บันเทิง

เพลิงไหม้ รง.เอทานอล-รง.พลาสติก (อี 2 น.1)

เกาะติดข่าวสาร >> คมชัดลึก ออนไลน์
logoline

เพลิงไหม้ รง.เอทานอล-รง.พลาสติก (อี 2 น.1) เพลิงไหม้โรงงานเอทานอลในเครือน้ำตาลขอนแก่น คนงานนับร้อยหนีตายจ้าละหวั่น เจ้าหน้าที่มุ่ง 2 ประเด็น ไฟฟ้าลัดวงจร หรือประกายไฟจากการเชื่อมเหล็กกระเด็นไปถูกถังกลั่น ประเมินความเสียหายประมาณ 10 ล้านบาท อีกรายไฟไหม้โรงงานพลาสติกของนายกเล็กแพรกษา สมุทรปราการ วอดกว่า 10 ล้าน เหตุไฟไหม้โรงงานวันเดียว 2 ราย เมื่อเวลา 09.45 น. วันที่ 10 ธันวาคม พ.ต.ท.บุญส่ง นรามาตย์ พนักงานสอบสวน สภ.น้ำพอง ได้รับแจ้งเกิดเหตุเพลิงไหม้โรงกลั่นเอทานอล บริษัท ขอนแก่น แอลกอฮอล์ จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทในเครือน้ำตาลขอนแก่น จึงรีบแจ้งประสานไปยังเจ้าหน้าที่ดับเพลิงเทศบาล ต.น้ำพอง และตำบลใกล้เคียงในเขต อ.น้ำพอง จ.ขอนแก่น เพื่อนำรถดับเพลิงเข้าฉีดน้ำสกัดเพลิงที่กำลังลุกไหม้ ก่อนนำกำลังเจ้าหน้าที่จำนวนหนึ่งรุดไปตรวจสอบ ที่เกิดเหตุเป็นโรงกลั่นเอทานอลโรงที่ 2 โดยโรงกลั่นทำเป็นแบบเปิดโล่ง มีโครงเหล็กเป็นชั้นๆ สูง 7 ชั้น แต่ละชั้นมีหลังคากั้น มีถังเอทานอลตั้งเรียงกันกว่า 10 ถัง ที่บริเวณชั้น 7 พบเพลิงกำลังลุกไหม้ถังกลั่นเอทานอล 2 ถัง เจ้าหน้าที่ดับเพลิงระดมรถนับสิบคันฉีดน้ำสกัดเพลิงที่กำลังลุกไหม้ถังกลั่น ขณะเดียวกัน ภายในโรงงานเอทานอล และโรงงานน้ำตาล ที่ตั้งอยู่ในบริเวณใกล้เคียงกัน พบพนักงานของโรงงานทั้งสองที่ทำงานในวันหยุดกว่า 100 ชีวิต เมื่อเห็นไฟลุกไหม้ต่างพากันแตกตื่นวิ่งหนีตายกันอลหม่าน เนื่องจากเกรงว่าเพลิงจะลุกลามไปยังถังเก็บเอทานอลขนาดใหญ่ที่มีอยู่หลายสิบถังในโรงงาน จนอาจเกิดเหตุระเบิดขึ้น แต่โชคดีที่เจ้าหน้าที่ดับเพลิงสามารถฉีดสกัดเพลิงได้ทันจนเพลิงสงบ โดยใช้เวลาเกือบ 1 ชั่วโมง จากการสอบสวน นายณรงค์ จิตน้อมรัตน์ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ขอนแก่น แอลกอฮอล์ จำกัด ซึ่งอยู่ในเหตุการณ์ กล่าวว่า ภายในโรงงานมีโรงกลั่นเอทานอล 2 โรง โรงกลั่นที่เกิดเหตุเป็นโรงกลั่นที่ 2 อยู่ห่างจากโรงกลั่นแรกประมาณ 20 เมตร โดยโรงกลั่นทั้งสองนี้ บริษัทปิดปรับปรุงมาตั้งแต่วันที่ 