ข่าว

มนตราแห่งรัก 2 // ** 27800544 **

เกาะติดข่าวสาร >> คมชัดลึก ออนไลน์
logoline

มนตราแห่งรัก 2 // ** 27800544 ** ใบหม่อนสมัครงาน แต่เป็นแค่คลินิกเสริมความงาม เธอจึงเดินช็อปปิ้งแก้เหงา หมอวิคมาแสดงความยินดีกับเพื่อนที่เปิดร้าน และเห็นใบหม่อนก็เข้ามาต่อว่าอย่างแรง โดยไม่ฟังใบหม่อนพูดเลย "ผมไม่รู้ว่าทำไมคุณจับพลัดจับผลูมาทำงานเป็นผู้ช่วยพยาบาล แต่ถ้าคุณไม่รักษาวิชาชีพนี้ละก็ ผมขอแนะนำให้คุณเปลี่ยนอาชีพ เพราะ ชีวิตคนไข้ที่อยู่ในความดูแลของคุณ มีค่าเกินกว่าที่จะมาเสี่ยง" ใบหม่อนน้ำตาคลอที่โดนว่าฉอดๆๆ โดยที่หมอวิคไม่ฟังสักนิด "ผมนึกว่าการที่ผมไม่ได้พักงานคุณ จะเป็นโอกาสให้ คุณได้แก้ตัว แต่ก็ดูเหมือนคุณจะไม่สำนึกซักนิดผมคงใจดีมากเกินไป" หมอวิคเดินไป ใบหม่อน น้ำตาคลอ ฮึดขึ้นมาเดินตาม หมอวิคบอกว่าถ้าจะแก้ตัวให้ทำเป็นจดหมายมาให้เขาพิจารณา "ฉันแค่อยากจะให้รองผอ.ทราบไว้ด้วยว่าถึงฉันจะเป็นแค่ผู้ช่วยพยาบาล แต่ฉันก็รักวิชาชีพนี้ แล้วฉันก็แคร์กับคนไข้เสมอ ไม่ใช่แค่ความเจ็บป่วยทางร่างกาย แต่ฉันยังเห็นความสำคัญของจิตใจเขาด้วย ที่รองผอ.กรุณาจะพิจารณาลงโทษฉัน ฉันขอบพระคุณมาก แต่ฉันพิจารณาตัวเองเรียบร้อยแล้ว" ใบหม่อนยกมือไหว้ พูดแผ่วๆ "ลาก่อนค่ะ" ใบหม่อนเดินออก หมอวิคอึ้ง งง โกรธ ทางด้านชาคริต เขาก็หาทางหนีมิกิไปให้ทันนัดกับม่านไหม เขาเรียกมอเตอร์ไซค์รับจ้างให้พาไป พอเข้ามาในซอยเขาก็เห็นใบหม่อนเดินน้ำตาซึมกลับบ้าน เลยจ้างให้คนขับมอเตอร์ไซค์ช่วยเล่นละคร โดยให้คนขับเรียกใบหม่อนและถามว่าเธอรู้จักบ้านม่านไหมมั้ย เพราะผู้ชายที่ซบอยู่หลังเขาบอกให้พาไปบ้านม่านไหมแต่ตอนนี้ไม่รู้สึกตัว ใบหม่อนเห็นชาคริตก็ตกใจ รีบเรียกแท็กซี่พาไปส่งที่บ้าน ม่านไหมกำลังโกรธชาคริตอยู่พอดี ที่ไม่มาตรงนัด แต่พอเห็นพี่สาวพาชาคริตมาที่บ้านด้วยอาการคนหมดสติ เธอก็ตกใจ ใบหม่อนบอกให้รีบพาเข้าบ้านก่อน "ตกลงนายนี่เป็นอะไรไปอีก แล้วทำไมมากับพี่หม่อน" "พี่เจอเขาที่ปากซอย เขาว่าจ้างมอเตอร์ไซค์มาบ้านเรา แต่สลบไปก่อน พี่ก็ไม่รู้เหมือนกันว่าเขาเป็นอะไร" ชาคริตทำเป็นฟื้น และเพ้อ "ผมต้องไปให้ทันหกโมง ผมต้องไปให้ได้" "คุณเหนือคะ" ใบหม่อนเรียก ชาคริตลืมตาทะลึ่งพรวดขึ้น "คุณต้องพาผมไปบ้านคุณม่านไหมให้ทันนะ ผมอุตส่าห์หาเงินมาจนครบแล้ว ต้องให้ทันนะ" "คุณเหนือ คุณอยู่ที่บ้านฉันแล้วค่ะ" "หา" ชาคริตขยี้ตา "คุณใบหม่อน คุณม่านไหม นี่ผมไม่ได้ฝันไปใช่มั้ย ผมมาทันแล้ว" ม่านไหมไม่รับมุก "ใครว่า นี่มันสายไปตั้งเกือบชั่วโมงแล้ว" "ไม่จริง ผมจำได้ว่าพอผมออกจากโรงรับจำนำ มันเพิ่งห้าโมงเอง