คอลัมนิสต์

3ป.ยังปึ๊กหนุน"ลุงป้อม"คุมพปชร.

เกาะติดข่าวสาร >> คมชัดลึก ออนไลน์
logoline

3ป.ยังปึ๊กหนุน"ลุงป้อม"คุมพปชร.

         ในสัปดาห์ที่ผ่านมา มีความเคลื่อนไหวของพรรคพลังประชารัฐที่น่าสนใจ 2 กรณี

         กรณีแรก พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ เรียก อุตตม สาวนายน หัวหน้าพรรคและ สนิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ เลขาธิการพรรคเข้าพบ

         ไม่มีใครทราบว่า พล.อ.ประยุทธ์ คุยอะไรกับ2 แกนนำพรรค 

         ข่าวที่ออกมา ออกมาจากฝ่าย อุตตม และสนธิรัตน์ เพียง2  คน ในทำนองว่า นายกฯคุยทั้งเรื่องงานและเรื่องการเมือง 

         เฉพาะเรื่องงาน นายกฯให้ อุตตม และ สนธิรัตน์ ทำงานที่รับผิดชอบต่อไป ซึ่งพอจะถอดรหัสได้ว่า ทำงานต่อไปนั้นหมายความว่าอย่างไร

         เนื่องจากกระทรวงการคลัง เป็นกระทรวงหลักในการบริหารจัดการเยียวและการฟื้นฟูเศรษฐกิจหลังวิกฤติโควิด ส่วนกระทรวงพลังงาน มีหน้าที่ดูแลราคาน้ำมัน และค่าไฟฟ้าให้กับประชาชน

 

         เป็นกระทรวงที่มีหน้าที่เยียวยาวิกฤตโดยเฉพาะ รัฐบาลจะได้รับคำชมหรือถูกตำหนิก็จากผลงานของ2กระทรวงนี้

 

         ดังนั้นนายกฯจึงกำชับเป็นพิเศษ เพราะกระทรวงการคลัง มีปัญหาเยียวยาไม่ครบทุกกลุ่มทุกคน มีปัญหาคนกินยาฆ่าตัวตาย มีปัญหาคนมาร้องเรียนหน้ากระทรวง มันทำคะแนนนิยมของรัฐบาลตกต่ำลงไปด้วย นี่ไม่นับการจ่ายเงินเยียวยาช้า

 

         ส่วนกระทรวงพลังงาน ทำให้ประชาชนสับสนเรื่องการลดค่าไฟฟ้า เพราะบิลเรียกเก็บค่าไฟฟ้ายังไม่มีอะไรเปลรี่ยนแปลง จึงต้องไปทำความเข้าใจ ขณะที่ราคาน้ำมันตลาดโลกติดลบ แต่ราคาขายปลีกในบ้านเรายังสูง นี่คือปัญหาที่นายกฯให้รัฐมนตรีสองคนไปแก้ไข

 

         ส่วนประเด็นการเมือง มีเพียงอุตตม และสนธิรัตน์ เท่านั้นที่บอกว่านายกฯคุยเรื่องการเมือง แต่ไม่มีรายละเอียด โดยสองคนเอาเรื่องการทำหน้าที่ในกระทรวงมาผสมกับเรื่องการเมือง ข่าวจึงออกมาว่านายกฯให้สองคนทำหน้าที่ต่อไป เสมือนว่าจะไม่มีการปรับเปลี่ยนในพรรคพลังประชารัฐ

 

         แต่เรื่องนี้ นฤมล ภิญโญสินวัฒน์ โฆษกรัฐบาล ออกมายืนยันกับนักข่าวว่า นายกฯไม่ได้คุยเรื่องการเมืองกับสองรัฐมนตรีเลย

 

         นี่น่าจะเป็นการพูด”ตีกิน”ของอุตตม กับ สนธิรัตน์ มากกว่า ในท่ามกลางที่จะต้องถูกเปลี่ยนตัวจากตำแหน่งหัวหน้าพรรคและเลขาธิการพรรค

 

         อย่างไรก็ตาม การให้สัมภาษณ์ของสองคน พอจับใจความตอนท้ายว่า จะเข้าไปพบ พล.อ.ประวิตร วงศ์สุวรรณ ประธานยุทธศาสตร์พรรค จากนั้นไม่กี่วันก็มีข่าวว่า อุตตม และ สนธิรัตน์ เข้าไปพบ พล.อ.ประวิตร แล้ว

 

