คอลัมนิสต์

อย่าห่วงว่าตั้งรัฐบาลไม่ได้ แต่ให้ห่วงว่าจะไม่ได้ตั้งรัฐบาล 

เกาะติดข่าวสาร >> คมชัดลึก ออนไลน์
logoline

คอลัมน์...  กวาดบ้านกวาดเมือง  โดย... ลมใต้ปีก




          กลายเป็นตำบลกระสุนตกไปเรียบร้อยสำหรับ คณะกรรมการการเลือกตั้ง(กกต.) หลังจากที่การปฏิบัติงานของสำนักงาน กกต. ที่มี พ.ต.อ.จรุงวิทย์ ภุมมา เลขาธิการ กกต. เป็นผู้บังคับบัญชาสูงสุด ได้สร้างความเคลือบแคลงสงสัยในหลายแง่มุม ทั้งจำนวนบัตร และผู้ใช้สิทธิ์ที่ไม่ตรงกัน การขานบัตรดีบัตรเสีย ที่มีข้อสงสัย “เข้าข้าง”บางพรรค การประกาศผลคะแนนที่ถูกมองว่า มี “บัตรงอก” 

 

 

          แม้ว่าทางเลขาธิการ กกต. จะชี้แจงข้อกล่าวหาตลอด แต่ดูเหมือนว่า การชี้แจงนั้นยังมิอาจทำให้กระแสที่ทำให้ กกต.ตกเป็นจำเลย รอดพ้นไม่ ตรงกันข้ามกลับขยายวง ทั้งเรื่องการล่าชื่อถอดถอนในโลกออนไลน์ และการตั้งโต๊ะล่ารายชื่อ


          ในแง่ภาคประชาชน นิสิตนักศึกษา เป็นเรื่องปกติที่ต้องเคลื่อนไหวกดดันให้กกต.กระทำในสิ่งที่ “ถูกต้อง-ชอบธรรม” ไม่มีวิธีอื่นใดที่จะสามารถแสดงออกได้มากกว่านี้ 


          แต่ด้านพรรคการเมือง ซึ่งมีพื้นที่แสดงออกและกดดันมากกว่านิสิต นักศึกษา ประชาชน ควรจะต้องพิจารณาให้รอบคอบ เพราะการ “กดดัน” เกินพอดี จะตามมาซึ่งปัญหาใหญ่กว่านั้น


          พรรคเพื่อไทยและอนาคตใหม่ เป็นสองพรรคการเมืองที่กดดันการทำงานของ กกต. และมุ่งตรงไปทำนองที่ว่า กกต. = “โกงเลือกตั้ง” 


          ภูมิธรรม เวชยชัย หรือเสี่ยอ้วน เลขาธิการพรรคเพื่อไทย ถึงกับยกกรณีการโกงการเลือกตั้งปี 2500 มาเทียบกับการเลือกตั้งในปี 2562 และกล่าวหาว่า “ยิ่งกว่า" 

 

          การเลือกตั้งปี 2500 ที่ “เสี่ยอ้วน” ยกมากล่าวอ้างเปรียบเทียบนั่น เป็นการเลือกตั้งที่ จอมพล ป.พิบูลสงคราม ตั้งพรรคเสรีมนังคศิลา ลงมาเลือกตั้ง ผลการเลือกตั้งที่ถูกกล่าวขานว่า “สกปรก” ที่สุด ทำให้พรรคเสรีมนังคศิลา มีที่นั่งเกินครึ่งหนึ่งของสภา คือ 83 ที่นั่ง (สภาในขณะนั้นมี 160 ที่นั่ง) พรรคประชาธิปัตย์ ของ ควง อภัยวงศ์ ตามมาลำดับสอง คือ 28 ที่นั่ง




          มีการตีแผ่ว่า มีสารพัดวิธีในการ "โกง” การเลือกตั้ง วิธีที่โด่งดังมากที่สุดในยุคนั้น เรียกว่า “พลร่ม” และ "ไพ่ไฟ” คือการยึดบัตรประชาชนไปกาคะแนนในบัตรเลือกตั้งเอง จนพรรคเสรีมนังคศิลา ประสบชัยชนะ 


