ตะลุยข่าว : แก๊งรถตู้อาละวาด

ตะลุยข่าว : แก๊งรถตู้อาละวาด แก๊งรถตู้ขาว...อาละวาด จับเด็กชายขายกาม-แรงงาน เงียบหายไปนานหลายเดือน สำหรับข่าวลือสะพัดแก๊งรถตู้สีขาวอาละวาดจับเด็ก เริ่มจากขอนแก่นไปอุดรธานีจบลงที่หนองคาย โดยที่ตำรวจเองก็ไม่อาจให้คำตอบได้ว่า ข่าวที่ว่าเป็นจริงหรือเท็จเพียงใด ? มาวันนี้ข่าวแก๊งรถตู้จับเด็กเริ่มกลับมาแพร่สะพัดอีกครั้ง โดยเกิดขึ้นที่ อ.ลานสัก จ.อุทัยธานี แต่ก็เป็นเหมือนเช่นครั้งก่อนๆ คือมีแค่ข่าวโดยหาความจริงไม่ได้ กระทั่งมาเกิดกับเด็กชายวัย 9 ขวบ นักเรียนชั้น ป.3 โรงเรียนแห่งหนึ่งใน ต.ระโสม อ.ภาชี จ.พระนครศรีอยุธยา เหยื่อรายล่าสุดและเป็นสิ่งพิสูจน์ได้ว่ามีแก๊งรถตู้จับเด็กอาละวาดอยู่จริง เที่ยงวันหนึ่งเด็กชายคนที่ว่าลืมช้อนสำหรับมื้อกลางวันจึงขออนุญาตครูกลับไปเอาช้อนที่บ้าน เขาปั่นจักรยานจากโรงเรียนมุ่งหน้าไปบ้านที่อยู่ไกลออกไปประมาณ 1.5 กิโลเมตร ระหว่างทางรู้สึกว่ามีรถวิ่งตามประกบมาช้าๆ จึงหันไปมองก็พบว่าเป็นรถตู้สีขาวสภาพค่อนไปทางเก่าติดฟิล์มทึบ คนขับชะลอรถเปิดโอกาสให้ชายสองคนที่นั่งอยู่ห้องโดยสารและสวมหมวกไอ้โม่งเอื้อมมือมาจับเด็กฉุดขึ้นรถ เด็กชายพยายามดิ้นรนขัดขืนและเป็นอิสรภาพ จึงปั่นจักรยานหนีเข้าไปในซอยเล็กๆ มีบ้านคนปลูกอยู่ติดกัน เมื่อหันกลับไปอีกครั้งก็ไม่เห็นรถตู้สีขาวอีกเลย เมื่อพ่อของเด็กรับรู้เรื่องราวที่เกิดขึ้นจึงพาไปแจ้งความต่อ พ.ต.ท.มงคล ปั้นต๊ะ พนักงานสอบสวน สภ.ระโสม โดยเริ่มแรกพนักงานสอบสวนและชุดสืบสวนยังไม่ปักใจเชื่อเกี่ยวกับเรื่องที่เกิดขึ้นนัก โดยตั้งข้อสังเกตบนสมมติฐานแห่งความเป็นจริงที่ว่า เพียงแค่ช้อนคันเดียวเด็กถึงกับต้องปั่นจักรยานกลับไปเอาที่บ้านเชียวหรือ มันเป็นเรื่องที่สมเหตุสมผลหรือไม่ กระทั่งการสอบสวนพยานแวดล้อมก็ได้ความจริง เด็กไม่มีนิสัยโกหกและมีพยานอย่างน้อย 4 คน พบเห็นรถตู้มฤตยูสีขาวจริง !?! พยานทั้ง 4 คนให้การสอดคล้องกันว่า ก่อนจะเกิดเหตุกับเด็กชายราว 2-3 วัน พวกเขาพบเห็นรถตู้สีขาวสภาพเก่าติดฟิล์มทึบขับวนเวียนอยู่แถวโรงเรียนและวัดที่อยู่ใกล้เคียง ด้วยความเป็นอยู่ของคนในชนบทเมื่อมีสิ่งผิดปกติเกิดขึ้นนอกเหนือไปจากชีวิตประจำวัน พวกเขาและเธอก็จะรับรู้ได้ถึงสิ่งเหล่านี้ และเมื่อสอบถามคนในชุมชนใกล้วัดต่างก็ยืนยันว่า รถตู้คันดังกล่าวไม่ใช่ของคนในหมู่บ้าน และไม่ใช่ของญาติพี่น้องของคนในหมู่บ้านด้วย ชุดสืบสวน สภ.