แล้วผมก็เรียกมอเตอร์ไซค์จากนั้นก็จำอะไรไม่ได้เลย" "แสดงว่าคุณคงหมดสติไป สมองคุณอาจจะกระทบกระเทือนตั้งแต่ถูกตีหัว มอเตอร์ไซค์เขาบอกว่าเขาปฐมพยาบาลคุณอยู่นาน จะพาไปหาหมอแต่คุณไม่ยอม จะให้เขามาส่งที่นี่ให้ได้ เขาก็เลยต้องขับช้าๆ มา "โธ่ ผมอุตส่าห์บอกให้เหยียบให้มิดแล้ว ทำไมเป็นอย่างงี้ไปได้" "รู้ก็ดีแล้ว กลับออกไปได้" "ให้โอกาสผมหน่อยไม่ได้เหรอครับ" "นั่นซิ ไหม คุณเหนือเขามีเหตุสุดวิสัยจริงๆ" "ไหมพูดคำไหนคำนั้น" ม่านไหมดึงชาคริตขึ้น "นายไปหาบ้านเช่าใหม่เถอะ" "โธ่ ป่านนี้แล้วผมจะไปที่ไหนได้ คุณหม่อนช่วยผมด้วย" ม่านไหมดันชาคริตออกไป ปิดประตู ชาคริตทุบประตูเรียก ใบหม่อนเตือนน้องสาว "ไหม พี่ว่าไหมน่าจะเห็นใจเขาบ้างนะ เห็นอยู่ว่าขนาดไม่สบายก็ยังรีบมาให้ทัน ดีนะที่เขาไม่ตกรถบาดเจ็บกว่านี้" "ไหมว่าเป็นลูกไม้มากกว่า พี่หม่อนไม่รู้อะไรนายนี่ถูกไล่ออกจากงานก็เพราะเรื่องผู้หญิง" "ลืมแล้วเหรอ พี่ก็ถูกตัดเงินเดือนเพราะถูกกล่าวหาว่าขโมยสร้อย แถมวันนี้พี่ก็ยังถูกรองผอ.ตำหนิ เพราะเขาเข้าใจผิดว่าพี่หนีงานไปช็อปปิ้ง ทั้งๆ ที่พี่ไปสมัครงาน" ม่านไหมอึ้งไป "มันไม่เหมือนกัน" "เหมือนซิไหม ไหมกับเจ้านายพี่ตัดสินคนด้วยความรู้สึกของตัวเอง" ชาคริตได้ยินชื่นชมใบหม่อน "ไหมอาจคิดว่าพี่โง่ ไว้ใจคนง่ายเกินไป แต่ทำไมไม่คิดอีกมุมล่ะ ถ้าคุณเหนือเขาเป็นคนดี เราก็จะได้เพื่อนบ้านดีดีเพิ่ม แล้วก็ได้ค่าเช่ามาช่วยค่าใช้จ่ายช่วงที่เรายังหางานทำไม่ได้" ม่านไหมคิดหนัก ชาคริตยังแนบหูอยู่ แต่เสียงข้างในเงียบไม่ได้ยินอะไร "ทำไมเงียบไป เฮ้อ ท่าจะหมดหวังแล้วเรา" ชาคริตลงไปนั่งพิงประตูเศร้า ประตูเปิดออก ชาคริตหงายหลัง ม่านไหมมองหาชาคริต "แล้วตาบ้านั่นไปไหนแล้ว" ชาคริตส่งเสียงแผ่วๆ ลุกขึ้นมา "ผมอยู่นี่ คุณไหมครับ ผมขอร้อง" "ฉันให้นายเช่าก็ได้ หรือถ้าไม่เช่าก็ไปที่อื่น" "เช่าซิครับ เช่า ไชโย" ม่านไหมมองแบบดีใจอะไรนักหนา ใบหม่อนยิ้มๆ มิกินั่งรอชาคริตอยู่ที่ร้านอาหารอยู่นาน สมศรีก็ถือดอกไม้เข้ามาบอกว่าชาคิตมอบให้แทนคำขอโทษที่ทิ้งเธอไป มิกิสะกดอารมณ์โกรธเอาไว้ แล้วกลับมาระบายที่บ้านอย่างฉุนเฉียว กีกี้ต้องให้ยาระงับประสาท ชาคริตนำบัตรประชาชนมาให้ม่านไหมดู เธอเพ่งมองใบถ่ายเอกสาร และขอดูตัวจริง แต่ชาคริตบอกว่าบริษัทเก็บไว้ ม่านไหมไม่สงสัยอะไรมาก ขอเก็บเอกสารไว้ ม่านไหมพาชาคริตมาพักที่เรือนเล็กที่เธอตั้งชื่อไว้ว่าซุ้มกระดังงา หน้าเรือนมีกระดังงาปลูกเอาไว้ เป็นเรือนที่เธอไม่อยากเข้ามา ชาคริตมองซุ้มดอกไม้หน้าเรือนเล็กอย่างชื่นชม "มิน่า คุณถึงเรียกเรือนนี้ว่าซุ้มกระดังงา คุณปลูกดอกไม้ทั้งหมดนี่เลยใช่ไหมครับ" "แม่ฉันเป็นคนปลูก" "แสดงว่าคุณแม่ต้องเป็นคนอ่อนโยน