"สนธิญาณ" เปิดรายงานลับ ปชช.ยี้แจกเงิน สู่การตั้งกก.ภาคเอกชน

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อเวลา 00.00 น. คืนวันที่ 10 เม.ย.2563 ทางช่องยูทูป ของสถาบันทิศทางไทย ได้เผยแพร่ คลิปของ นายสนธิญาณ ชื่นฤทัยในธรรม ประธานสถาบันทิศทางไทย โดยมีการเผยแพร่ ข้อมูลเชิงลึก ที่ลับๆ จาก สำนักข่าวกรองแห่งชาติ

นายสนธิญาณ ชื่นฤทัยในธรรม ประธานสถาบันทิศทางไทย  โดยได้กล่าวว่า ซึ่งได้รายงานถึงกระแสวิพากษ์วิจารณ์เกณฑ์การพิจารณาผู้มีสิทธิ์ได้รับเงินเยียวยา 5,000 บาทว่า ขาดความเป็นธรรม โดยเฉพาะกลุ่มผู้ใช้แรงงาน คนงานก่อสร้างและคนว่างงาน ซึ่งสมควรเป็นคนกลุ่มแรกที่มีสิทธิ์ได้รับเงินเยียวยา ควรมีการประกาศเกณฑ์การพิจารณาผู้มีสิทธิ์ได้รับเงินให้ชัดเจนตั้งแต่แรก เพื่อไม่ต้องเสียเวลาลงทะเบียน รวมทั้งไม่ต้องเข้าไปดำเนินการขอสละสิทธิ์ภายหลัง ด้วยเพราะเกรงว่าจะถูกดำเนินคดีตามพ.ร.บ.ว่าด้วยการกระทำผิดทางคอมพิวเตอร์ 2560  ซึ่งประชาชนแสดงความคิดเห็นเปรียบเทียบการบริหารระหว่างรัฐบาลไทยและรัฐบาลชาติอื่น ซึ่งรัฐบาลไทยทำงานล่าช้า ต้องให้ประชาชนมาลงทะเบียนผ่านอินเตอร์เน็ต โดยประชาชนที่เดือดร้อนบางส่วนยังไม่สามารถเข้าถึงอินเตอร์เน็ตและสมาร์ทโฟนได้

การดูแลมาตรการเยียวยาชุดที่ 3 แสดงความกังวลว่า งบประมาณ ที่เอามาใช้ ประชาชนจะได้ประโยชน์อะไรที่เป็นรูปธรรม เพราะการช่วยเหลือไปไม่ถึงทุกคน และประชาชนเข้าถึงยาก

ซึ่งนายสนธิญาณ ยังกล่าวต่อว่า นี่คือสิ่งที่ผมไม่เห็นด้วย เพราะการลงทะเบียน มันมีขั้นตอนที่คัดกรองยาก เพราะบางคนที่ไม่ควรได้กลับได้ ปัญหาคือ ระบบการตรวจสอบคือ AI จะตรวจสอบได้อย่างไร เพราะคุณไม่มีฐานข้อมูลเบื้องต้น ให้ตรวจสอบ

ผมคิดว่า วันนี้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี คงจะได้รับรู้ หรือข้อเสนอด้านต่างๆ และได้ข้อสรุปเรื่อง ทีมเศรษฐกิจในการจัดการช่วยเหลือเยียวยาประชาชนในช่วงวิกฤตนี้มันชักจะยังไง อยู่ จนกระทั่ง พล.อ.ประยุทธ์ ได้มีการออกคำสั่ง นายกรัฐมนตรี ที่ 8/2563 เรื่อง แต่งตั้งคณะที่ปรึกษาด้านธุรกิจภาคเอกชนในศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรน่า 2019 (โควิด-19) ลงนาม เมื่อวันที่ 8 เม.ย.63 เพื่อให้การปฏิบัติงานของศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดเป็นไปด้วยความรอบคอบ และมีประสิทธิภาพ ทำหน้าที่ในการเข้าร่วมประชุมเพื่อให้คำปรึกษา ข้อเสนอแนะ การป้องกัน และแก้ไขปัญหาของภาคธุรกิจเอกชนที่ได้รับผลกระทบ

ตั้งคำถามว่า ทำไม นายกถึงไม่ตั้ง นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี ด้านเศรษฐกิจเป็นหัวหน้าทีม แต่เลือกที่จะตั้ง เลขาสภาพัฒน์ เป็นหัวหน้าทีม พร้อมภาคเอกชนต่างๆ เข้ามาเป็นคณะทำงาน (รายชื่อตามประกาศ)

วันนี้สิ่งที่จะต้องฝากเรื่องให้พิจารณาแผนการเยียวยาทั้งระบบ ซึ่งข้อมูลบางส่วนก็จะมีทีมอาจารย์จากสถาบันทิศทางไทย เพื่อดูเรื่อง ผลกระทบจากประชาชน ด้านต่างๆ เช่น ประชาชนผู้ประกันตน ม.33 ก็มีกลุ่มบุคคล ชัดเจน เพื่อให้เม็ดเงิน จะได้กระจายและครอบคลุมถึงบุคคลมากที่สุด

ก็หวังว่า กรรมการชุดนี้ จะได้ช่วยกันคิดตามยุทธศาสตร์ที่ต้องเดินหลังผ่านวิกฤตเชื้อโควิดแล้ว ทิศทางที่สำคัญต้องเดินทางแนวพระราชดำริเศรษฐกิจพอเพียง ในหลวงรัชกาลที่ 9   ทั่วโลกมีการติดเชื้อจำนวนมากกว่าจะฝืนได้ก็ใช้เวลานาน กว่าที่ที่เราต้องพึงพิงตัวเอง พึงพิง ก็ต้องใช้เวลานาน

จากการตั้งคณะกรรมการชุดนี้ ก็ถือว่าเป็นทิศทางที่ดี ที่ท่านฟังเสียงประชาชนและประชาชนก็พร้อมสนับสนุนท่าน