คอลัมนิสต์

เช็กลิสต์ราคาก่อนปล่อยตัว

เกาะติดข่าวสาร >> คมชัดลึก ออนไลน์
logoline

คอลัมน์... จี้จุดตายคลายจุดเป็น โดย... เร้นกาย ไร้เงา


 

          โค้งสุดท้ายก่อนหย่อนบัตร สงครามน้ำลายสาดกันสะบัด แต่ละพรรค แต่ละคนจัดการตอบโต้และขุดเรื่องราวฝ่ายตรงข้ามมาประเคนกันแบบไม่ยั้งจนคนไทยหลายคนเพลียใจว่าน้ำเน่ายังเวียนวนกับคนการเมืองมิจางหาย

 

 


          ขณะเดียวกันสิบกว่าวันนี้พรรคต่างๆ ปล่อยตารางหาเสียงรวมทั้งชุดนโยบายกันแบบถี่ยิบ เพราะตอนนี้เริ่มชัดแจ้งแล้วว่า ใครและพรรคใดมีโอกาสจะเข้าวินในเขตเลือกตั้งใดบ้าง


          แม้บางเขตที่มีลุ้นทั้งสอบได้และอาจหลุดโผคีย์แมนพรรคจะเลือกกันแบบแก้ตารางกันวุ่นเพื่อลงไปตีตรา ป้องกันเหตุสุดวิสัย

 

          และบางพื้นที่แม้ไม่มีลุ้นแกนนำบางพรรคก็ต้องไปเพื่อปรากฏตัวเชิงสัญลักษณ์ว่า พรรคนี้มิได้ละเลย...


          แต่ที่แน่ๆ ยิ่งกว่าแช่แป้ง คือน้ำเลี้ยงที่แต่ละพรรคจะปล่อยออกให้ผู้สมัครนั้นว่ากันว่ายามนี่ไหลแล้ว แต่ความแรงดันจะต่ำหรือสูง ขึ้นอยู่กับผลโพลล์ว่าโอกาสจะเป็นเช่นใด


          ค่าใช้จ่ายตามอัตราที่กฎหมายกำหนดไว้คือไม่เกินคนละ 1.5 ล้านบาทนั้น ความจริงแล้วไซร้...แทบไม่พอหากหวังแตะอันดับดีๆ


          คนการเมืองหล่นวาจาให้ได้ยินว่า อันดับ 1 นั้นพบว่าอัตราตัวเลขอยู่ที่แปดหลักจนถึงเก้าหลักในเขตที่ปะทะกันแบบช้างชนช้างนั้น ดีกรีอยู่ที่ว่าจะใช้กี่กิโลกรัม (ศัพท์การเมือง 1 กิโลกรัมคือ 1 ล้านบาท) และพื้นที่ราบสูงที่มี 116 เขตเลือกตั้ง คือพื้นที่ที่ผู้สมัครแต่ละพรรคต้องคำนวณพิกัดน้ำหนักของน้ำเลี้ยงแจ้งคีย์แมนพรรคมากที่สุด


          ส่วนภาคเหนือ, กลาง, ตะวันออก และตะวันตก รวมทั้งปักษ์ใต้ และเมืองหลวงนั้น ต้องดูกันรายพื้นที่ว่าตาชั่งของคีย์แมนพรรคจะแตะไปที่อัตราใด...

 

          และคราวนี้มีการอัดน้ำเลี้ยงกันแบบอู้ฟู่เพราะหนึ่ง ส.ส. คือหนึ่งตัวแปรทางการเมืองที่มีสามนัย บนบัตรเลือกตั้งหนึ่งใบ


          นัยแรก คือ เป็น 1 ใน 350 สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร และมีผลกับการคิดฐานส.ส.ปาร์ตี้ลิสต์ของพรรคต้นสังกัด


