"สภาเภสัชกรรม" เตรียมเอาผิดขั้นรุนแรงกับร้านขายยาไม่มีเภสัชกรประจำ แขวนแค่ป้ายแต่จ้างคนอื่นมาขายยาแทน ขณะนี้มีเรื่องตรวจสอบมากกว่า 100 ราย พบมีความผิด บทลงโทษหนักสุดเพิกถอนใบอนุญาต และถ้าเจอหลังจากนี้คือลงโทษหนักสุด
กฎหมายบังคับให้ "ร้านขายยา" มีเภสัชกรประจำร้านตั้งแต่เมื่อ 8 ปีที่แล้ว "ร้านขายยา" ไม่มีความพร้อม โดยให้เหตุผลว่าต้องทำงานในโรงพยาบาล จึงไม่มีเวลา เภสัชกรก็ขาดแคลน สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) และ "สภาเภสัชกรรม" จึงให้เวลาปรับตัว แต่ถึงตอนนี้ไม่มีการแก้ไข ยังมีประชาชนร้องเรียนเข้ามาจำนวนมาก "สภาเภสัชกรรม" จึงต้องมีมาตราการจัดการ
เดือน ก.ย. 2565 ครบ 8 ปีที่ให้โอกาส "ร้านขายยา" หาเภสัชกรมาประจำร้าน โดยไม่คาดโทษใดๆ แต่ตอนนี้ปัญหายังเหมือนฝุ่นตลบ ยังพบ "ร้านขายยา" มีแค่ป้ายชื่อเภสัชกรแขวนไว้ แต่ไม่มีเภสัชกรประจำร้านจริงๆ
"ภก.ดร.สุวิทย์ ธีรกุลชน" อุปนายกสภาเภสัชกรรม บอกว่า หลังจากนี้ปัญหาแขวนแค่ป้ายเภสัชกรจะหมดไป จะอ้างว่าเภสัชกรขาดแคลนไม่ได้แล้ว เพราะ "เภสัชกร" ทั่วประเทศตอนนี้มีถึง 49,000 คน แต่ "ร้านขายยา" มีหลักหมื่นร้าน และจะอ้างว่าไม่มีเงินจ้างเภสัชกรก็ไม่ได้ ให้โอกาสมานานแล้ว
"เมื่อก่อนตรวจสอบพบก็พอเข้าใจได้ แต่หลังจากนี้ถ้าพบคือ โทษหนักสุดเลย ส่วนคนที่รับจ้างขายก็ต้องโดนด้วย ถ้าไม่มีเงินจ้างเภสัชกร เจ้าของร้านที่เป็นเภสัชต้องมาขายเอง ต้องอยู่ร้านอย่างน้อย 3 ชั่วโมง" "ภก.ดร.สุวิทย์ " กล่าว
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า พ.ร.บ.วิชาชีพเภสัชกรรม พ.ศ. 2537 มาตรา 28 ฐาน "เป็นผู้ประกอบวิชาชีพเภสัชกรรมทำการประกอบวิชาชีพเภสัชกรรมหรือแสดงด้วยวิธีใด ให้ผู้อื่นเข้าใจว่าตนเป็นผู้มีสิทธิประกอบวิชาชีพดังกล่าว โดยมิได้ขึ้นทะเบียนและรับใบอนุญาต" ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 3 ปี หรือปรับไม่เกิน 30,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ ส่วนเภสัชกรมีโทษทางวินัยสูงสุดคือเพิกถอนใบอนุญาต
ข่าวที่เกี่ยวข้อง