เกาะติดข่าวสาร >> คมชัดลึก ออนไลน์
คม ความ คิด / ฉ 10 ธ.ค.
นิกร จันพรม
หัวเรื่อง - เร่งจัดการ "หมอถ้ำมอง" ทีเถิด
-------------------
เรื่องอื้อฉาว คุณหมอชาย แอบตั้งกล้องถ่ายใต้กระโปรงคุณหมอสาวที่โรงพยาบาลแห่งหนึ่งใน จ.ชัยภูมิ นับถึงวันนี้ เป็นวันที่สิบสี่ แต่ดูเหมือนการแก้ปัญหาทั้งท่าทีของนายชูรัตน์ คูสกุลรัตน์ สาธารณสุขจังหวัด และนายถาวร พรหมมีชัย ผู้ว่าฯ ชัยภูมิ ดูจะไม่ค่อยกระตือรือร้นในการจัดการปัญหา โดยยังโยนให้เป็นเรื่องของตำรวจ
คุณหมอสาววัย 25 ปี เพิ่งจบใหม่ๆ ยังมีไฟทำงานในชนบท เมื่อมาเจอเรื่องแบบนี้ย่อมเกิดอาการทั้งท้อ ทั้งอาย แม้ว่าหลักฐานที่ตำรวจไปตรวจยึดเครื่องคอมพิวเตอร์ในห้องผู้ต้องสงสัยแล้วไปเจอกับภาพใต้กระโปรงที่ผู้เสียหายยืนยันว่านั่นใช่ภาพตัวเองก็ตามเถอะ แต่การตรวจสถานที่เกิดเหตุของตำรวจ ก็เกิดหลังจากที่มีการแจ้งความแล้วถึง 5 วัน คือผู้เสียหายเข้าแจ้งความวันที่ 28 พฤศจิกายน และตำรวจเข้าไปตรวจที่เกิดเหตุวันที่ 3 ธันวาคม
นี่ถ้ามือดีรายนี้เชี่ยวชาญเรื่องคอมพิวเตอร์มากกว่านี้ คดีฉาวโฉ่ก็คงจบโดยที่ไม่มีใครผิด แต่ผู้ที่น่าสงสารที่สุดก็คงเป็นหมอสาวที่เพิ่งจบใหม่ๆ และมีไฟทำงานในชนบทต้องมาเจอเรื่องภัยใกล้ตัวและไม่มีแม้กระทั่งโอกาสในการปกป้องตัวเอง รวมถึงการทวงความยุติธรรมให้แก่เหยื่อคนอื่นๆ ที่อาจเคยโดนเรื่องทำนองนี้มาแล้วยังทำไม่ได้
สาธารณสุขจังหวัดในฐานะผู้บังคับบัญชาโดยตรงของหมอผู้ตกเป็นผู้ต้องสงสัย ก็ทำได้เพียงตั้งกรรมการสอบ และรายงานไปยังผู้ว่าฯ ขณะที่ผู้ว่าฯ ก็ยังสงวนท่าที โดยยังย้ำเรื่องความอ่อนไหวต่อเหตุการณ์ที่ผู้ต้องสงสัยเป็นแพทย์ และก็มีคำถามตามมาว่า ระหว่างแพทย์ที่เริ่มมีหลักฐานว่าไปตั้งกล้องใต้โต๊ะทำงานแอบถ่ายใต้กระโปรงแพทย์ด้วยกันนั้น มาตรฐานในการดำเนินการกับคนผิด คนถูก จะทำกันอย่างไร
หรือว่าคุ้นเคยกับการแก้ปัญหาแบบ "จบๆ กันไป" ดูเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น ทั้งที่ในโรงพยาบาลมีหมอ 3 คน 2 คนเป็นผู้หญิง 1 คนเป็นผู้ชาย คนที่น่าเห็นใจที่สุดนอกจากหมอสาวแล้วยังมีชาวบ้านที่ต้องใช้บริการของโรงพยาบาล
อย่างน้อยในช่วงกำลังสอบสวนหาหลักฐานเอาผิดก็น่าจะทำให้ทุกอย่างโปร่งใสด้วยการย้ายผู้ต้องสงสัยออกจากพื้นที่ไปก่อน เพื่อความเป็นธรรมแก่ทุกฝ่าย
ถ้าคิดว่าจะซื้อเวลา ให้เรื่องเงียบๆ ไป ทั้งที่พอมีหลักฐานมัดตัวผู้ต้องสงสัย คนที่ต้องรับผิดชอบคนแรกก็คงไม่พ้นนายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดชัยภูมิในฐานะผู้บังคับบัญชา ที่ไม่กล้ารื้อขยะใต้พรม สุดท้ายก็จะเป็นตราบาปกับหมอสาวที่ทนไม่ได้ต้องขอย้ายตัวเองหนีระบบฟอนเฟะ...
แล้วใคร คนไหนจะกล้าย้ายมาทำงานที่นี่อีก
ข่าวที่เกี่ยวข้อง