          นัยสอง คือ จะส่งผลไปยังพรรคต้นสังกัดว่าจะยืนขั้วใดระหว่างรัฐบาลหรือฝ่ายค้าน


          นัยสาม คือ แคนดิเดตนายกฯ


          ดังนั้นผู้สมัคร ส.ส.คราวนี้อาจจะใช้คำเปรียบเทียบว่ามูลค่ายิ่งกว่ามนุษย์ทองคำ เพราะคราวนี้ค่าใช้จ่ายในการปล่อยน้ำเลี้ยงเพื่อให้คนเหล่านี้ได้มีโอกาสตบเท้าเข้าสภาผู้แทนฯ นั้นมากยิ่งกว่ามากหากเทียบกับการเลือกตั้งในอดีต


          รวมทั้งกลยุทธ์ดูดแต้มจากพรรคที่หมดลุ้นและพรรคที่หมดสิทธิ์ลงแข่ง โดยมีการเสนอเงื่อนไขแบบงามๆ เพราะหลายวันมานี้ได้ทราบมาว่าอดีตคนในเครือข่าย ทษช.โดนตื๊อหนักมากและมีการเปิดดีลงามๆ กันหลายเคส แต่ ทษช.นั้นรู้คำสั่งทางลับไปแล้วว่าจะเทแต้มให้พรรคใดและเขตไหน เพื่อหักหน้า ปชป., พปชร., คสช. และลุงตู่


          ขณะเดียวกัน กลยุทธ์ “ชาวนากับงูเห่า” ภาคสาม บนเวทีการเมืองก็เป็นอีกหนึ่งในการประสานตัวขอเสียงและใจแบบข้ามห้วย โดยเคสนี้จะเกิดขึ้นในช่วงการโหวตเลือกนายกฯ เพราะไม่ว่าพรรคใดจะจับมือกับพรรคอื่นๆ ตั้งรัฐบาล แน่นอนว่า หนึ่งเสียงนั้นมีความหมาย และหนึ่งเสียงนั้นอาจนำพาอีกหลากเสียงมาได้จนเปลี่ยนดุลการเมือง


          แว่วว่าอดีตผู้จัดการรัฐบาลบางคนวางเกมไว้แล้วว่าจะช้อนใครเข้าก๊วนด้วยเงื่อนไขใดบ้าง


          สมัคร สุนทรเวช เมื่อครั้งคุมพรรคประชากรไทย และทักษิณ ชินวัตร ในยามที่เร่ร่อนต่างแดนช่วงที่พลังประชาชนโดนยุบและไร้หัวหน้าพรรค คือสองตำนานชาวนาที่โดนงูเห่าฉกไปเต็มๆ


          งูเห่าภาคสามนั้น สายสืบไปเลาะตะเข็บข้อมูลได้ความว่า คนใน ปชป., พท. คือเป้าหลักที่ท่อน้ำเลี้ยงลึกลับจะต่อเข้าไปแบบเหมาเข่ง และหากบิ๊กดีลนี้ผ่าน จะมีการสลับขั้วย้ายพรรครวมทั้งบรรณาการสุดงามแบบไม่ว่าใครก็ปฏิเสธไม่ได้


          แว่วมาว่า เกมตลบหลังเจาะว่าที่ ส.ส.พปชร. มาร่วมขบวนกับขั้วตรงข้ามนั้น ก็มีการวางแผนไว้แล้ว 


          เพราะมีการปล่อยข่าวกันในหมู่คนการเมืองแล้วว่า ยามนี้คะแนนนิยมของ พปชร.และลุงตู่มิได้ติดลมบน แม้ช่วงนี้ พปชร.และลุงตู่จะมีการปล่อยของออกมาเพียบ แต่มันเหมือนไร้ปฏิกิริยาตอบรับในยามนี้และยามหน้า 


          จึงมีท่าทีเบื้องต้นแล้วว่าลุงตู่อาจไปไม่ถึงฝั่งฝัน และปูดข่าวลอยลมให้คนการเมืองไล่เช็กกันว่าแกนนำใน พปชร. แต่ละมุ้งสวมคอนเวิร์สกันมาพักใหญ่แล้ว

 