มือเย็นถึงปลูกต้นไม้ได้งามขนาดนี้ คุณก็คงอ่อนโยน ใจดีเหมือนคุณแม่" "สนิทกันเหรอ มาทำตีสนิทเรียกแม่ฉันงั้นงี้ เดี๋ยวฉันจุดธูปให้ท่านมาหักคอซะนี่" ชาคริตหน้าเหี่ยว "ผมก็แค่ชื่นชมท่านนิดเดียวเอง แล้วคุณพ่อคุณล่ะท่านอยู่ที่นี่ด้วยหรือเปล่า ผมจะได้ตั้งรับถูก" ม่านไหมหน้าซีดกว่าเดิมหันกลับมาเสียงดัง "เลิกถามนั่นถามนี่ซะทีได้ไหม" "ผมแค่" "ถ้าอ้าปากอีกคำ นายออกไปได้เลย" ชาคริตเอามือปิดปากแน่น ม่านไหมหันกลับมาชะงักมองที่รอยเปื้อนเป็นปื้นสีน้ำตาลตรงบันได เป็นรอยด่างของเลือดที่พ่อม่านไหมกับเมียน้อยแทงกันตายตรงประตูด้านบน ศพเมียน้อยคาที่ประตู ศพพ่อพาดลงมาตามบันไดทำให้เกิดรอยเลือดไหลหยดลงมาตามบันไดเป็นรอยฝังลึกที่ลบไม่ออกจากใจของม่านไหม ม่านไหมปิดตา ชาคริตตกใจที่เห็นม่านไหมปิดตาร้องลั่น ชาคริตเรียกม่านไหมให้ได้สติ เธอชี้ให้ชาคริตดูเลือด แต่ชาคริตไม่เห็น ม่านไหมฝืนหันกลับมามองเห็นที่บันไดว่างเปล่า เธอรู้ว่าปล่อยตัวเองหลอนกับภาพในอดีตอีกแล้ว ชาคริตยื่นหน้าเข้ามาใกล้ม่านไหมมองไปที่รอยเปื้อน มองตามแนวรอยเปื้อนเห็นว่าเป็นทุกขั้นบันได ยิ่งตรงบันไดขั้นบนสุดเป็นรอยเปื้อนดวงยาวสีน้ำตาลวงใหญ่ ถามว่าดวงอะไร ม่านไหมหันขวับมาจ้อง ทำให้ชาคริตกลัวบอกว่าไม่อยากรู้แล้ว "แล้วจำไว้อย่าเพ่นพ่านวุ่นวาย อย่าให้ฉันต้องพูดซ้ำ" ม่านไหมหัวเสียเดินออกไปทันที "คนสวยของผม ทำไมต้องโหดขนาดนี้ด้วย" ชาคริตมองตามอย่างกลุ้มๆ ที่ดูมีแต่ปัญหาไม่เป็นอย่างฝัน ม่านไหมกลับเข้าบ้านมาก็เห็นพี่สาวยืนดูรูปครอบครัวอยู่ ทำให้เธอไม่พอใจ เพราะภาพในอดีตครั้งถ่ายรูปครอบครัวที่ทำร้ายจิตใจเธอยังไม่จางหาย มันกลับมาหลอกหลอนเธออีกครั้ง ตอนนั้นเธออายุ 10 ขวบ ใบหม่อนวัย 15 วันนั้นพ่อเธอได้งานใหม่ จึงซื้อกล้องมาถ่ายรูปครอบครัวกัน ถ่ายอยู่ดีๆ ทิพย์ เมียน้อยอีกคนของพ่อก็หอบข้าวของเข้ามาอยู่และถ่ายรูปด้วย ทับทิมไม่พอใจต่อว่าที่พ่อเธอสัญญาว่าจะไม่พาใครเข้ามา ทำให้ถูกพ่อตบตี และสั่งให้ทุกคนถ่ายรูป ม่านไหมจะไม่ถ่าย พ่อจึงตบตีเธอ ทับทิมห้ามและขอร้องให้ลูกสาวถ่ายรูป เหตุการณ์ครั้งนี้ ม่านไหมหมดสิ้นความศรัทธาในตัวพ่อ ใบหม่อนมองน้องสาวตรงหน้าด้วยความเห็นใจ พยายามปลอบให้เธอทำใจ และยอมรับในสิ่งที่เกิดขึ้น พร้อมให้ลืมเมื่อเห็นว่ามันผ่านไปแล้ว "พี่เชื่อว่าแม่เล็กอยากให้ไหมลืมเรื่องร้ายๆ ในอดีต มีงานที่ดี มีคนรักที่ดี" "ชาตินี้ไหมจะไม่มีความรัก จะไม่ให้หัวใจกับ ผู้ชายคนไหนเหมือนแม่ที่รักพ่อทั้งที่พ่อไม่เคยรักพวกเราเลย" ใบหม่อนสลดคิดถึงหมอวิค "แต่ผู้ชายไม่ได้มีแต่คนเลวเสมอไปหรอกนะ" "ผู้ชายดีๆ ไม่มีในโลกหรอกพี่ มีแต่หวังตัวเรา เงินเราทั้งนั้น พี่หม่อนก็เหมือนกัน อย่าไปรักใครเข้าล่ะ จะได้ไม่ต้องเจ็บเหมือนแม่ของพวกเรา" "ผู้หญิงธรรมดาอย่างพี่คงไม่มีใครมาสนใจ" ใบหม่อนเจ็บกับการที่ต้องจากลาหมอวิค ผู้ชายที่ตนรัก หมอวิครู้ความจริงว่าใบหม่อนไม่ได้เป็นคนขโมยสร้อยยายที่เป็นคนไข้ หมอวิคตามมาที่บ้านใบหม่อนเพื่อคุยกับเธอ แต่กลับเจอชาคริตอย่างจังๆ เพราะเป็นคนมาเปิดประตูหน้าบ้าน ต่างฝ่ายต่างตกใจที่เจอหน้ากัน หมอวิคถามว่าชาคริตมาทำอะไร ยังไม่ทันได้ตอบกัน ม่านไหมก็เข้ามาถามว่าใครมา ชาคริตตกใจตัดสินใจกระทืบเท้าหมอวิคจนเขาร้องลั่น และกระซิบบอกว่าให้ทำเป็นไม่รู้จักกัน และทำเสียงดังให้ม่านไหมได้ยินด้วยว่า "คุณเข้าบ้านผิดใช่ไหมครับ" หมอวิคยังตั้งสติไม่ทัน ใบหม่อนเดินออกมาตกใจ "รองผอ!" ชาคริตอึ้งมองใบหม่อน ชาคริตมองหมอวิค ม่านไหมจ้องหมอวิค "อ๋อ หมอคนนี้ที่ไล่พี่หม่อนออกจากงานใช่ไหม" ม่านไหมมองด้วยสายตาเป็นศัตรูเปิดเผย หมอวิคมองม่านไหมอึ้งๆ ชาคริตเหวอที่ทุกอย่างจุดใต้ตำตอเหลือเกิน ม่านไหมไม่ยอมให้หมอวิคคุยกับใบหม่อน และไม่ยอมรับฟังเหตุผลใดๆ เธอทำท่าจะทำร้ายหมอวิคจนใบหม่อนต้องไล่เขาออกจากบ้านไป หมอวิคบอกว่าถ้าพรุ่งนี้เธอไม่ไปทำงานต่อ เขาจะทำแบล็กลิสต์เธอ ส่งไปทุกโรงพยาบาลเพื่อให้เธอหางานทำไม่ได้ ยิ่งทำให้ม่านไหมโกรธ จะตั้นหน้าหมอวิค จนเขาต้องวิ่งหนีไป ชาคริตรีบวิ่งมาดูว่าเกิดอะไร ใบหม่อนบอกให้ช่วยห้ามม่านไหมที ม่านไหมยังด่าว่าหมอวิคไม่หยุด ชาคริตต้องจับเธอไว้ ใบหม่อนรีบพาหมอวิคไปขึ้นรถ หมอวิคจับมือใบหม่อน "พรุ่งนี้คุณต้องไปที่โรงพยาบาลนะ" ใบหม่อนอึกอัก ชาคริตรีบร้องบอก "คุณหมอรีบไปซะทีสิ คุณไหมจะแปลงร่างเป็นผีเสื้อสมุทรอยู่แล้ว" ชาคริตกอดม่านไหมไว้ ม่านไหมฉุนเสียงดัง "นายหลอกด่าฉันเหรอ" "คุณหมอไปก่อนเถอะค่ะ" ใบหม่อนเร่ง "อย่าลืมนะ ไม่งั้นผมจะตามเอาเรื่องคุณไม่เลิกจริงๆ" ใบหม่อนมองที่มือ หมอรีบเอามือออกขับรถออกไป ม่านไหมรู้สึกตัวว่าถูกชาคริต มั่วนิ่มกอดอยู่ เลยเอาร่มทิ่มขา "โอ๊ย เรื่องอะไรมาลงที่ผมล่ะ" "เรื่องอะไรนายมาเจ๋อล่ะ" ชาคริตยิ้มเก้อๆ ชาคริตออกมาหาหมอวิคที่ร้านกาแฟ หมอวิคต่อว่าเพื่อนที่ปลอมตัวและมาเช่าบ้านใบหม่อนอยู่ ชาคริตบอกเพื่อนว่า "ฉันอยากรู้จักตัวตนจริงๆ ของม่านไหม" "แล้วไง ฉันว่าแกจะเอาชีวิตไปทิ้งซะเปล่าๆ นะ ผู้หญิงคนนี้ทั้งโหดทั้งไม่มีเหตุผล ดีไม่ดีเป็นทอมรึเปล่าก็ไม่รู้" "หยุดไอ้หมอ แกด่าฉันดีกว่ามาว่าหวานใจของฉัน" "แกนี่เป็นเอามากจริงๆ ถามหน่อย ถ้าเขาเป็นคนหน้าเงิน ไม่มีหัวใจจริงๆ แกไม่อกหักตายเหรอ" ชาคริตมองหมอวิคอย่างมีแผน "ถ้าเขาไร้หัวใจฉันนี่แหละจะทำให้เขารู้จักว่าความรักมันเป็นยังไง" "แกหลงความสวยเขาจนยอมลงทุนขนาดนี้เลย" "ถ้าหลงแค่สวย ก็มีคนอื่นที่สวยกว่าเขาตั้งเยอะ แต่ไม่รู้ทำไมไม่ว่าเขาจะพูดหรือจะด่า ฉันก็ละสายตาจากเขา ไม่ได้เลย" ชาคริตหน้าเคลิ้มๆ หลงจนถอนตัวไม่ขึ้น หมอวิคทำหน้าเอียนๆ "แล้วแกจะใช้ชีวิตยังไง เล่นเป็นคนสองภาคแบบนี้" "สบายมาก อยู่ออฟฟิศฉันก็เป็นชาคริต อยู่บ้านคุณไหมก็เป็นนายเหนือ ทุกอย่างแยกจากกันเด็ดขาด" หมอวิคย้ำขู่ๆ "ขอให้มันง่ายอย่างงั้นเหอะ กลัวแกจะโดนหวานใจแกเชือดซะก่อน" "อย่าพูดให้กำลังใจกันอย่างงั้นซิวะ เออ แล้วเรื่องแกกับพี่สาวเขาน่ะมันยังไง" ชาคริตเปลี่ยนเรื่องคุย ม่านไหมไม่ต้องการให้พี่สาวกลับไปทำงานกับหมอวิคอีก แต่เธอต้องมีงานทำเพื่อเลี้ยงดูพี่สาว ในที่สุดเธอก็ตัดสินใจกลับไปของานทำที่บริษัทของชาคริต ชาคริตต้องรีบให้สมศรีออกมารับหน้าแทนเพื่อปฏิเสธหญิงสาว แต่ม่านไหมไม่ยอม จะขอคุยกับบอส เธอผลักประตูเข้าไป ชาคริตนั่งอยู่บนเก้าอี้ เขารีบหมุนเก้าอี้หันหลังให้แทบไม่ทัน เธอจึงเห็นแต่พนักเก้าอี้ที่สูงบังตัว ชาคริตเหงื่อแตกร้อนรนคิดหาทางเอาตัวรอดสุดชีวิต "ฉันขอโทษนะคะที่เสียมารยาท แต่ฉันต้องการทำงานที่นี่จริงๆ ฉันอาจจะไม่ดีที่ผิดนัด แต่ให้โอกาสฉันเถอะนะคะ" ชาคริตหน้าเสียปาดเหงื่อ เขาพยายามพูดเสียงแหบๆ เหมือนคนแก่ ไอตลอดเวลา จนม่านไหมคิดว่าเขาเป็นคนแก่ที่สุขภาพอ่อนแอ ชาคริตอ้ำอึ้งหาทางไปไม่เป็น ม่านไหมเห็นชาคริตเงียบก็เริ่มใช้แผนนุ่มนวล "ถ้าคุณมองตาฉัน คุณจะรู้ว่าฉันจริงใจและอยากทำงานมากแค่ไหน ฉันขอเข้าไปคุยนะคะ" ม่านไหมจะก้าวเข้าไป ชาคริตตกใจหลุดปาก "ตกลง!" ม่านไหมชะงัก "อะไรนะคะ" ชาคริตรีบบอกกันม่านไหมเดินมาหา "อาทิตย์หน้าคุณมาทำงานได้เลย" "ขอบคุณมากค่ะ" ม่านไหมดีใจจะเข้าไปขอบคุณ แต่ถูกสมศรีกับปูดำเข้ามาขวางไว้ สมศรีรีบให้ฉาดฉานหนุ่มชีกอพาม่านไหมออกไป ชาคริตชักมึนเมื่อเห็นว่าปัญหากำลังเข้ามาพัวพันตัวเองเข้าไปทุกที ม่านไหมกลับมาเลี้ยงฉลองกับพี่สาวด้วยความดีใจ ชาคริตเอาดอกไม้มาแสดงความยินดี เธอนึกแปลกใจว่าเขารู้ได้อย่างไร ชาคริตกลบเกลื่อนเอาตัวรอดไปจนได้ ม่านไหมเอาดอกไม้ของชาคริตมาเก็บไว้ในห้องเหมือนไม่สนใจ ชาคริตไม่รู้ว่าจะทำยังไง จึงปรึกษากับหมอวิคเพื่อหาทางออก แต่ก็ไม่ได้ความ พอกลับถึงบ้านเขาก็ได้ไอเดียเมื่อเห็นเสื้อผ้าคุณปู่ เขาตัดสินใจปลอมเป็นคนแก่ โดยเอาข้าวของต่างๆ ของปู่มาใส่ จนกมลาตกใจคิดว่าถูกผีคุณปู่หลอก จนชาคริตต้องเผยความจริง การปลอมตัวของชาคริตมีหมอวิคและสมศรีคอยช่วยเหลือการแต่งตัวแต่งหน้า