครก เครื่องทำน้ำอุ่น ฝักบัว ผ้าม่าน เหล็กราวบันได ราวกันตก โครงหลังคา กระจก ประตูไม้ หน้าต่าง เครื่องปรับอากาศ ปั๊มน้ำ หรือแม้กระทั่งลิฟท์ รวมมูลค่ากว่า 70 ล้านบาท จึงเข้าแจ้งความพนักงานสอบสวน สภ.บ่อผุด จ.สุราษฎร์ธานี เมื่อวันที่ 2 ก.ย.ที่ผ่านมา ก่อนที่ตำรวจจะสามารถจับกุมผู้ก่อเหตุ"โจรกรรม"ได้รวม 6 คน เมื่อวันที่ 5 ก.ย.65 ส่วนสมาชิกร่วมก่อเหตุทั้งหมด ได้เล็ดลอดหลบหนีไปได้ 
 

เหตุการณ์นี้ นางยมนา พูลสวัสดิ์ เจ้าของที่ดิน เปิดเผยกับ ทีมข่าว"คมชัดลึกออนไลน์" ว่า หลังหมดสัญญาเช่า สิ่งปลูกสร้างทั้งหมดในที่ดิน ได้ตกเป็นของตัวเองตามระบุในสัญญา สิ่งของที่ถูก"โจรกรรม"ไป ส่วนตัวไม่ได้ติดใจอะไร เพียงแต่ต้องทำการ"รีโนเวท"ใหม่ทั้งหมด ค่าใช้จ่ายคร่าวๆน่าจะประมาณ 100 ล้านบาท เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในครั้งนี้ อยากให้เจ้าหน้าที่ตำรวจ ทำการจับกุมแก๊ง"โจรกรรม"ให้ได้ทั้งหมด และอยากให้ดำเนินคดีตามกฎหมายอย่างเด็ดขาด เนื่องจากเป็น"คดีประวัติศาสตร์" ซึ่งจะกระทบต่อ"นักลงทุนชาวต่างชาติ" ที่อยากจะเข้ามาประกอบธุรกิจบนเกาะสมุย