Lifestyle

O.K.ลีด(15.4.)/GAT-PAT/9ธ.ค.//

เกาะติดข่าวสาร >> คมชัดลึก ออนไลน์
logoline

O.K.ลีด(15.4.)/GAT-PAT/9ธ.ค.// ข้อสอบจีเอที-พีเอทีเสร็จ30ธ.ค. ทปอ.-กสพท.เล็งใช้รับตรงคาดเริ่มปี54 ผอ.สทศ.เผยออกข้อสอบพีเอที 7 ด้านภาษาเสร็จทุกวิชาแล้ว ส่วนข้อสอบพีเอที 1-6 แต่ละวิชาออกข้อสอบไปแล้ว 2-3 ชุด ตั้งเป้าเสร็จทั้งหมด 30 ธ.ค.นี้ ระบุ ทปอ.-กสพท.เล็งใช้รับตรงคาดเริ่มปีการศึกษา 2554 หากแอดมิชชั่นส์ปีการศึกษา 2553 ได้ผลดี ศ.ดร.อุทุมพร จามรมาน ผอ.สถาบันทดสอบทางการศึกษาแห่งชาติ (สทศ.) กล่าวถึงความคืบหน้าในการออกข้อสอบสอบวัดความถนัดทั่วไป หรือ จีเอที (General Aptitude Test) และสอบวัดความถนัดทางวิชาชีพและวิชาการ หรือพีเอที (Professional and Academic Aptitude Test) ที่จะใช้เป็นองค์ประกอบแอดมิชชั่นส์ในปีการศึกษา 2553 ว่า เมื่อเร็วๆ นี้ได้ประชุมร่วมกับผู้ออกข้อสอบทั้งหมดเรียบร้อยแล้ว ขณะนี้ผู้ออกข้อสอบกำลังเร่งออกข้อสอบ โดยในส่วนของข้อสอบพีเอที 7 เกี่ยวกับด้านภาษาต่างๆ ออกข้อสอบครบทั้ง 5 ชุดในทุกวิชาเสร็จเรียบร้อยแล้ว ส่วนข้อสอบพีเอที 1-6 ในวิชาต่างๆ เริ่มออกข้อสอบไปได้แล้ว 2-3 ชุด ทั้งนี้ สทศ.ได้กำหนดเวลาออกข้อสอบจีเอทีและพีเอทีให้ครบ 5 ชุดทุกวิชา จะต้องแล้วเสร็จภายในวันที่ 30 ธันวาคมนี้ ผอ.สทศ.กล่าวอีกว่า ขณะเดียวกันที่ประชุมอธิการบดีแห่งประเทศไทย (ทปอ.) และกลุ่มสถาบันแพทยศาสตร์แห่งประเทศไทย (กสพท.) กำลังพิจารณาจะนำผลคะแนนสอบจีเอทีและพีเอทีมาใช้รับนักศึกษาผ่านระบบรับตรง แต่ยังไม่ได้ระบุว่าเตรียมจะนำมาใช้ในปีการศึกษาใด ส่วนตัวคาดว่า ทปอ.และ กสพท.คงจะรอดูผลการใช้ผลคะแนนสอบจีเอทีและพีเอทีรับนักศึกษาผ่านระบบแอดมิชชั่นส์กลางในปีการศึกษา 2553 ก่อน หากผลการดำเนินการเป็นไปได้ด้วยดี เชื่อว่าทั้งสองหน่วยงานน่าจะนำผลคะแนนสอบจีเอทีและพีเอทีมาใช้รับนักศึกษาผ่านระบบรับตรงในปีการศึกษา 2554 "ถ้าผลรับเด็กผ่านระบบแอดมิชชั่นส์ปีการศึกษา 2553 ที่ใช้ผลสอบจีเอทีและพีเอทีเป็นองค์ประกอบได้ผลดี เชื่อว่าต่อไปมหาวิทยาลัยรัฐจะนำผลคะแนนสอบจีเอทีและพีเอทีมาใช้รับเด็กผ่านระบบรับตรงในสัดส่วนที่เพิ่มขึ้น เพราะการนำผลสอบนี้ไปใช้รับเด็กทำได้ง่าย และเด็กไม่ต้องวุ่นวาย เมื่อเด็กมาสอบเสร็จแล้ว สทศ.ก็ส่งผลคะแนนไปให้มหาวิทยาลัยรัฐใช้พิจารณารับเด็ก อย่างไรก็ตาม จะมีผลทำให้สัดส่วนรับเด็กผ่านระบบแอดมิชชั่นส์อาจจะลดลงจากปัจจุบัน ซึ่งมหาวิทยาลัยรัฐรับเด็กผ่านระบบแอดมิชชั่นส์ 30% และรับตรงโดยเฉลี่ยอยู่ที่ 70% แต่การรับเด็กผ่านระบบแอดมิชชั่นส์นี้ ยังคงต้องรักษาให้มีอยู่ต่อไป และสัดส่วนควรอยู่ที่ 30% เพราะเป็นการผสมผสานคนไทยจากทุกภูมิภาคให้มารวมกันในแต่ละมหาวิทยาลัยรัฐ" ศ.ดร.อุทุมพร กล่าว ///////
logoline
แท็กที่เกี่ยวข้อง

ข่าวที่น่าสนใจ