แล้วม่านไหมก็ได้เจอกับชาคริตในคราบของคนแก่ ทั้งสองพูดคุยกันในฐานะเจ้านายกับลูกน้อง ม่านไหมจับพิรุธเขาไม่ได้ว่าตัวตนจริงๆ เขาเป็นใคร ม่านไหมแนะนำตัวกับเพื่อนร่วมงาน ทุกคนเป็นมิตรด้วย โดยเฉพาะฉาดฉานฝ่ายออกแบบจอมชีกอ ผิดกับปูดำที่อยู่ฝ่ายประสานงาน แต่ไม่ค่อยชอบม่านไหมนัก เพราะคิดว่าเธอเข้ามาทำงานได้เพราะมีเส้นสายและใช้ความสวย สมศรีเฝ้าดูม่านไหมด้วยความหวาดวิตก เพราะพวกผู้ชายที่จะมาทำชีกอกับเธอ ถูกม่านไหมเล่นงานจนกระเจิง ชาคริตรู้ความเคลื่อนไหวของเธอก็นึกขำ ชาคริตถามสมศรีว่าม่านไหมสงสัยเขาหรือเปล่า สมศรีบอกว่าไม่ แถมยังมีท่าทางปลาบปลื้มบอสมากๆ ทำให้ชาคริตอยากรู้ว่าระหว่าง ชาคริตในภาคคนแก่รวย กับนายเหนือแสนจน และแข่งกันจีบม่านไหม ใครจะชนะ สมศรีฟังแล้วปวดหัวไม่อยากให้เขาหาเรื่องใส่ตัว มิกิแวะมาหาชาคริตที่บริษัท เธอเจอกับม่านไหมโดยบังเอิญ ก็เปิดฉากทะเลาะกันด้วยเรื่องอดีต สมศรีเห็นทั้งสองทะเลาะกันก็รีบไปรายงานชาคริตและลากมาดู ซึ่งจังหวะนั้นม่านไหมโมโหที่มิกิว่าแม่ของเธอทำให้ตระกูลของคุณยายเสียชื่อ เธอจึงเอาแจกันสาดน้ำใส่มิกิ ปูดำเห็นก็เข้ามาบอกว่ามิกิเป็นเพื่อนของชาคริต แต่ม่านไหมไม่สนใจ "ไม่ว่าเขาจะใหญ่มาจากไหน ฉันก็ไม่สน แม่ของฉันใครห้ามแตะทั้งนั้น" สมศรีจะดึงชาคริตออกไปแต่เขารั้งตัวเองไว้ ว่าถ้าออกไปแผนทุกอย่างพังแน่ เขาให้สมศรีออกไปจัดการ สมศรีทำเป็นเข้าไปโวยวายและว่าที่ฉาดฉานไม่ยอมพาม่านไปออกไปหาลูกค้า ชายหนุ่มรับมุกได้ทัน ลากตัวม่านไหมออกไป ม่านไหมบอกสมศรีว่าที่เธอทะเลาะกับมิกิ เพราะเธอพูดจาไม่เข้าหู ไม่ยอมบอกให้รู้ว่าเป็นเรื่องที่เกิดมาจากปมปัญหาในอดีต สมศรีห้ามไม่ให้เธอทะเลาะกับมิกิอีก มิกิชวนชาคริตออกไปทานอาหารและเล่าเรื่องม่านไหมว่า แม่ของม่านไหมถูกผู้ชายชั้นต่ำหลอกจนท้อง ทำให้คุณยายเธอโกรธมากตัดทับทิมกับม่านไหมออกจากกองมรดก ม่านไหมเลยพาลโกรธเธอไปด้วย เธอจะแบ่งมรดกให้ครึ่งหนึ่ง แต่ม่านไหมยืนยันว่าจะเอาทั้งหมด ชาคริตฟังแล้วอึ้งไป ชาคริตกลับมาเล่าให้สมศรีฟัง สมศรียุให้เขาเปลี่ยนใจเลิกกับม่านไหม แต่ชาคริตยังไม่เปลี่ยนใจ กลับไปปรึกษากับพ่อ ชีพบอกว่าถ้ายังไม่ได้พิสูจน์ด้วยตัวเองก็ไม่ควรเชื่อ ทำให้ชาคริตได้คิด มิกิกลับมาเล่าให้กีกี้ฟังเรื่องโกหกชาคริต กีกี้ไม่สบายใจพยายามพูดเตือนพี่สาว แต่กลับโดนมิกิดุว่าเข้าข้างม่านไหม และสั่งให้ทำตามที่เธอบอกไม่งั้นจะไม่ได้เงินแม้แต่แดงเดียว ชาคริตกลับมาที่บ้านเช่าเห็นม่านไหมกำลังต่อสู้กับนักเลงสองคนที่บุกเข้ามาในบ้าน และทำร้ายใบหม่อน เขารีบเข้าไปช่วย ทำให้ถูกทุบที่หัวไหล่อย่างแรง คนร้ายหนีไปแล้ว