          โดยมีรายงานว่า พล.อ.ประวิตร ยังบึ้งตึงกับสองคน ที่ไปปล่อยข่าวว่า พล.อ.ประวิตร ส่งเสธ.อ.คนใกล้ชิดไปไล่ให้ลาออกจากตำแหน่ง ไปเคลื่อนไหวให้กรรมการบริหาร34คนลาออกเพื่อจะตั้งคนใหม่เข้าไป ทำให้ พล.อ.ประวิตร ไม่พอใจและมีแรงกระเพื่อมไปถึงพล.อ.ประยุทธ์

 

           อย่าลืมว่าในระยะหลัง พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา จะเข้ามาคอยให้คำปรึกษาทางการเมือง กับ พล.อ.ประยุทธ์ มากขึ้น นับแต่เกิดปัญหากับพรรคประชาธิปัตย์ กรณีโหวตคว่ำโหวตสวนมติต่างๆในสภา ฉะนั้นสิ่งที่ พล.อ.ประยุทธ์ ตัดสินใจ จะมี พล.อ.อนุพงษ์ ร่วมด้วยทุกครั้ง

 

           การที่ พล.อ.ประวิตร ไม่พอใจ อุตตม และ สนธิรัตน์ นั้นอยู่ในความรับรู้และ พล.อ.ประยุทธ์ และพล.อ.อนุพงษ์ มาตลอด แน่นอนว่า พล.อ.ประยุทธ์ ต้องการให้จบปัญหา จึงให้ อุตตม และ สนธิรัตน์ เข้าไปขอโทษ พล.อ.ประวิตร 

 

           แต่เกมในพลังประชารัฐไม่จบ เพราะยังมีความเคลื่อนไหว ในการดึงตัวกรรมการบริหารพรรคเพื่อไม่ให้ลาออก ขณะที่สายพล.อ.ประวิตร ก็ดึงตัวกรรมการบริหารพรรคเพื่อให้ลาออก และจะนำไปสู่การเปลี่ยนแปลงในพรรค

 

           เดิมนั้น พล.อ.ประวิตร ต้องการสลับตำแหน่งระหว่าง ประธานยุทธศาสตร์ กับหัวหน้าพรรค โดยให้ อุตตม ไปเป็นประธานยุทธศาสตร์แทน แล้วพล.อ.ประวิตร เป็นหัวหน้าพรรค โดยมีเป้าหมายเพื่อสลายขั้วสลายกลุ่มการเมืองในพรรค เนื่องจาก อุตตม กับ สนธิรัตน์ ไม่สามารถบริหารจัดการเรื่องนี้กับนักการเมืองได้

 

            กรรมการบริหารและสส.ส่วนใหญ่ก็เห็นด้วยกับการเปลี่ยนแปลงนี้ แต่เมื่อมีข่าวปล่อยออกมาทำให้พล.อ.ประวิตร เสียหาย หากมีการเปลี่ยนแปลง อุตตม กับ สนธิรัตน์ อาจไม่เหลืออะไรเลย เพราะสองคนนี้ไม่ได้เป็นสส. หากถูกปรับออกจากครม.ก็จะลอย

 

            แหล่งข่าวกล่าวว่า วันนี้กรรมการบริหารสาย พล.อ.ประวิตร มีเกินครึ่ง อาจไม่จำเป็นต้องใช้กรรมการบริหารสาย ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า ที่มี7คนก็ได้ แต่มีรายงานว่า พล.อ.ประวิตร ต้องการให้เป็นเอกภาพ ดังนั้นกรรมการบริหาร34คนจะต้องลาออกทั้งหมด แน่นอนว่า สายร.อ.ธรรมนัส ไม่มีทางปฏิเสธ พล.อ.ประวิตร ได้เพราะยังไง นาย กับ ลูกน้อง ตัดกันไม่ขาด

 

            มีรายงานว่า การเปลี่ยนแปลงในพรรคจะเกิดขึ้นหลังจาก 31พฤษภาคม หากพล.อ.ประยุทธ์ ไม่ต่อพรก.ฉุกเฉิน คาดว่า การเปลี่ยนแปลง การปรับโครงสร้างพรรคจะจบในเดือนมิถุนายน แน่นอน เพราะ พล.อ.ประยุทธ์ และพล.อ.อนุพงษ์ ไฟเขียวให้ พล.อ.ประวิตร เป็นที่เรียบร้อยแล้ว

logoline

ข่าวที่น่าสนใจ