ข่าว

ตำรวจไซเบอร์ ระดมทีมล่า "แฮกเกอร์" ล้วงตับ ก.สาธารณสุข

เกาะติดข่าวสาร >> คมชัดลึก ออนไลน์
logoline

ตำรวจไซเบอร์ เร่งตรวจสอบ "แฮกเกอร์" แฮกข้อมูลสาธารณสุข พบเป็นข้อมูลแพทย์ในพื้นที่จังหวัดเพชรบูรณ์ คาดเป็นฝีมือกลุ่มโจรกรรมอินเดีย และมีเซิร์ฟเวอร์ประเทศสิงค์โปร์

กรณีเพจเฟซบุ๊กแชร์เรื่องราวว่าข้อมูลคนไข้ของกระทรวงสาธารณสุขโดน กลุ่ม "แฮกเกอร์" ล้วงข้อมูล โดยการแฮกข้อมูลสาธารณสุขครั้งนี้มีการเรียกค่าไถ่ ซึ่งทางเว็บไซต์ Raidforums.com ได้มีการแฮกข้อมูลของเว็บไซต์ e-commerce ขายของรายใหญ่ไปแล้ว 1 ครั้ง และครั้งนี้ได้มีการโพสต์ขายข้อมูลของผู้ป่วยของกระทรวงสาธารณสุขที่ประกอบไปด้วยข้อมูลผู้ป่วย ที่อยู่ รหัสประจำตัวประชาชน เบอร์โทรศัพท์มือถือ วันเดือนปีเกิด ชื่อบิดามารดา ชื่อโรงพยาบาลที่เข้ารับการรักษาข้อมูลแพทย์ทั้งหมด ณ โรงพยาบาลที่ประจำอยู่รวมถึงรหัสผ่านของระบบของโรงพยาบาล และข้อมูลที่น่าสนใจทั่วไปที่สามารถใช้ข้อมูลจากการแฮกฐานข้อมูลดังกล่าวได้ พร้อมกับนำภาพตัวอย่างของข้อมูลที่ถูกแฮกมาแสดงที่หน้าเว็บไซต์ ซึ่งพบว่ามีข้อมูลของผู้ป่วยหลุดออกไปกว่า 16 ล้านรายชื่อ 


ล่าสุดทางด้าน พล.ต.ท.กรไชย คล้ายคลึง ผู้บัญชาการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (ผบช.สอท.) เปิดเผยว่า เบื้องต้นได้ให้เจ้าหน้าที่เทคนิคเข้าไปตรวจสอบข้อมูล ตามที่เว็บไซต์ดังกล่าวที่ "แฮกเกอร์" นำข้อมูลมาโพสต์ลงในเว็บไซต์แล้ว พบว่า เป็นข้อมูลของแพทย์ในจังหวัดเพชรบูรณ์ โดยมีข้อมูลรายละเอียดที่เกี่ยวข้องกับชื่อนามสกุล เลขที่บัตรประจำตัวประชาชน บัตรข้าราชการ โรงพยาบาลที่ประจำอยู่ ข้อมูลส่วนตัวต่างๆ

 

แต่ยังไม่พบข้อมูลของผู้ป่วยโควิด-19 ตามที่กล่าวอ้างในเว็บไซต์ แต่มีความเป็นไปได้ว่าคนร้ายอาจมีข้อมูลมากกว่านี้แต่เปิดเผยข้อมูลเพียงบางส่วนก่อน ส่วนจะเป็นการกระทำเพื่อหวังขายข้อมูลดังกล่าวให้กับมิจฉาชีพหรือผู้ที่สนใจมาซื้อไปใช้ในการกระทำความผิดหรือเป็นการเรียกค่าไถ่กับทางกระทรวงสาธารณสุขหรือหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ขณะนี้พบว่าเว็บไซต์ดังกล่าวยังไม่ได้เปิดเผยวัตถุประสงค์ที่ชัดเจนจึงต้องรอข้อมูลอีกสักระยะหนึ่ง
 

 

“ทั้งนี้ เชื่อว่าข้อมูลดังกล่าว น่าจะเป็นข้อมูลจริงโดยคนร้าย "แฮกเกอร์" อาจใช้วิธีการเจาะเข้าระบบ จากการส่งลิ้งก์เชิญชวนในรูปแบบต่างๆ ก่อนที่พนักงาน หรือ ข้าราชการภายในโรงพยาบาลจะกดเข้าไปดูและทำให้คนร้ายสามารถเข้าสู่ระบบข้อมูลของกระทรวงสาธารณสุขได้ หรืออาจเป็นความประมาทเลินเล่อของเจ้าหน้าที่ระบบที่ตั้งรหัสที่คาดเดาได้ง่าย จนทำให้คนร้ายสุ่มกดจนเข้าสู่ระบบทั้งหมดได้” พล.ต.ท.กรไชย ระบุ

 

พล.ต.ท.กรไชย ยังระบุอีกว่า จากการตรวจสอบข้อมูลยังพบอีกว่า กลุ่ม "แฮกเกอร์" หรือ คนร้ายกลุ่มนี้น่าจะเป็นกลุ่มเดียวกับที่เคยก่อเหตุเจาะเข้าฐานข้อมูลของโรงพยาบาลแห่งหนึ่งในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ และธนาคารกรุงไทยซึ่งเป็นข่าวไปแล้วก่อนหน้านี้ โดยหากทางหน่วยงานที่ได้รับความเสียหายเข้ามาแจ้งความดำเนินคดีก็พร้อมเข้าสืบสวนสอบสวนหาต้นตอของคนร้ายรายนี้มาดำเนินคดีให้ได้

 

อย่างไรก็ตาม เบื้องต้นพบว่าเป็นกลุ่ม "แฮกเกอร์" ที่ก่อตั้งเว็บไซต์ขึ้นในประเทศอินเดีย และมี server อยู่ที่ประเทศสิงคโปร์

 

logoline