ม่านไหมรีบเข้ามาดูอาการชาคริต ชายหนุ่มได้ทีออดอ้อน สองสาวพี่น้องพาชาคริตส่งโรงพยาบาล โชคดีที่หมอวิคอยู่เวร ชาคริตรีบส่งซิกไม่ให้หมอวิคกระโตกกระตากเพราะกลัวเสียแผน หมอวิครีบพาชาคริตเข้าห้องฉุกเฉินและต่อว่าเพื่อนที่เล่นอะไรอีกแล้ว ชาคริตขอให้หมอวิคช่วย แต่หมอวิคไม่ยอมช่วย ชาคริตขู่จะเอารูปที่หมอวิคใส่ชุดสโนไวท์ตอน ป.3 มาประจาน หมอวิคเลยจำต้องช่วย หมอวิคออกมาบอกสองสาวว่า อาการของชาคริตค่อนข้างหนัก สมองอาจได้รับความกระทบกระเทือน ม่านไหมใจไม่ดีรีบเข้าไปดู ชาคริตทำท่าเพลียๆ เรียกคะแนนสงสารจากม่านไหมได้มาก หมอวิคแอบดูเพื่อนเล่นละครแล้วเบ้หน้าด้วยความเอียนกับคารมเพื่อน ตำรวจมาสอบปากคำใบหม่อนเสร็จเรียบร้อย เธอจึงเล่าให้น้องสาวฟังว่าคนร้ายอาจเป็นพวกตีนแมวหรือไม่ก็ศัตรูของพวกเธอ ทำให้ม่านไหมคิดถึงมิกิทันที วันรุ่งขึ้นม่านไหมมาเยี่ยมชาคริตแต่เช้า เธอถามเจ้าหน้าที่ถึงชื่อ นายเหนือ มุ่งทั่วถิ่น ว่าพักอยู่ห้องไหน เจ้าหน้าที่บอกว่าไม่มีชื่อนี้ เธอไม่เชื่อทำท่าจะโวยวาย ใบหม่อนต้องปรามและบอกให้น้องสาวไปทำงาน ส่วนทางนี้เธอจะจัดการเอง ใบหม่อนมองตามน้องสาวแล้วจะเดินแยกไปแต่สายตาชะงักที่บอร์ดของโรงพยาบาลเห็นภาพของตัวเองติดอยู่บนบอร์ด "นางสาวใบหม่อน กุสุมา มิได้กระทำความผิดในการขโมยของอย่างที่เข้าใจ ขอให้เจ้าหน้าที่ทุกคน รับทราบโดยทั่วกัน" มีลายเซ็นหมอวิค อยู่ใต้คำว่า ผู้ประกาศ ใบหม่อนอึ้งดีใจไม่อยากจะเชื่อ มยุราเดินถือกาแฟกำลังจะเดินผ่านไปแต่ชะงักหันกลับมามอง ดีใจที่ใบหม่อนมาเธอบอกให้กลับมาทำงานและยังให้ใบหม่อนนำกาแฟไปให้หมอวิคในห้อง ใบหม่อนเปิดประตูเข้ามาในห้อง เห็นหมอวิคนอนอยู่ที่โซฟา เธอเลยยืนมองหมอวิคอย่างชื่นชม "จะสำรวจอีกนานไหม" ใบหม่อนตกใจสะดุ้งกาแฟหลุดมือเทใส่หมอวิค หมอวิคลุกขึ้นตกใจร้อง ใบหม่อนรีบควานหากระดาษในกระเป๋า หมอวิคจะปัดมือใบหม่อน แต่ใบหม่อนตื่นตกใจพยายามจะเช็ดให้ได้ หมอวิคถอยหนีสะดุดผ้าห่มจนหงายหลังลงในท่านั่งพิงโซฟา ใบหม่อนที่ดึงเสื้อหมอวิคอยู่พลอยเสียหลักล้มทับไปบนตัว "เลิกซุ่มซ่ามสักนาทีได้ไหม" ใบหม่อนเงยหน้าขึ้นมาชนกับแก้มหมอวิค "ขอโทษ" หน้าของหมอวิคกับใบหม่อนห่างกันแค่คืบ ต่างเหมือนถูกสะกดด้วยความใกล้ชิดเป็นครั้งแรก แล้วทั้งสองก็ได้สติจากเสียงของวาสนา ประชาสัมพันธ์ที่หลงรักหมอวิคเข้ามาเห็น เธอร้องลั่นจนถูกหมอวิคตำหนิและไล่ออกไปจากห้อง วาสนารีบวิ่งออกไป หมอวิคหันมาหาใบหม่อน ใบหม่อนสะดุ้งก้มหน้า "คือ ดิฉัน ขอโทษจริงๆ ค่ะ คือ ความจริงฉันจะมาขอบคุณเรื่องจดหมายประกาศที่บอร์ดน่ะค่ะ" หมอวิคจ้องที่ชุดของใบหม่อน "ทำไมไม่ใส่ยูนิฟอร์ม" ใบหม่อนอายพยายามตั้งสติ "ฉันไม่ได้มา" "ผมย้ำแล้วใช่ไหมว่าอยู่ในโรงพยาบาลทุกอย่างต้องทำตามกฎเกณฑ์ที่เราตั้งไว้" "คือว่า" "ไปทำงานได้แล้ว ไปสิ" ใบหม่อนจำต้องเลยตามเลย "ค่ะ" หมอวิคหันหลังให้ทำเป็นแต่งตัว ใบหม่อนรีบเดินออกจากห้องไป หมอวิคหันกลับไปมองยกมือขึ้นแตะแก้มที่โดนใบหม่อนหอมอย่างไม่ได้ตั้งใจ หมอวิครู้สึกหวิวๆ แปลกๆ กับการสัมผัสหวานๆ จากใบหม่อนเป็นครั้งแรก มิกิมาดูลาดเลาว่าแผนที่เธอให้คนไปทำร้ายม่านไหมสำเร็จหรือไม่ พอเจอปูดำที่บอกว่าม่านไหมยังไม่มา แถมปูดำยังหลอกถามเรื่องของม่านไหม มิกิทำตัวเป็นพี่สาวที่ดี เป็นห่วงม่านไหมที่ทำงานที่ไหนไม่เคยเกินเดือน เพราะเป็นคนขี้เบื่อ ทำอะไรไม่ค่อยสำเร็จ ม่านไหมมาถึงก็ยืนฟังเงียบๆ ก่อนจะตบมือให้มิกิ "ช่างเป็นพี่สาวที่น่ายกย่องจริงๆ" ทั้งคู่อึ้ง มิกิหันขวับไป เจอม่านไหมข้างหลัง "ตกใจละซิ ที่ฉันยังมาที่นี่ได้ แถมแขนขายังอยู่ครบ" "ทำไมพูดอย่างงั้นละ ม่านไหม พี่เป็นห่วงเธอนะ" "ไม่ต้องมาทำหน้าไหว้หลังหลอก อย่านึกนะว่าฉันไม่รู้ว่าไอ้นักเลงที่บุกบ้านฉันเมื่อคืน ฝีมือใคร" "เธอพูดเรื่องอะไร ฉันไม่เห็นเข้าใจ" "จะจองล้างจองผลาญกันไปถึงไหน รู้มั้ยว่ามีคนต้องมารับเคราะห์เพราะความใจดำของเธอ ถ้าเค้าเป็นอะไรขึ้นมาเธอต้องรับผิดชอบ" มิกิเห็นท่าม่านไหมเริ่มเอาจริงก็คิดถอย "ฉันไม่รู้เรื่องที่เธอพูดสักนิด" มิกิเดินหนีเอาตัวรอดทันที ม่านไหมตามไปเอาเรื่อง แต่มิกิแกล้งทำเป็นล้มลงร้องเหมือนถูกม่านไหมทำร้าย ปูดำกับฉาดฉานวิ่งมาดูก็เข้าใจเช่นนั้น ฉาดฉานที่เดินเข้ามารีบวิ่งเข้าไปล็อกตัวม่านไหมไว้ ปูดำเข้าประคองมิกิ "ไหม ถ้าเธอไม่พอใจพี่เรื่องเก่าๆ พูดกันดีๆ ก็ได้ แต่ทำไมต้องทำขนาดนี้ พี่หวังดีกับเธอมาตลอดนะ" "โกหก เธอก็ได้แต่ทำตัวเป็นหมาลอบกัดเท่านั้นแหละ" ฉาดฉานมองหน้าม่านไหม ประมาณแรงจัง ปูดำยิ่งชังม่านไหมไปกันใหญ่ "ก้าวร้าว ไม่มีมารยาท เธอทำอย่างงี้กับเพื่อเจ้านายได้ยังไง นึกว่าใหญ่มาจากไหน" ม่านไหมโกรธไม่ฟังอะไรทั้งสิ้น "เรื่องนี้เธอไม่เกี่ยว" มิกิยิ่งร้องท่าทางหวาดกลัว "ช่วยมิกิด้วยค่ะ มิกิไม่อยากโดนทำร้ายอีก" ปูดำรีบประคองมิกิออกไปทางลานจอดรถด้านหลัง ม่านไหมได้แต่ดิ้นรนแต่ฉาดฉานไม่ยอมปล่อยง่ายๆ ม่านไหมศอกใส่ฉาดฉาน ตัวงอลงไป พนักงานมามองกันใหญ่ ม่านไหมได้สติ เข้าไปประคองฉาดฉาน "ขอโทษที" "เจ็บด้วยศอกคุณให้ช้ำในตายผมก็ยอม" ม่านไหมทำหน้าเซ็งใส่หมดอารมณ์ "ฝากบอกคุณศรีด้วยว่าวันนี้ ฉันขอลาหนึ่งวัน" ม่านไหมขัดใจเดินออกทางด้านหน้า ฉาดฉานกับคนอื่นมองตามกันอย่างแหยงๆ "เผ็ด สวย ดุ ครบสูตรจริงๆ" จบตอน 2
logoline
แท็กที่เกี่ยวข้อง

ข่าวที่น่าสนใจ