ข่าว

หน้าทำกิน /เสาร์ 13 ธ.ค. /ข้าวเหนียวเที่ยงคืน-แล้ว

เกาะติดข่าวสาร >> คมชัดลึก ออนไลน์
logoline

หน้าทำกิน /เสาร์ 13 ธ.ค. /ข้าวเหนียวเที่ยงคืน-แล้ว หัวเรื่อง - เหนียวไก่ทอดเที่ยงคืน"ป้าแอร์" เมนูเด็ดสำหรับคนนอนดึก รูปชื่อ - naw1-2(อยู่ในpic for sub) บายไลน์ - วรัทยา ไชยลังกา ใต้ภาพ - 1.แก้วดี แซ่อึ้ง หรือ "ป้าแอร์"ให้บริการลูกค้านอนดึก 2.ป้าแอร์เตรียมของสำหรับขาย ผู้มาเยือนเมืองเชียงใหม่ โดยเฉพาะชาวไทย หากพลาดโอกาสไม่ได้มาสัมผัสกับรสชาติและความอร่อยของ "ข้าวเหนียวเที่ยงคืน" หรือ "ไก่ทอดเที่ยงคืน" หรือ "ไก่โลกแตก" ย่านกำแพงดิน อ.เมือง จ.เชียงใหม่ คงจะเดินทางมาไม่ถึงเมืองเชียงใหม่อย่างแท้จริง และด้วยเวลาที่เปิดขายตั้งแต่ 5 ทุ่มครึ่งจนถึงตี 5 จึงทำให้เสน่ห์และชื่อเสียงของ "ข้าวเหนียวเที่ยงคืน" ที่ถูกโหมประชาสัมพันธ์จากนักท่องเที่ยวแบบปากต่อปาก จนกระทั่งกลายเป็นสัญลักษณ์และสถานที่ที่ต้องแวะเวียนมาเมื่อได้มาสัมผัสกับดินแดนล้านนาแห่งนี้ ตำนาน "ข้าวเหนียวเที่ยงคืน" นางแก้วดี แซ่อึ้ง หรือ "ป้าแอร์" วัย 57 ปี เจ้าของร้าน เล่าให้ฟังว่า ย้อนอดีตไปเมื่อ 5-6 ปีที่ผ่านมา สมัยที่ลูกชายยังเรียนมหาวิทยาลัย สภาพเศรษฐกิจที่ฝืดเคือง จึงหันหน้าปรึกษาสามีคิดประกอบกิจการเล็กๆ เงินลงทุนไม่มากนัก ทำมาหากินเลี้ยงชีพ พร้อมกับส่งลูกเรียนหนังสือไปด้วย จึงตัดสินใจเปิดร้านขายไก่ทอด หมูทอด ไส้อั่ว น้ำพริกหนุ่ม น้ำพริกแดง ข้าวเหนียว ฯลฯ มีที่นั่งให้ลูกค้าได้แวะเวียนมายามค่ำคืน เริ่มแรกเปิดขายเวลา 23.30 น. เพราะเห็นว่าช่วงเวลาดังกล่าวไม่มีร้านที่ขายอาหารลักษณะนี้ มีเพียงร้านข้าวต้มและร้านขายอาหารตามสั่งเท่านั้น จึงคิดว่าน่าจะเป็นทางเลือกให้ลูกค้าอีกทางหนึ่ง ป้าแอร์ยอมรับว่า การเปิดร้านช่วงแรกพบว่าลูกค้าส่วนมากเป็นนักศึกษาคณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ที่เสร็จสิ้นจากภารกิจการอ่านหนังสือก็จะแวะเวียนมา พร้อมกับตั้งฉายาร้านให้ว่า "ไก่โลกแตก" ซึ่งจนถึงทุกวันนี้ก็ยังไม่ทราบที่มาที่ไปเช่นกัน หลังจากนั้นชื่อของ "ไก่โลกแตก" ก็เป็นที่ต้องตาติดใจในแวดวงนักศึกษา ที่แพร่กระจายด้วยคำบอกเล่าปากต่อปากถึงความอร่อย สด ใหม่ ของอาหารทุกชนิด แม้จะมีขายเพียงไม่กี่อย่างก็ตาม เธอเผยอีกว่า หลังจากเลื่อนมาเปิดตอนเที่ยงคืนจึงได้ฉายาใหม่เป็น "ไก่ทอดเที่ยงคืน" กลุ่มลูกค้าก็ยังคงเป็นนักศึกษามหาวิทยาลัยเชียงใหม่เหมือนเช่นเดิม