ข่าว

ตำรวจจับ"สาวใหญ่" สุดแสบ ยักยอกทรัพย์กว่า15ล้าน หนุ่มแบงก์ป่วยมะเร็งตาย

เกาะติดข่าวสาร >> คมชัดลึก ออนไลน์
logoline

"สาวใหญ่"ดูแล"พนักงานแบงก์"ป่วยมะเร็ง แอบยักยอกเงินไปกว่า15ล้านบาท หลังฝ่ายชายเสียชีวิตไม่นาน ลูกชายผู้ตายแจ้งความตำรวจตามจับยึดทรัพย์กลับมาได้ 

เมื่อวันที่ 4 ส.ค. 2565 ที่สภ.เมืองพิษณุโลก พล.ต.ท.อัคราเดช พิมลศรี ผบช.ภ.6 พร้อมด้วย พ.ต.อ.ทรงพล สังข์เกษม รอง ผบก.ภ.จว.พิษณุโลก พ.ต.อ.ภาคภูมิ ปราบศรีภูมิ ผกก.สภ.เมืองพิษณุโลก ร่วมแถลงข่าว คดีสาววัย46ปี ยักยอกทรัพย์ของชายวัย 56ปี อดีตพนักงานธนาคารแห่งหนึ่ง โดยบุตรชายของผู้ตาย เป็นผู้แจ้งความร้องทุกข์ให้ดำเนินคดี กล่าวหาว่า ผู้ต้องหาคือสาววัย46ปี ว่าได้ลักโทรศัพท์มือถือของบิดาที่เสียชีวิตไปเมื่อวันที่ 9 ส.ค.2565 เพื่อใช้เข้าถึงข้อมูลและทำธุรกรรมทางการเงินผ่าน แอพพลิเคชั่น โอนเงินจากบัญชีธนาคารของผู้ตายไปโดยทุจริต รวมเป็นจำนวนเงิน 15,790,000 บาท

 

เงินจำนวนนี้เป็นเงินเก็บก้อนสุดท้ายของผู้เสียชีวิตและเป็นคดีที่อยู่ในความสนใจของประชาชน  พล.ต.ท.อัคราเดช จึงได้สั่งการให้เจ้าหน้าที่ตำรวจเร่งดำเนินการสืบสวนสอบสวนจับกุมผู้กระทำความผิด และติดตามทรัพย์สินคืนให้ผู้เสียหายโดยเร็ว กระทั่งสืบทราบว่าผู้ต้องหาได้หลบหนีมาพักที่บ้านแห่งหนึ่งในพื้นที่พิษณุโลกจึงได้ยื่นขออนุมัติหมายค้นต่อศาลจังหวัดพิษณุโลก เข้าทำการจับกุมผู้ต้องหา

 

ผลการตรวจค้นพบของกลาง 1. เงินสด จำนวน 2,329,000 บาท 2. ทองคำแท่ง น้ำหนัก 10 บาท จำนวน 1 แท่ง มูลค่า 299,500 บาท 3. รถยนต์ยี่ห้อเชฟโลเลทรุ่นอ็อบตร้า สีเทา หมายเลขทะเบียน กท-6689 พิษณุโลก ซึ่งเป็นกรรมสิทธิ์ของผู้เสียชีวิต 4. โทรศัพท์มือถือ จำนวน 6 เครื่อง 5. สมุดบัญชีเงินฝาก จำนวน 6 เล่ม 6. สำเนาเอกสารและทรัพย์สินอื่น ๆ อีกจำนวนหลายรายการ 7. ทำการตรวจยึดเงินสดคืนได้ จำนวน 12,000,000 บาท ซึ่งผู้ต้องหานำไปซุกซ่อนในกระเป๋าเดินในทางช่องเก็บยางอะไหล่หลังรถยนต์เก๋ง จากนั้นได้คุมตัวผู้ต้องหา พร้อมด้วยของกลางทั้งหมด นำส่งพนักงานสอบสวนสถานีตำรวจภูธรเมืองพิษณุโลก ดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป
 

