ข่าว

สมคิด จาตุศรีพิทักษ์ ลาออก จาก สหพัฒน์แล้ว รอเป็นแคนดิเดต นายกรัฐมนตรี

เกาะติดข่าวสาร >> คมชัดลึก ออนไลน์
logoline

จับตา สมคิด จาตุศรีพิทักษ์ หลังลาออกจากสหพัฒน์ ลุ้นเปิดตัวเป็นแคนดิเดต นายกรัฐมนตรี พรรคสร้างอนาคตไทย เร็วๆนี้

สุรนันทน์ เวชชาชีวะ รองหัวหน้าพรรคสร้างอนาคตไทย โพสต์เฟซบุ๊ก Suranand Vejjajiva วันนี้ ระบุว่า อาจารย์สมคิด จาตุศรีพิทักษ์ ได้ลาออกจากการเป็นประธานกลุ่มสหพัฒน์แล้ว โปรดติดตามตอนต่อไป

การแจ้งเรื่องดังกล่าว เกิดขึ้นภายหลังจาก บริษัท สหพัฒนาอินเตอร์โฮลดิ้ง จำกัด (มหาชน) ได้ทำหนังสือแจ้งต่อกรรมการและผู้จัดการตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ระบุว่า บริษัทฯ ขอแจ้งให้ทราบว่า นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ ได้มีหนังสือ ขอลาออกตำแหน่งกรรมการบริษัท และ ประธานกรรมการบริษัท เนื่องจากติดภารกิจอื่น จึงไม่อาจปฏิบัติหน้าที่ต่อไปได้ โดยมีผลตั้งแต่วันที่ 31 สิงหาคม 2565

 

 

สมคิด จาตุศรีพิทักษ์ อดีตรองนายกรัฐมนตรี

มีการคาดหมายกันว่า ในการลาออกของนายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ ครั้งนี้ ถือเป็นความเคลื่อนไหวทางการเมืองครั้งสำคัญ และพรรคสร้างอนาคตไทย เตรียมจะเสนอให้นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ เป็นแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีของพรรค ซึ่งจะเปิดตัวในเร็ว ๆ นี้

Cr ฐานเศรษฐกิจ

ในพิธีเปิดหลักสูตร WEALTH OF WISDOM: WOW#1  จัดโดยหนังสือพิมพ์กรุงเทพธุรกิจ สมคิด จาตุศรีพิทักษ์ อดีตรองนายกรัฐมนตรี ฝ่ายเศรษฐกิจระบุว่า สถานการณ์ในปัจจุบัน เรากำลังเผชิญ ทั้งเรื่องเศรษฐกิจ และการเมือง  ที่ไม่คิดว่าจะหนักขนาดนี้ และอนาคตก็จินตนาการยังไม่ออกจะเป็นอย่างไร 

เมื่อสถานการณ์ “การแพร่ระบาดโควิดกับความขัดแย้งยูเครนกับรัสเซีย” นำพาให้ทั่วโลกกำลังเผชิญกับภาวะเศรษฐกิจถดถอย 

ขณะที่ ประเทศเศรษฐกิจขนาดใหญ่อย่างสหรัฐ ยุโรปและจีน มีปัญหาทั้งหมด แน่นอนว่าจะส่งผลกระทบไปทั่วโลก และประเทศไทยเช่นกัน  สิ่งที่จะเกิดขึ้น และเราต้องเตรียมรับมือ  คือ 1.เศรษฐกิจโลกชะลอตัว 2.การส่งออกชะลอตัว 3. การท่องเที่ยวชะลอตัว 

 

สมคิด จาตุศรีพิทักษ์ อดีตรองนายกรัฐมนตรี

ดังนั้นเมื่อประเทศไทย ไม่สามารถพึ่งพาการเติบโตจากนอกประเทศได้ เราก็กลับมาพึ่งพาการเติบโตจากในประเทศ ที่ต้องขับเคลื่อนด้วย เครื่องยนต์เศรษฐกิจที่เหลืออยู่ คือ 

1. การท่องเที่ยว ที่ยังต้องกระจายการเติบโตไปในทุกจังหวัด ทำให้รายได้กระจายตัวไปในถึงทุกชุมชน เพราะตอนนี้นักท่องเที่ยวต่างชาติกลับเข้ามา 40 ล้านคนก็จริง แต่สัดส่วน70% กระจุกตัวอยู่แค่ 3 จังหวัดคือสุราษฎร์ธานี ภูเก็ต และกระบี่

2.การเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันให้กับคนไทย และธุรกิจไทย รองรับดิจิทัลอีโคโนมี ซึ่งภาครัฐต้องมีการปรับแก้กฎหมายให้ทันสิ่งใหม่ที่จะเกิดขึ้นในอนาคต

 เช่น ผลักดันธุรกิจสตาร์ตอัป ดิจิทัลมันนี่ คนไทยทุกคนสามารถฝึกทักษะด้วยการเข้าถึงอินเทอร์เน็ตในราคาถูก หากเราทำช้าทุกอย่างก็จะยิ่งล้าหลัง เกิดความเหลื่อมล้ำไม่เท่าเทียมกัน และความสามารถของประเทศจะถดถอยยิ่งมากขึ้น 
 

3.กลไกการเมืองไทยต้องไม่ปล่อยไปสู่จุดที่เป็น อลิการ์ก (Oligarch) หรือ อภิมหาเศรษฐี (นายทุน) เข้ามาแทรกแซงการเมือง ทำให้เกิดโครงสร้างอำนาจ ที่กำหนดนโยบายการบริหารประเทศไปผิดทิศผิดทางได้  มองว่า  อาวุธของประชาธิปไตย อยู่ที่การออกมาโหวต  ขณะที่รัฐบาลตอนนี้ต้องเร่งกลับมาสร้างความเชื่อมั่น ความเชื่อถือ สร้างพลังงานบริหารจัดการให้ได้

“ เพราะตอนนี้ต่างชาติกำลังมองเราเหมือนเรือที่ลอยอยู่ในมหาสมุทร ที่กำลังจะเผชิญกับพายุลูกใหญ่ เราต้องเตรียมตัว แม้ที่ผ่านมาเราจะมีพื้นฐานเศรษฐกิจที่แข็งแกร่งสะสมมานาน แต่สิ่งเหล่านี้ก็จะถูกสั่นคลอนลงไป เพราะตอนนี้จริงๆ แล้ว เศรษฐกิจไม่มีแรง จีดีพีปีนี้โต 2.5% ไม่ได้เป็นที่น่าพอใจ  เราเหมือนคลานไปเรื่อยๆ เราคงไม่ปล่อยให้อนาคตเศรษฐกิจไทยเป็นเช่นนี้ ทุกคนต้องรู้บทบาทหน้าที่ตัวเอง และร่วมกันแก้ไขปัญหาสร้างอนาคตให้กับประเทศไทยด้วยความรู้และปัญญา” 
Cr กรุงเทพธุรกิจ

ติดตาม คมชัดลึก ที่นี่

Line:https://lin.ee/qw9UHd2-

YouTube:https://www.youtube.com/channel/UCnniqWGq9lOqYd5sGWxVi7w

เช็กรายชื่อศิลปินเข้าชิง "คมชัดลึก ลูกทุ่ง Awards 2565" ใครคือ 6 Candidate กับ 8  สาขา Popular Vote

https://www.komchadluek.net/entertainment/524524

logoline

ข่าวที่น่าสนใจ