Lifestyle

ผลการลงทะเบียนเพื่อสวัสดิการแห่งรัฐ

เกาะติดข่าวสาร >> คมชัดลึก ออนไลน์
logoline

-

ดร.สมชัย สัจจพงษ์ ปลัดกระทรวงการคลัง ร่วมกับ นางสาวสุทธิรัตน์ รัตนโชติ อธิบดีกรมบัญชีกลาง และ นายกฤษฎา จีนะวิจารณะ ผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง (สศค.) แถลงข่าวประกาศผลผู้ผ่านคุณสมบัติโครงการลงทะเบียนเพื่อสวัสดิการแห่งรัฐ สรุปสาระสำคัญได้ ดังนี้

 

  1. ผลการตรวจสอบผู้ผ่านคุณสมบัติ

กระบวนการคัดกรองคุณสมบัติจาก 26 หน่วยงานตรวจสอบ ได้เสร็จสิ้นลงในวันที่ 8 กันยายน 2560 พบว่า จากผู้ลงทะเบียนในโครงการลงทะเบียนฯ ทั้งหมดจำนวน 14,176,170 คน มีผู้ที่ผ่านคุณสมบัติจำนวน 11,431,681 คน และมีผู้ที่ไม่ผ่านคุณสมบัติจำนวน 2,744,489 คน

  1. การประกาศผลผู้ผ่านคุณสมบัติ

          กระทรวงการคลังจะเปิดให้ตรวจสอบผลการตรวจสอบคุณสมบัติได้ตั้งแต่วันที่ 15 กันยายน 2560 เป็นต้นไป ผ่าน 3 ช่องทาง ดังนี้

ช่องทางที่ 1 ตรวจสอบด้วยตัวเองหรือขอความอนุเคราะห์จากเจ้าหน้าที่ที่หน่วยงาน
รับลงทะเบียนผ่านเว็บไซต์ ได้แก่ www.epayment.go.th  www.mof.go.th และ www.fpo.go.th โดยพิมพ์เลขบัตรประจำตัวประชาชน 13 หลักลงไปในช่องที่กำหนด ระบบจะแจ้งผลการตรวจสอบ

ช่องทางที่ 2 ตรวจสอบผ่านสายด่วน 6 หน่วยงาน ในเวลาราชการ ได้แก่

                     1) Call center ของสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง 1359

                     2) Call center ของ ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร
02-555-0555

                     3) Call center ของ ธนาคารออมสิน 1115

                     4) Call center ของ ธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน) 02-111-1111

                     5) Call center ของกรมบัญชีกลาง 02-270-6400 และ

                     6) เบอร์โทรศัพท์ของสำนักงานเขตกรุงเทพมหานครทั้ง 50 เขต

ช่องทางที่ 3 ตรวจสอบ ณ ที่ทำการกำนัน ผู้ใหญ่บ้าน หรือหน่วยงานอื่นตามที่
กรมการปกครองเห็นสมควร และสำนักงานเขตกรุงเทพมหานคร โดยกระทรวงการคลังจะส่งรายชื่อแยกตามจังหวัด อำเภอ และตำบล ส่งให้กระทรวงมหาดไทย และแยกเป็นรายเขตส่งให้กรุงเทพมหานคร เพื่อดำเนินการติดประกาศ
ผู้มีสิทธิได้รับสวัสดิการต่อไป

 

 

  1. กระบวนการอุทธรณ์คุณสมบัติ

ในกรณีผู้ลงทะเบียนที่ไม่ผ่านการตรวจสอบคุณสมบัติและต้องการอุทธรณ์ สามารถขออุทธรณ์ให้ตรวจสอบคุณสมบัติใหม่ได้ภายในวันที่ 29 กันยายน 2560 โดยปฏิบัติตาม 7 ขั้นตอน ดังต่อไปนี้

                        ขั้นตอนที่ 1 ผู้ลงทะเบียนตรวจสอบผลผ่าน 3 ช่องทางที่ได้กล่าวไปแล้ว และหากพบว่าคุณสมบัติไม่ผ่าน

                        ขั้นตอนที่ 2 บนหน้าจอแสดงผลจะระบุคุณสมบัติที่ไม่ผ่าน และหากผู้ลงทะเบียนต้องการอุทธรณ์ ให้กดปุ่ม “ยื่นคำขออุทธรณ์”