          หากแยกย่อยกลุ่มก๊วนใน พปชร.แบ่งเป็น 3 กลุ่มหลัก 1.กลุ่ม 4 อดีตรัฐมนตรี นำโดย อุตตม สาวนายน หัวหน้าพรรค, สนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ เลขาธิการพรรค 2.กลุ่มอดีตกปปส. นำโดย ณัฏฐพล ทีปสุวรรณ รองหัวหน้าพรรค, พุทธิพงษ์ ปุณณกันต์ กรรมการบริหารพรรค 3.กลุ่มสามมิตร นำโดย สมศักดิ์ เทพสุทิน, สุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ

 

          หาก 3 กลุ่มที่เริ่มผิดใจกันแตกหักกันขึ้นมา ก๊กที่สบายสุดหนีไม่พ้น สามมิตร ที่ชำนาญด้านย้ายพรรค พลิกขั้ว พลิกลิ้น โดยเฉพาะ สมศักดิ์ ที่ขน ส.ส.มัชฌิมาประเคนให้แก่แกนนำจัดตั้งรัฐบาล ในหลายครั้ง ส่วนอีก 2 ก๊ก คงหนีไปเกาะพรรคอื่นยาก


          แต่หาก สามมิตร คิดตีตัวออกห่าง ก็ต้องเช็กลิสต์คดีของตัวเองให้ดี เพราะหลายคนมาด้วยเงื่อนไขของคดีติดตัว หากไม่เช็กทิศทางลมให้ดีมีหวังภัยถึงตัวได้เหมือนกัน

 


          ทว่าสูตร พปชร.หักกันเอง ย้ายขั้วซบตักพรรคตรงข้ามจับมือตั้งรัฐบาลคงยาก เพราะรู้อยู่เต็มอกว่า 250 ส.ว.จะโหวตใคร คะแนนฝั่งตรงข้ามเติมให้เต็มคงยาก แถม พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ยังมีอำนาจใช้ ม.44 ออกมาตรการทุกอย่างได้หมด อภินิหารทางกฎหมายที่เล่นแร่แปรธาตุได้ตลอด ไม่มีใครกล้าหืออือ
ชั่วโมงนี้ข่าวปล่อยจัดตั้งรัฐบาลมีหลายสูตร โดยเฉพาะฝั่ง พท. ที่พยายามกดดันไปที่ปชป. เพราะถือเป็นตัวแปรสำคัญในการจัดตั้งรัฐบาล หาก ปชป.เคาะว่าจะร่วมหัวจมท้ายกับใคร โอกาสที่จะจัดตั้งรัฐบาลมีสูง เงื่อนไขของ อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ไม่เอา พล.อ.ประยุทธ์ แค่เรียกกระแสตีกินแต้มโค้งสุดท้าย

 

          เพราะประวัติศาสตร์ของ ปชป. รู้กันทั้งบางว่า หากอยากจับขั้วรัฐบาล ต้องมีกองทัพหนุนอยู่ข้างหลัง ไม่เช่นนั้นก็ซดแห้วมานมนาน อภิสิทธิ์โดดมาเล่นเกมนี้ ตั้งโต๊ะแถลงบรรดาพรรคการเมืองอื่นยังไม่เชื่อน้ำคำ รอดูสัญญาณจาก ชวน หลีกภัย ประธานสภาที่ปรึกษาพรรคปชป. จะออกลูกไหน เพราะเหมือนจงใจซ่อนไพ่ นายหัวชวน เป็นท่าไม้ตายเผื่อพลิกเกม


          การเมืองเข้มข้นช่วงโค้งสุดท้าย การต่อรอง แรงเสียดทาน มุ่งตรงไปที่ระดับแกนนำพรรคจะตัดสินอนาคตของพรรคอย่างไร สูตรจัดตั้งรัฐบาลมีหลายตัวเลือก แต่โฟกัสหลักยังอยู่ที่ “พล.อ.ประยุทธ์”

logoline

ข่าวที่น่าสนใจ