รุกฆาต อาซิ้ม

รุกฆาต อาซิ้ม รอยด่าง พอหายใจได้โล่งคอหน่อย แต่ก็ยังไม่รู้ว่าจะได้นานเท่าไหร่ เพราะหลังจากศาลรัฐธรรมนูญูตัดสินให้ยุบ พรรคพลังประชาชน พรรคชาติไทย และพรรคมัชฌิมาธิปไตย ทำให้การเมืองไทยตอนนี้อยู่ในช่วงของสุญญากาศ และคงอีกไม่นานก็จะทราบว่าใครจะมาเป็น นายกรัฐมนตรี คนที่ 27 ถึงตอนนั้นก็ยังไม่รู้ว่าจะออกหัว หรือออกก้อย เพราะถ้าประกาศชื่อผู้ที่จะมาเป็น นายกรัฐมนตรี แล้ว "ยี้กันทั้งเมือง" มีหวัง "กลุ่มเสื้อเหลือง" ต้องออกมาปะทะกับ "คนกลุ่มเสื้อแดง" แน่นอน เล่นนอกเกมกันอย่างนี้แล้ว เมื่อไหร่บ้านเมืองจะสงบสุขเสียที อย่าลืมปัญหาที่เกิดขึ้น มันส่งผลกระทบในทุกๆ ด้าน ภาพลักษณ์ประเทศชาติเสียหายป่นปี้ แต่แปลกคนพวกนี้ยังไม่สำนึกบุญคุณแผ่นดิน ที่ทำให้มันเกิดขึ้นมาบนแผ่นดินไทย อย่าให้ "วิญญาณบรรพบุรุษไทยต้องร่ำไห้" ความจริงแล้ว ในช่วงปลายปีน่าจะเป็นช่วงที่จะมีรายได้เข้าประเทศ ทั้งเรื่องของการท่องเที่ยวและเรื่องกีฬา โดยเฉพาะเรื่องกีฬา เรารับเป็นเจ้าภาพหลายรายการ ทั้งระดับโลก และระดับอาเซียน แต่เมื่อมาเจอปัญหาความวุ่นวายในประเทศ ทำให้กีฬาหลายชนิดต้องเลื่อนออกไป หรือต้องย้ายสถานที่แข่งขันไปที่อื่น เรื่องที่น่าอับอายไม่แพ้การเมือง คงหนีไม่พ้นเรื่องของ "ผู้ตัดสิน" ที่มีข่าวลือออกมาว่า มีการเรียกเงิน 2 แสนบาท แลกกับการเป็น "ผู้ตัดสินฟีฟ่า" ฟังแล้วสลดใจจริงๆ แต่ก็บอกไม่ได้ว่าเรื่องนี้เป็นความจริงหรือไม่ แม้ว่าคณะกรรมการผู้ตัดสินฯ จะออกมาปฏิเสธว่า ไม่เป็นความจริงแล้วก็ตาม แต่โบราณเขาว่าไว้ "ไม่มีมูล หมาไม่ขี้" ยังไงก็ต้องฟังหูไว้หู ความจริงแล้ว เรื่องของผู้ตัดสินมีข่าวแต่ด้านลบออกมาโดยตลอด ทั้งเรื่อง การแบ่งพรรค แบ่งพวก เอาแต่ผลประโยชน์ จนลืมคำว่า "พัฒนา" วันนี้แทบจะแยกไม่ออกว่าเรื่องไหนการเมือง เรื่องไหนกีฬา เพราะ "พฤติกรรม" มันเหมือนกันอย่างกับ "แกะ" อย่าให้อะไรมันแย่ไปกว่านี้เลยครับ...ถ้าจะให้โปร่งใส "บังยี" วรวีร์ มะกูดี นายกสมาคมฟุตบอลฯ ต้องลงมาสอบสวนด้วยตัวเอง อย่าปล่อยให้เป็น "รอยด่าง" ของวงการฟุตบอลไทยเลยครับ...