แต่จะเริ่มมีลูกค้าหน้าใหม่ที่เป็นกลุ่มนักเที่ยวยามราตรีแวะเวียนมาใช้บริการเป็นครั้งคราว เรื่อยมาจนปัจจุบันที่จะมีนักท่องเที่ยวที่ได้ยินได้ฟังเสน่ห์ของไก่เที่ยงคืนแล้ว เกิดอยากลองมาสัมผัสตามคำบอกเล่าถึงว่าจะมีรสชาติและความพิเศษแตกต่างจากไก่ทอดยามปกติอย่างไร สำหรับความพิเศษไม่เหมือนใครของไก่ทอดเที่ยงคืนนั้น ป้าแอร์บอกว่า อยู่ที่รสชาติน้ำพริกหนุ่มที่แตกต่าง ที่ไหนว่าอร่อยก็สู้ไก่ทอดเที่ยงคืนไม่ได้ ด้วยความพิถีพิถันสูตรเฉพาะ ซึ่งกว่าจะผ่านขั้นตอนการเผาพริก เผากระเทียม ที่ต้องทำเป็นประจำทุกวัน วันละกว่า 50-60 กิโลกรัม บรรจงตำทีละครก จึงทำให้น้ำพริกหนุ่มที่นี้เป็นเส้นๆ คนที่ชอบรับประทานน้ำพริกหนุ่มจะสามารถสัมผัสได้ถึงพริกที่เป็นเส้นๆ ไม่ได้ถูกบดด้วยเครื่องปั่นที่ทำให้น้ำพริกหนุ่มขาดรสชาติ ยิ่งไปกว่านั้น น้ำพริกหนุ่มที่ร้านยังทำแบบวันต่อวัน ด้วยสูตรเฉพาะ ปราศจากสารกันบูดอีกด้วย นอกจากนี้ การละเอียดละไมในขั้นตอนการหมักหมู-ไก่ ที่หลังจากเสร็จสิ้นภารกิจเก็บข้าวของก็จะเริ่มต้นหมักตั้งแต่เวลาประมาณ 06.00-22.30 น.ที่จะเริ่มทอดเป็นกระทะแรกก็ทำให้เนื้อหมู-ไก่นุ่ม เครื่องเทศที่หมักไว้ก็เข้าถึงเนื้อ ได้รสชาติถูกปาก นอกจากนี้ ผักกาดดองที่หมักเองไม่ได้ซื้อจากตลาดจึงรับประกันได้เรื่องความสะอาดและปลอดภัย เป็นเสน่ห์อีกอย่างหนึ่งที่ลูกค้าชื่นชอบ ทั้งนี้ ในส่วนของการบริการ "ป้าแอร์" ออกตัวว่า อาจจะไม่เป็นที่ประทับใจลูกค้ามากนัก เพราะเป็นธุรกิจในครอบครัวช่วยกันทำ ช่วยกันเสิร์ฟ ด้วยน้ำพักน้ำแรง ซึ่งบางครั้งก็ได้รับเสียงบ่นมาบ้างว่าไม่ดูแลลูกค้า การบริการไม่ดี เด็กเสิร์ฟทำหน้างอ เจอเกือบทุกวัน และที่สำคัญลูกค้าต้องยืนเข้าคิวสั่งอาหาร ไม่มีพนักงานรับออเดอร์ที่โต๊ะ ซึ่งลูกค้าบางคนก็ไม่พอใจ แต่ส่วนใหญ่ก็เข้าใจและยินดีบริการตัวเองโดยไม่ปริปากบ่นแต่อย่างใด และที่สำคัญยังมีการหยอกล้อสร้างอารมณ์ขันให้แม่ค้าอีกด้วย "แม้ว่าบริการจะไม่ดีเลิศเทียบชั้นภัตตาคารหรู แต่รสชาติอาหารที่มีให้เลือกสรรเชื่อว่ารสชาติไม่แพ้ภัตตาคาร 5 ดาว หรืออาหารขึ้นเหลาแน่นอน และด้วยราคาไม่เป็นกันเองไม่มีเซอร์วิสชาร์จ เฉลี่ย 1 โต๊ะมากัน 4 คน จ่ายเล็กๆ เพียง 200-300 บาทเท่านั้น และที่สำคัญไก่ทอดเที่ยงคืนงดขายแอลกอฮอล์ด้วย" ป้าแอร์กล่าวทิ้งท้ายอย่างภูมิใจ พร้อมเชิญชวนให้มาลอง +++++++++++++++
logoline
แท็กที่เกี่ยวข้อง

ข่าวที่น่าสนใจ