 

 
 

เบื้องต้นจากการสืบสวนสอบสวนทราบว่า ผู้ต้องหารู้จักกับผู้ตายได้ทำหน้าที่ดูแลผู้เสียชีวิตป่วยด้วย โรคมะเร็ง กระเพาะอาหารกระทั่งมาเสียชีวิตและผู้ต้องหาได้ใช้โทรศัพท์มือถือของผู้เสียชีวิต โดยทราบรหัสผ่านเข้าแอปพลิเคชั่นของธนาคารโอนเงินเข้าบัญชีธนาคารของตัวเองตั้งแต่วันที่ 9-16 สิงหาคม จำนวน 17 ครั้ง รวมเป็นเงินทั้งสิ้น 15,790,000 บาท จากนั้นผู้ต้องหาได้นำสมุดบัญชีเงินฝากไปถอนเงินวันที่ 21 สิงหาคม จำนวน 3,000,000 บาท และวันที่ 24 สิงหาคม จำนวน 12,732,654 บาท รวมเป็นจำนวนเงินทั้งสิ้น 15,732,654 บาท จากนั้นได้นำเงินจำนวนหนึ่งซื้อทองคำแท่ง และเงินสดส่วนที่เหลือนำมาซุกซ่อนอีกทั้งผู้ต้องหาได้จ่ายเงินในการว่าจ้างทนายความ กรณีที่ต้องถูกดำเนินคดี เป็นจำนวนเงิน 1 ล้านบาท

 

ชั้นจับกุมและชั้นสอบสวนผู้ต้องหาได้ให้การภาคเสธว่าได้กระทำไปตามคำสั่งของผู้เสียชีวิต แต่ตำรวจยังไม่ปักใจเชื่อและมีหลักฐานเพียงพอที่จะดำเนินคดีผู้ต้องหาในความผิดฐานลักทรัพย์หรือรับของโจรเข้าถึงโดยมิชอบซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ที่มีมาตรการป้องกันการเข้าถึงโดยเฉพาะและมาตรการมิได้มีไว้สำหรับตน” ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 334 ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 3 ปี และปรับไม่เกิน 6,000 บาท หรือประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 357 ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินห้าปี หรือปรับไม่เกิน 1 แสนบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ และพระราชบัญญัติว่าด้วยการกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ พ.ศ. 2550 มาตรา 7 ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 2 ปี หรือปรับไม่เกิน 40,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
 

ทั้งนี้ในระหว่างที่แถลงข่าว ทางญาติและครอบครัวของผู้เสียหายได้นำช่อดอกไม้มามอบให้กับเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดจับกุมเพื่อเป็นขวัญและกำลังใจแสดงความขอบคุณ ที่สามารถติดตามจับกุมตัวผู้ต้องหาพร้อมของกลางมาคืนให้กับทายาทของผู้เสียชีวิตได้ในที่สุด และไม่เชื่อว่าผู้เสียชีวิตนั้นจะให้ทรัพย์สินกับผู้ต้องหาเพราะความเสน่หาอย่างแน่นอน เนื่องจากเพิ่งมาดูแลได้เพียงไม่นาน ขอให้ตำรวจคัดค้านการประกันตัวและดำเนินคดีให้ถึงที่สุดอีกด้วย.

 

เพื่อไม่พลาด ข่าวสารต่างๆ คมชัดลึก ไปที่
Youtube - https://www.youtube.com/channel/UCnniqWGq9lOqYd5sGWxVi7w
LineToday - https://today.line.me/th/v2/publisher/100057

เช็กรายชื่อศิลปินเข้าชิง "คมชัดลึก ลูกทุ่ง Awards 2565" ใครคือ 6 Candidate กับ 8  สาขา Popular Vote  

https://www.komchadluek.net/entertainment/524524
 

logoline

ข่าวที่น่าสนใจ