5 ธันวาคม และจ้างช่างประมาณ 5-6 คน ทำการเชื่อมซ่อมแซมท่อลำเลียง และถังกลั่นที่ 2 ที่ชำรุด นายณรงค์กล่าวต่อว่า ขณะที่เดินสำรวจบริเวณรอบๆ โรงงาน เห็นประกายไฟลุกไหม้บริเวณท่อและถังกลั่นเอทานอลที่ชั้น 7 ของโรงกลั่น เมื่อช่างเชื่อมเหล็กที่ทำงานอยู่บนโรงกลั่นเห็นไฟลุกไหม้ต่างพากันวิ่งลงมาจากโรงกลั่น ตนจึงคว้าถังดับเพลิงที่อยู่ใกล้ๆ วิ่งขึ้นไปฉีดสกัด แต่เนื่องจากจุดที่เกิดเป็นโรงกลั่นเอทานอล ซึ่งเป็นเชื้อเพลิงอย่างดีจึงไม่สามารถควบคุมเพลิงไว้ได้ จากนั้นจึงรีบโทรศัพท์แจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจให้ประสานเจ้าหน้าที่ดับเพลิง "ความเสียหายที่เกิดขึ้น เบื้องต้นคาดว่าประมาณ 10 ล้านบาท และยังไม่สามารถสรุปได้ว่าสาเหตุเพลิงไหม้เกิดจากไฟฟ้าลัดวงจร หรือเกิดจากประกายไฟจากเหล็กเชื่อมกระเด็นไปโดนถังกลั่นจนทำให้เกิดไฟไหม้" นายณรงค์กล่าว พ.ต.ท.บุญส่ง กล่าวว่า จากการตรวจสอบเบื้องต้นยังไม่สามารถสรุปได้ว่า สาเหตุที่แท้จริงของเพลิงไหม้เกิดจากอะไร แต่จากการสอบสวนทราบว่าโรงกลั่นดังกล่าวมีการปิดซ่อมแซม และมีช่างซ่อมขึ้นไปซ่อมแซมเชื่อมต่อท่อเหล็กบนชั้น 4 ของโรงกลั่น อย่างไรก็ตาม คงต้องรอเจ้าหน้าที่บริษัท ขอนแก่น แอลกอฮอล์ เข้าให้ปากคำก่อนถึงจะสรุปสาเหตุได้ ในส่วนของความเสียหายเบื้องต้นพบว่าถังกลั่นและท่อที่บรรจุเอทานอลถูกไฟไหม้เสียหายจำนวนมาก ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ขณะเกิดเหตุเพลิงไหม้เจ้าหน้าที่บริษัท ขอนแก่น แอลกอฮอล์ ได้ปิดทางเข้าออก เพื่อกันคนนอกและผู้สื่อข่าวเข้า เนื่องจากหวั่นเกรงว่าเพลิงจะลุกลามไปยังโรงกลั่นใกล้เคียง จนอาจเกิดเหตุระเบิดขึ้น ส่วนเหตุไฟไหม้อีกราย เกิดขึ้นเมื่อเวลา 03.30 น. วันเดียวกัน ร.ต.ท.อภิชา ทวีพล ร้อยเวร สภ.บางพลี รับแจ้งมีเหตุเพลิงไหม้อาคารโรงงานของบริษัท เอเชียทราโฟ จำกัด ซึ่งประกอบกิจการรีไซเคิลพลาสติกเก่า ตั้งอยู่เลขที่ 88/99 ซอยสุวรรณบุตร (คลอง 7) ถนนตำหรุ-คลองเก้า หมู่ 12 ต.บางปลา อ.บางพลี จ.