"โอไมครอน" ไม่น่ารอด ไบออนเทคเชื่อ ไฟเซอร์เอาอยู่
"โอไมครอน" งานนี้มีหนาว หลังจากทาง CEO ของไบออนเทค บริษัทเวชภัณฑ์สัญชาติเยอรมนี มั่นใจว่าวัคซีนไฟเซอร์ สามารถป้องกันอาการเจ็บป่วยที่รุนแรงได้
"โอไมครอน" แรงแค่ไหนก็เอาอยู่ หลังจากทาง CEO ไบออนเทค มั่นใจว่า ถึงแม้โอไมครอนจะแพร่ระบาดง่ายกว่าเชื้อโควิดชนิดอื่น แต่วัคซีนที่มีอยู่ยังสามารถป้องกันการเกิดอาการเจ็บป่วยที่รุนแรงได้ โดยชี้แจงว่า แม้ว่าโอไมครอน จะสามารถหลบเลี่ยงภูมิคุ้มกันที่สร้างขึ้นโดยวัคซีนได้ดีกว่าเดลตา เนื่องจาก มีตำแหน่งกลายพันธุ์ที่มากกว่า แต่ก็ไม่น่าเป็นไปได้ที่โอไมครอนจะสามารถหมุนเวียนการตอบสนองภูมิคุ้มกันของ T-cell ในร่างกายต่อการติดเชื้อได้
ซึ่งที่ผ่านมา ทางไบออนเทคคาดการณ์ว่า จะต้องใช้เวลาอย่างน้อย 100 วัน ในการพัฒนาวัคซีนสูตรใหม่เพื่อให้สามารถต้านทาน "โอไมครอน" ในขณะที่ทาง CEO ระบุว่า เรื่องนี้จะต้องใช้เวลาในการศึกษาวิจัยกันต่อไป ซึ่งตอนนี้ควรเร่งฉีดวัคซีนเข็มกระตุ้นเพิ่มขึ้นเพื่อเพิ่มภูมิคุ้มกันของบุคคลต่อไป
ทั้งนี้ คำพูดของ CEO ยังสอดคล้องกับผู้อำนวยการใหญ่ขององค์การอนามัยโลก (WHO) ที่เรียกร้องให้ประชาชนอย่าตื่นตระหนก หลังพบไวรัสโควิด-19 สายพันธุ์โอไมครอน จนทำให้มีการออกมาตรการป้องกันแบบเหวี่ยงแห ซึ่งเป็นการลงโทษต่อชาวแอฟริกาอย่างไม่เป็นธรรม โดยระบุว่า
ผมเข้าใจถึงความกังวลของทุกประเทศดี แต่ผมก็มีความกังวลกับการออกมาตรการเหวี่ยงแห ซึ่งไม่ได้ตั้งอยู่บนพื้นฐานของหลักฐาน และไม่มีประสิทธิภาพ ผมขอขอบคุณบอตสวานาและแอฟริกาใต้ ที่ตรวจพบไวรัสดังกล่าว ทำการถอดรหัสพันธุกรรม และรายงานอย่างรวดเร็ว ในขณะที่พวกเขากลับถูกลงโทษ เพราะ ทำในสิ่งที่ถูกต้อง
โดยทาง ประธานสมาคมการแพทย์แห่งแอฟริกาใต้ ซึ่งเป็นผู้ส่งสัญญาณเกี่ยวกับไวรัสดังกล่าว ได้ระบุว่า ผู้ที่ติดเชื้อ "โอไมครอน" มีอาการป่วยไม่รุนแรง โดยเธอเริ่มสังเกตอาการของผู้ป่วยเมื่อประมาณวันที่ 18 พฤศจิกายนที่ผ่านมา และพบว่า ผู้ป่วยมีอาการแทบไม่แตกต่างจากผู้ที่ติดเชื้อไวรัสสายพันธุ์เดลตา ซึ่งเป็นสายพันธุ์หลักที่ก่อให้เกิดการแพร่ระบาดของโควิด-19 ทั่วโลก
ดิฉันเริ่มสังเกตอาการของผู้ป่วยชายรายหนึ่งอายุประมาณ 33 ปี ซึ่งผู้ป่วยรายนี้บอกดิฉันว่า เขามีอาการเหนื่อยมากในช่วงไม่กี่วันที่ผ่านมา มีอาการปวดศีรษะและปวดเมื่อยตามร่างกาย แต่ผู้ป่วยรายนี้กลับไม่ได้เจ็บคอ ไม่มีอาการไอ อีกทั้งยังไม่ได้สูญเสียการรับรู้กลิ่นและรส ซึ่งเป็นอาการที่พบในผู้ป่วยที่ติดเชื้อโควิด-19 สายพันธุ์ก่อนหน้านี้