'เปิดผับตี 4' ในกรุงเทพฯ เล็งให้เปิดใน 3 โซนนิ่ง ดูตามใบอนุญาตเปิดสถานบริการ

จากนโยบาย "เปิดผับตี 4" ที่รัฐบาลได้ประกาศพื้นที่นำร่อง 4 จังหวัด ได้แก่ กรุงเทพฯ เชียงใหม่ ชลบุรี และภูเก็ต ซึ่งเป็นจังหวัดหลักที่จะอนุญาตให้ "เปิดผับตี 4"   นโยบายดังกล่าว กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา กระทรวงมหาดไทย สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ได้พูดคุยหาพื้นที่ที่เหมาะสม พร้อมด้วยผู้ว่าราชการจังหวัด 4 จังหวัด ประกอบด้วย กรุงเทพมหานคร เชียงใหม่ ชลบุรีและภูเก็ต ซึ่งเป็นจังหวัดหลักที่จะมีการให้เปิดสถานบริการถึงเวลา 04.00 น.

กรุงเทพมหานครเป็นอีกหนึ่งพื้นที่จะต้องจัดระเบียบให้ดีหากเริ่มดำเนินการอนุญาตให้ "เปิดผับตี 4" ได้ โดยนายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร กล่าวถึงนโยบาย "เปิดผับตี 4" ว่า เรื่องดังกล่าวเป็นอีกเรื่องสำคัญ โดยกทม. จะต้องมีการศึกษารายละเอียด โดยเฉพาะ การแบ่งโซนนิ่งที่ผ่านมาได้เข้าหารือนายกรัฐมนตรี คือการเปิดสถานบริการถึงตี 4 ตนได้เน้นย้ำว่ายังไม่มีการเปิดสถานบริการทั่วไปถึงตี 4  

ปัจจุบันสถานบริการจะมีอยู่ 2 แบบ คือ สถานบริการที่ถูกต้องตามกฎหมาย กับสถานประกอบการที่คล้ายสถานบริการ และร้านอาหารที่มีดนตรี และมีขายสุรา แอลกอฮอล์ ร้านเหล่านี้เปิดได้ถึง 01.00 น. ยังไม่ขยายเวลาหรือเข้าข่ายร้านที่จะต้องเปิดได้ถึงตี 4

ส่วนสถานบริการที่ขยายเวลาจะอยู่ในโซนนิ่ง 3 โซน เช่น สีลม พัฒน์พงศ์ อาร์ซีเอ เพชรบุรีตัดใหม่ รัชดาภิเษก และกลุ่มที่ได้รับใบอนุญาตสถานประกอบการก่อน พ.ร.บ. ตัวนี้มีประมาณ 200 กว่าแห่งในกรุงเทพมหานคร เรื่องนี้หากกระทรวงมหาดไทยตกลงก็คงออกเป็นพระราชกฤษฎีกาหรือกฎกระทรวงที่ขยายเวลาให้ถึงตี 4 รวมถึงสถานบริการที่อยู่ในโรงแรมด้วย ซึ่งจะทำให้สามารถดูแลได้ละเอียดขึ้นและไม่กระทบกระเทือนต่อประชาชนทั่วไป ทั้งนี้ ในภาพรวมสถานประกอบการร้านค้าต่าง ๆ อาทิ ย่านทองหล่อ ยังปิดเวลาเดิมไม่เปลี่ยนแปลง ขณะนี้จะเน้นเป็นสถานบริการซึ่งอยู่ในโซนนิ่งก่อนตามที่กฎหมายกำหนด

ด้านพล.ต.อ.อดิศร์ งามจิตสุขศรี ที่ปรึกษาของผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร กล่าวเสริม ถึงนโยบาย "เปิดผับตี 4" ว่า กระทรวงมหาดไทยเป็นเจ้าภาพ ตามพ.ร.บ.สถานบริการ ซึ่งกทม.จะจัดการตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอ คือสถานบริการที่มีใบอนุญาตสถานบริการตามมาตรา 3 (1) (2) (3) (4) และ (5) ให้ขยายเวลาถึงตี 4 ส่วนร้านอาหารที่มีดนตรี มีการแสดงดนตรี มีการจำหน่ายสุรา ในที่ประชุมแจ้งว่าอาจจะลดระดับลงมาที่ประมาณตี 2 ในส่วนของกฎหมาย กฎกระทรวง หรือประกาศสำนักนายกฯ ทางฝ่ายรัฐบาลจะเป็นผู้ดำเนินการ กรุงเทพมหานครอนุญาตเฉพาะในส่วนของร้านอาหาร สะสมอาหาร จำหน่ายอาหาร และสถานประกอบกิจการที่เป็นอันตรายต่อสุขภาพ คือ เรื่องการใช้เสียง การแสดงดนตรี ซึ่งท่านผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานครได้สั่งการว่าให้เข้มงวดในเรื่องของการออกใบอนุญาตและใช้ AI ในการควบคุมการประกอบกิจการเพื่อไม่ให้เกิดผลกระทบหรือที่เรียกว่าตีกิน กับเรื่องของใบอนุญาตสถานบริการ