สมุทรปราการ หลังรับแจ้งจึงพร้อมด้วยรถดับเพลิงของเทศบาลตำบลบางพลี และเทศบาลใกล้เคียงกว่า 50 คัน เดินทางไปตรวจสอบที่เกิดเหตุ ในที่เกิดเหตุเป็นโรงงานขนาดใหญ่ชั้นเดียว ปลูกสร้างบนพื้นที่ประมาณ 10 ไร่เศษ มีอาคารโรงงาน 2 หลัง พบเพลิงกำลังลุกไหม้อาคารโรงงานทางด้านหลัง และลุกลามเข้ามาติดอาคารโรงงานด้านหน้า ซึ่งภายในมีเครื่องจักรและเศษพลาสติกหลายร้อยตันเก็บอยู่ จึงกลายเป็นเชื้อเพลิงอย่างดี ทำให้เพลิงลุกโหมอย่างรุนแรงและลุกลามอย่างรวดเร็ว เจ้าหน้าที่ดับเพลิงได้ช่วยกันระดมฉีดน้ำสกัดเพลิงอยู่นาน แต่เพลิงลุกลามออกมาติดกองพลาสติกที่กองอยู่ลานข้างโรงงานอีกหลายสิบตัน จนได้รับความเสียหายเกือบทั้งหมด ส่งกลิ่นเหม็นคละคลุ้งไปทั่วบริเวณ เจ้าหน้าที่ดับเพลิงต้องใช้เวลาในการฉีดน้ำสกัดเพลิงนานกว่า 3 ชั่วโมง จึงสามารถควบคุมเพลิงเอาไว้ได้ จากการตรวจสอบพบว่า เพลิงได้เผาผลาญอาคารโรงงานทั้งสองหลัง ที่มีเครื่องจักรเกือบ 10 ตัว พร้อมวัตถุดิบ ซึ่งประเมินความเสียหายเป็นมูลค่ากว่า 10 ล้านบาท จากการสอบสวน นายประสาน ศิลปะชัยเสรี อายุ 43 ปี อยู่บ้านเลขที่ 29 หมู่ 7 บ้านเสม็ด ต.กระวันทา อ.เมือง จ.บุรีรัมย์ หัวหน้าคนงาน ซึ่งดูแลโรงงานที่เกิดเหตุ ให้การว่า เมื่อช่วงเย็นวันที่ 9 ธันวาคม หลังจากตนและคนงาน 5 คน เลิกงานในเวลาประมาณ 5 โมงเย็น ก็ปิดล็อกโรงงานไม่มีใครอยู่ด้านใน โดยตนและคนงานได้ออกมาพักที่ห้องแถวด้านข้างโรงงาน ซึ่งอยู่ห่างจากที่เกิดเหตุประมาณ 50 เมตร นายประสานกล่าวว่า ก่อนเกิดเหตุขณะนอนหลับมีกลุ่มควันจำนวนมากพวยพุ่งเข้ามาในห้อง จึงรีบออกมาดู พบว่าเพลิงได้ลุกไหม้ที่อาคารโรงงานทางด้านหลังที่เพิ่งสร้างใหม่ หลังจากนั้นเพลิงได้ลุกลามมายังอาคารด้านหน้า ซึ่งมีเครื่องจักรเกือบ 10 เครื่องติดตั้งอยู่ ส่วนอาคารด้านหลังมีเศษพลาสติกรีไซเคิลแล้วเก็บไว้หลายสิบตัน จึงรีบปลุกคนงานทั้งหมดออกมาช่วยกันดับเพลิง แต่ไม่สามารถดับได้ จึงโทรศัพท์แจ้ง นายยงยุทธ สุวรรณบุตร นายกเทศมนตรีตำบลแพรกษา ซึ่งเป็นเจ้าของโรงงานที่เกิดเหตุทราบ ก่อนขอความช่วยเหลือจากเจ้าหน้าที่ เบื้องต้นเจ้าหน้าที่สันนิษฐานว่า สาเหตุการเกิดเพลิงไหม้ครั้งนี้น่าจะเกิดจากไฟฟ้าลัดวงจร เพราะขณะเกิดเหตุไม่มีใครอยู่ด้านใน อย่างไรก็ตาม จะได้ประสานเจ้าหน้าที่วิทยาการเข้าตรวจหาสาเหตุการเกิดเพลิงไหม้ครั้งนี้โดยละเอียดอีกครั้ง
logoline
แท็กที่เกี่ยวข้อง

ข่าวที่น่าสนใจ