          ความเหมือนของปี 2500 กับปี 2562 ที่กำลังเกิดขึ้น ที่ “เสี่ยอ้วน” กล่าวถึงมีอยู่ประการเดียวคือ การเกิดความไม่เชื่อมั่นในหมู่นิสิต นักศึกษา และประชาชน ต่อการเลือกตั้งที่กำลังขยายวงไปเรื่อยๆ ที่ กกต.จะต้องออกมาแสดงความโปร่งใสต่อการจัดการเลือกตั้ง รื้อการทำงานของสำนักงาน กกต. ที่ต้องสรุปรวมๆ ว่า “ล้มเหลว” พรรคการเมืองทั้งหลายต้องประคับประคองการเลือกตั้งครั้งนี้ให้ผ่านไปโดยเรียบร้อย เพราะหากการเลือกตั้งครั้งนี้ไม่สามารถผ่านไปโดยเรียบร้อย จะเกิด “ภาวะแทรกซ้อน” ได้หลายประการ 


          ประการแรก หากการกดดันให้ กกต.ทั้ง 7 ลาออกเป็นผล หรือ กกต.ทั้ง 7 น้อยใจลาออกไปเกินครึ่ง ก็จะไม่มีผู้รับรองผลความเป็น ส.ส.ของผู้ได้รับเลือกตั้ง และถ้าล่าช้าเกิน 60 วันหลังการเลือกตั้ง จะถูกตีความว่า “โมฆะ” อีกได้หรือไม่ 


          ประการที่สอง เมื่อไม่มี กกต. ก็ไม่สามารถจัดการเลือกตั้งได้ จะต้องมีการสรรหา กกต.ใหม่ โดยโครงสร้างตามรัฐธรรมนูญเดิมที่ต้องใช้เวลาและปัญหาการยอมรับ รวมถึงผู้มาใหม่ต้องขอเวลาเตรียมการ ถ้าเป็นดังนี้ จะต้องใช้เวลาข้ามปีในการจัดการเลือกตั้ง 


          ประการต่อมา การตบเท้าของผู้บัญชาการ 4 เหล่าทัพ ทั้งทหารบก ทหารเรือ ทหารอากาศ และตำรวจ ที่แถลงถึงการยึดมั่นความสงบและให้คนดีปกครองบ้านเมือง ตามพระราชดำรัสของในหลวงรัชกาลที่ 9 ที่มีไม่บ่อยนักสำหรับการออกมาของผู้บัญชาการเหล่าทัพทั้ง 4 เหล่า ซึ่งส่งสัญญาณบางอย่าง โดยเฉพาะต่อความวุ่นวายที่อาจจะเกิดขึ้นหลังการเลือกตั้ง 


          เพราะเห็นการเคลื่อนไหวอย่างหนักหน่วงของ ทักษิณ ชินวัตร ที่กดปุ่ม “เพื่อไทย-อนาคตใหม่” ด้วยคำว่า “อย่ายอมแพ้" และการริบรางวัลเกียรติยศ “จักรดาว” ของมูลนิธิศิษย์เก่าโรงเรียนเตรียมทหาร รวมถึงการเรียกคืนเครื่องราชอิสริยาภรณ์ จากทักษิณ ฝ่ายความมั่นคงคงมีการประเมินแล้วว่า หากไม่ “ตัดไฟเสียแต่ต้นลม” โอกาสจะขยายวงแห่งความขัดแย้งจะเป็นไปได้สูง จึงต้องออกมาส่งสัญญาณบางอย่าง  


          “เสี่ยอ้วน” ภูมิธรรม แห่งเพื่อไทย รวมทั้ง ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ แห่งอนาคตใหม่ ต้องอ่านประวัติศาสตร์ ปี 2500 ให้จบ อย่าอ่านท่อนเดียว เพราะแม้ว่านักศึกษา-ประชาชนจะออกมาเคลื่อนไหวต่อต้านการโกงเลือกตั้ง แต่ตอนจบของประวัติศาสตร์ 2500 คือการยึดอำนาจของคณะนายทหารที่นำโดยจอมพลสฤษดิ์ ธนะรัชต์ ในท้ายที่สุด


          ฉะนั้น บรรยากาศแย่งชิงการจัดตั้งรัฐบาลทั้งสองขั้วที่กำลังเกิดขึ้นในขณะนี้ ไม่น่าเป็นห่วง ตราบใดที่ทุกฝ่ายยังอยู่ใน เกม-กติกา ตามกฎหมายและรัฐธรรมนูญ แต่ถ้ามีบางฝ่ายเริ่มใช้เกมการเมืองปลุกนิสิต-นักศึกษา และประชาชนออกมาบนท้องถนน สิ่งที่ต้องเป็นห่วงยิ่งกว่าคือ “จะไม่มีรัฐบาลให้จัด"
 

logoline

ข่าวที่น่าสนใจ