ปลุกก้าวใหม่ ‘พิธา’ สู้เกมล้างเผ่าพันธุ์ ‘ก้าวไกล’ จับตาไอติมผู้นำรุ่น 3

สัญญาณลบ พิธา พลพรรคก้าวไกล คดีล้มล้างการปกครองส่อแววถูกยุบพรรค บวกเชือดจริยธรรม 44 สส. เตรียมดันแกนนำส้มรุ่น 3  

บทเรียนอนาคตใหม่ ปิดฉากรุ่น 1 สู่ก้าวไกลรุ่น 2 หากเป็นไปตามฉากทัศน์ที่เลวร้าย ก็จะได้พบกับพลพรรคส้มรุ่น 3 

หลัง กกต.ยื่นศาลรัฐธรรมนูญพิจารณายุบพรรคก้าวไกล กรณีเข้าข่ายล้มล้างการปกครองฯ พิธา ลิ้มเจริญรัตน์ ประธานที่ปรึกษาหัวหน้าพรรคก้าวไกล โพสต์ภาพและปักหมุดไว้บนอินสตาแกรม พร้อมข้อ ความว่า ‘ไม่มีพวกคุณ ไม่มีพวกเรา ก้าวต่อไปครับ’
 

สำหรับภาพที่พิธานำมาโพสต์ไว้คือ ภาพการปราศรัยใหญ่ครั้งสุดท้ายก่อนการเลือกตั้ง 14 พ.ค. 2566 ที่อาคารกีฬาเวสน์ 1 สนามกีฬาไทย-ญี่ปุ่นดินแดง กทม.

พิธา คงต้องการสื่อความหมายว่า ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น ดีร้ายอย่างไรพลพรรคสีส้มต้องก้าวต่อไป 

ดังที่ทราบกัน พรรคก้าวไกลเผชิญกับวิบากกรรมทางการเมือง 2 คดี ที่ส่งสัญญาณอันตรายแก่พรรค และ สส.จำนวนหนึ่ง

1.คดีล้มล้างการปกครอง กกต.ส่งคำร้องไปให้ศาลรัฐธรรมนูญมีคำสั่งให้ยุบพรรคก้าวไกลและตัดสิทธิ์กรรมการบริหารพรรค ตาม พ.ร.บ.พรรคการเมือง มาตรา 92 

ในขั้นศาลรัฐธรรมนูญ ไม่น่าจะเกิน 2 เดือน หรือช่วงต้นเดือนพ.ค. 2567 จึงจะมีคำวินิจฉัยในคดีดังกล่าว

2.คดีผิดจริยธรรมร้ายแรง ตามรัฐธรรมนูญมาตรา 219 วรรคสอง มาตรา 235 ป.ป.ช.กำลังพิจารณาตามคำร้องให้เอาผิด พิธา ลิ้มเจริญรัตน์ และ สส. 44 คน ว่า กระทำการขัดมาตรฐานจริยธรรมร้ายแรงของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง

ป.ป.ช.จะใช้เวลาตามที่ได้กำหนดไว้ 180 วัน หากพบว่า มีมูลความผิดก็จะส่งเรื่องไปที่ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง

จะว่าไปแล้ว แกนนำสีส้มได้เตรียมการรับมือทุกฉากทัศน์การเมือง หากเลวร้ายสุดๆ ต้องหาพรรคสำรองสำหรับกรณีโดนยุบพรรค เรื่องนี้ทำได้ไม่ยาก 

อย่างกรณียุบพรรคอนาคตใหม่ ผู้นำพรรคสีส้มรุ่น 1 ได้เลือกพรรคร่วมพัฒนาชาติไทย เป็นพรรคสำรอง และมีการเปลี่ยนชื่อเป็นพรรคก้าวไกล 

ทำนองเดียวกัน ยุบพรรคก้าวไกล แกนนำพรรคสีส้มรุ่น 2 ก็ต้องอพยพ สส.ไปอยู่พรรคที่มีชื่อจดทะเบียนกับ กกต.ไว้แล้ว ก่อนเปลี่ยนชื่อใหม่ ภายใต้แบรนด์สีส้ม
 

ปิดฉากรุ่น 2
ในกรรมการบริหารพรรคก้าวไกล 10 คน ที่จะถูกตัดสิทธิ์ทางการเมืองพร้อมการยุบพรรค พบว่า เป็น สส.บัญชีรายชื่อ 6 คน แยกเป็น สส.พรรคก้าวไกล 5 คน และ สส.พรรคเป็นธรรม 1 คน

เฉพาะก้าวไกล 5 คนประกอบด้วย พิธา ลิ้มเจริญรัตน์, ชัยธวัช ตุลาธน, เบญจา แสงจันทร์, อภิชาติ ศิริสุนทร และสุเทพ อู่อ้น

ส่วน ปดิพัทธ์ สันติภาดา ถูกขับออกจากก้าวไกลไปสังกัดพรรคเป็นธรรม เพื่อรักษาเก้าอี้รองประธานสภาฯ

กรณีหมออ๋อง-ปดิพัทธ์ จะส่งผลถึงตำแหน่งรองประธานสภาฯ ซึ่งเหมือนเข้าทางพรรคเพื่อไทย ที่ต้องการเขี่ยหมออ๋องออกจากรองประมุขนิติบัญญัติอยู่แล้ว 

 

 

 

 

เปิดตัวรุ่น 3
หลายคนอาจคิดว่า ถ้ายุบพรรคก้าวไกล ไม่มีผู้นำรุ่น 2 อย่างพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ ก็ยังมี ไหม-ศิริกัญญา ตันสกุล ที่พร้อมจะนำทัพต่อไป

อย่าลืมว่า สส.ก้าวไกล 44 คน มีคดีผิดจริยธรรมร้ายแรง อันเนื่องจากเสนอร่างแก้ไข ม.112 หากศาลตัดสินว่าผิดจริยธรรม ก็ถูกตัดสิทธิ์ทางการเมืองตลอดชีวิต

ไล่ดูรายชื่อ สส.ตัวตึงตัวจี๊ด ได้แก่ พิจารณ์ เชาวพัฒนวงศ์, ธีรัจชัย พันธุมาศ,ญาณธิชา บัวเผื่อน, ศิริกัญญา ตันสกุล, รังสิมันต์ โรม, เบญจา แสงจันทร์, วิโรจน์ ลักขณาอดิศร, สุรเชษฐ์ ประวีณวงศ์วุฒิ และปกรณ์วุฒิ อุดมพิพัฒน์สกุล 

นี่เป็นเพียงรายชื่อ สส.ไม่กี่สิบคน ซึ่งล้วนแล้วแต่เป็นกำลังสำคัญของพรรคสีส้มรุ่น 2 ถ้าถูกตัดสิทธิ์การเมือง ก็ต้องหลุดจาก สส.

แกนนำสีส้มรุ่น 3 คงหนีไม่พ้น ไอติม-พริษฐ์ วัชรสินธุ และเท้ง-ณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ ซึ่งจัดอยู่ในโหมดดีเด่นดัง 

ผสมผสานกับ สส.ดาวรุ่งสีส้มอย่าง ศุภณัฐ มีนชัยนันท์, ศศินันท์ ธรรมนิฐินันท์, พนิดา มงคลสวัสดิ์, ชยพล สท้อนดี ฯลฯ ก็พอจะเป็นแม่เหล็กดึงดูดด้อมส้มได้ระดับหนึ่ง