                        ขั้นตอนที่ 3 กรอกแบบฟอร์มอิเล็กทรอนิกส์เพื่อขออุทธรณ์ โดยหลังจากกดปุ่ม
ยื่นอุทธรณ์ ระบบจะถามวันเดือนปีเกิด เพื่อยืนยันตัวบุคคล พร้อมทั้งเบอร์โทรศัพท์ติดต่อ หลังจากนั้นให้กดปุ่มสีเหลืองด้านล่างของหน้าจอที่เขียนว่า “บันทึกและส่งคำขออุทธรณ์”

                        ขั้นตอนที่ 4 หลังจากกดปุ่มบันทึกและส่งคำขออุทธรณ์แล้ว ข้อความบนปุ่มสีเหลืองจะเปลี่ยนเป็น “อยู่ระหว่างการอุทธรณ์”

                        ขั้นตอนที่ 5 หลังจากปิดรับการยื่นขออุทธรณ์ กระทรวงการคลังจะรวบรวมข้อมูล
ส่งให้หน่วยงานที่มีหน้าที่ตรวจสอบคุณสมบัติตามคำขออุทธรณ์ต่อไป

                        ขั้นตอนที่ 6 หน่วยงานตรวจสอบใช้เวลา 1 สัปดาห์ในการตรวจสอบ และส่งผล
การอุทธรณ์กลับมาให้กระทรวงการคลังภายในวันที่ 16 ตุลาคม 2560

                        ขั้นตอนที่ 7 กระทรวงการคลังประกาศผลการอุทธรณ์ในวันที่ 24 ตุลาคม 2560 ผ่าน 2 ช่องทางเท่านั้น ได้แก่ www.epayment.go.th และสายด่วน 6 หน่วยงาน หากผลการอุทธรณ์ยืนตามผล
ครั้งแรกคือไม่ผ่าน ผู้ยื่นอุทธรณ์จะไม่มีสิทธิได้รับบัตรสวัสดิการ ทั้งนี้ หากผู้อุทธรณ์ยังมีข้อสงสัยในผลการอุทธรณ์
ให้ติดต่อสอบถามหน่วยงานที่ตรวจสอบคุณสมบัตินั้นๆ โดยตรง แต่หากผลการอุทธรณ์ปรากฎว่าผ่านคุณสมบัติ ผู้ยื่นอุทธรณ์จะได้รับบัตรฯ ต่อไป

 

  1. บัตรสวัสดิการแห่งรัฐ

ผู้มีสิทธิได้รับบัตรฯ สามารถไปรับบัตรฯ ได้ที่หน่วยงานรับลงทะเบียนที่ได้ไปลงทะเบียนไว้
ได้ตั้งแต่วันที่ 21 กันยายน 2560 เป็นต้นไป

การให้ความช่วยเหลือผ่านบัตรสวัสดิการแห่งรัฐมี 2 หมวด ได้แก่

1) หมวดการลดค่าใช้จ่ายในครัวเรือน ซึ่งประกอบด้วย (1) วงเงินค่าซื้อสินค้าอุปโภคบริโภคที่จำเป็น สินค้าเพื่อการศึกษา และวัตถุดิบเพื่อการเกษตร จากร้านธงฟ้าประชารัฐ โดยผู้ที่มีรายได้ต่ำกว่า 30,000 บาทต่อคนต่อปี จะได้รับ 300 บาทต่อคนต่อเดือน ส่วนผู้ที่มีรายได้สูงกว่า 30,000 บาท จะได้รับ 200 บาทต่อคนต่อเดือน และ (2) วงเงินส่วนลดค่าซื้อก๊าซหุงต้มจากร้านค้าที่กระทรวงพลังงานกำหนด 45 บาทต่อคนต่อ 3 เดือน และ

2) หมวดการลดค่าใช้จ่ายในการเดินทาง
ซึ่งประกอบด้วย (1) วงเงินค่าโดยสารรถเมล์/รถไฟฟ้า 500 บาทต่อคนต่อเดือน (2) วงเงินค่าโดยสารรถ บขส. 500 บาทต่อคนต่อเดือน และ (3) วงเงินค่าโดยสารรถไฟ 500 บาทต่อคนต่อเดือน

รายละเอียดเพิ่มเติม ติดต่อ Call Center ของบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ ได้ที่ 02-109-2345 (150 คู่สาย) วันจันทร์–วันศุกร์ ระหว่างเวลา 08.30 – 17.30 น.

logoline

ข่าวที่น่าสนใจ