ระโสม พยายามหาเบาะแสให้ได้มากที่สุดจนได้ข้อมูลว่า ก่อนหน้าจะเกิดเหตุขึ้นไม่นานก็มีข่าวลือเกี่ยวกับรถตู้จับเด็กที่ อ.ลานสัก จ.อุทัยธานี จึงเดินทางไปขอข้อมูล ขณะเดียวกันก็ประสานงานกับมูลนิธิกระจกเงา ที่คอยให้ความช่วยเหลือเด็กหนีออกจากบ้านและเด็กที่ถูกลักพาตัว "คม ชัด ลึก" ได้พูดคุยกับ พ.ต.ท.สมชาย ศรีสุวรรณาภรณ์ รอง ผกก.ศสด.บช.น.องค์กรตำรวจที่ให้ความช่วยเหลือเด็ก บอกว่า การที่คนร้ายเลือกเหยื่อเป็นเด็กโตแล้วพูดจารู้เรื่อง รู้ว่าใครเป็นพ่อแม่หรือญาติพี่น้อง เด็กจะถูกนำไปค้าประเวณีให้แก่ชาวต่างชาติที่มีพฤติกรรมทางเพศวิปริต หรือไม่ก็นำไปขายแรงงานตามโรงงานหรือลงเรือประมง ไม่ใช่นำไปเป็นขอทาน แต่ตอนนี้แนวทางการสืบสวนสอบสวนยังไม่มีข้อมูลชัดเจนว่าเป็นกลุ่มแก๊งไหน ด้าน พ.ต.อ.ชาติชาย วรกุล ผกก.ศสด.บช.น. ชี้แจงข้อมูลตามแนวทางการสืบสวนสอบสวนว่า ถ้าเด็กทารกที่ถูกลักจากโรงพยาบาลส่วนใหญ่จะนำไปขายให้แก่ชาวมาเลเซียรับเลี้ยงเป็นลูก เพราะเด็กขนาดนี้ยังไม่รู้เรื่องอะไร พอได้รับการเลี้ยงดูเติบโตขึ้นมาก็จะเข้าใจว่าคนที่เลี้ยงมาเป็นพ่อแม่ ส่วนเด็กที่โตขึ้นมาหน่อยอายุ 2-4 ขวบ มักจะถูกบังคับเป็นขอทานตามสะพานลอยหรือตามสถานที่ต่างๆ แต่ถ้าเด็กโตกว่านี้และไม่เกิน 12 ขวบ จะถูกนำไปทำอีกแบบคือการค้าประเวณีและขายแรงงาน เช่น บังคับขายของตอนกลางคืน หรือตามโรงงานและเรือประมง ส่วนใหญ่จะเป็นเด็กผู้ชาย หากเป็นเด็กผู้หญิงก็จะถูกนำไปขายให้แก่ชาวต่างชาติเลี้ยงดู ซึ่งพบได้น้อย "น่าเป็นห่วงเด็กๆ โดยเฉพาะช่วงนี้ใกล้เทศกาลปีใหม่เป็นช่วงวันหยุดยาว อยากให้สื่อช่วยประชาสัมพันธ์ให้พ่อแม่อบรมบุตรหลาน ให้คอยระมัดระวังตัวอยู่เสมอ แม้จะไปเที่ยวในละแวกบ้านก็ตาม อย่าเดินคนเดียว ให้ไปกันเป็นกลุ่ม หากใครถามทางหรือมีพฤติกรรมน่าสงสัย อย่าพูดคุยเป็นเวลานาน ให้เดินเลี่ยงออกมา เพราะตอนนี้ตำรวจมีเพียงข้อมูลตามแนวทางการสืบสวนสอบสวนว่า แนวโน้มของแก๊งรถตู้จะนำเด็กไปทำอะไรเท่านั้น ยังไม่ทราบว่าเป็นฝีมือของแก๊งไหน" ปัจจุบัน ศสด.บช.น.ได้จัดกำลังสายตรวจและสายสืบทั้งในและนอกเครื่องแบบเข้าไปปะปนอยู่ในพื้นที่ล่อแหลมที่จะเกิดอันตรายต่อเด็กและเยาวชน พร้อมกับเน้นการสังเกตและตรวจค้นรถตู้สีขาวติดฟิล์มมืดต้องสงสัย ที่เชื่อว่าเป็นยานพาหนะของคนร้าย จากนั้นจะนำมาทำประวัติเอาไว้ เป็นการทำงานเชิงรุก หากว่ามีเหตุลักษณะนี้เกิดขึ้นอีก การทำงานก็จะง่ายขึ้น -------------- บรรยายภาพ 10978509 : ภาพประกอบ