ข่าว

พรมแดนของโลกมายา / 12 ธ.ค. (ช่วยเสิร์ชรูปหนังในอินเตอร์เน็ตด้วยนะ)

เกาะติดข่าวสาร >> คมชัดลึก ออนไลน์
logoline

พรมแดนของโลกมายา / 12 ธ.ค. (ช่วยเสิร์ชรูปหนังในอินเตอร์เน็ตด้วยนะ) เอ็มไพร์ ออฟ เดอะ ซัน ผมตัดสินใจซื้อหนังเรื่องนี้โดยไม่รู้ข้อมูลมาก่อนว่า เรื่องมันจะออกมาเป็นอย่างไร เก่าใหม่แค่ไหน เห็นแต่ชื่อ สตีเว่น สปิลเบิร์ก อย่างน้อยลองเสี่ยงดูคงไม่เสียหลาย ครับหนังเรื่องนี้พยายามตั้งคำถามกับสงคราม หรือถ้าผู้รู้บางท่านที่ได้ติดตามงานของสปิลเบิร์กอย่างเกาะติด คงมีข้อกังขาบางประการว่า เขาคงมีปัญหาทางจิตวิทยากับสงคราม หรือยิ่งกว่านั้นเขาอาจมีบาดแผลในใจเกี่ยวกับค่ายกักกันเชลยศึกในสงคราม เรื่องราวชีวิตของเด็กชายเจมส์จากครอบครัวชาวอังกฤษ ผู้อาศัยอยู่ในเขตเช่าเมืองเซี่ยงไฮ้ ประเทศจีน ช่วงเวลาที่กองทัพญี่ปุ่นรุดเข้ายึดครองประเทศจีน ในช่วงปลายของสงครามโลกครั้งที่ 2 เขาเกิดในครอบครัวที่เพียบพร้อมมีอันจะกิน วันๆ ชอบเล่นเครื่องบินเด็กเล่น เขามองตามขึ้นไปบนท้องฟ้าแล้วถามพ่อว่า ถ้าพระเจ้าอยู่บนนั้น เราจะบินไปเจอไหม เหมือนอยากบอกเป็นนัยว่า เขาไม่เชื่อพระเจ้า วันหนึ่งกองทัพญี่ปุ่นก็บุกเข้ายึดครองประเทศจีน คนตะวันตกแม้จะยากดีมีจนอย่างไรต่างก็ต้องทนรับผลกรรมครั้งนี้ด้วย เจมส์พลัดหลงจากพ่อแม่ระหว่างที่ผู้คนเบียดเสียดหนีเอาชีวิตรอด หนีกลับบ้าน บ้านก็ถูกยึด รอแม่จนอาหารหมดตู้เย็น ขี่จักรยานออกถนนเจอทหารญี่ปุ่นเจอรถถัง เขายกมือยอมแพ้ จนพลัดตกไปอยู่กับแก๊งของเบซี่คนอเมริกัน สุดท้ายก็ถูกทหารญี่ปุ่นจับตัวเข้าค่ายเชลย และถูกส่งไปที่เมืองซูโจว เชลยศึกที่นั่นถูกบังคับใช้แรงงานด้วย แต่เจมส์ก็ยังชอบเล่นเครื่องบินร่อนเช่นเคย เขาเดินเข้าไปในสนามบินลูบคลำเครื่องบิน ตะเบ๊ะทหารนักบินญี่ปุ่นเหมือนไม่ใช่ศัตรู เขาวิ่งร่อนเครื่องบินของเล่นของเขาไต่ตามเครื่องบินรบที่กำลังร่อนขึ้นจากรันเวย์ ขณะที่อีกฝั่งรั้วลวดหนาม เด็กชาวญี่ปุ่นวัยไล่เลี่ยกันกำลังเล่นอย่างมีความสุขเหมือนกับเขา เด็กชายเจมส์สามารถปรับตัวและเอาตัวรอดได้ในค่ายกักกัน และมีความสัมพันธ์อันดีกับแก๊งของเบซี่ มีเวลาพักเขาหยิบภาพเครื่องบินมาดูอย่างหมกมุ่น คืนหนึ่งทหารอเมริกันทิ้งระเบิดใส่ท่าเรือเซี่ยงไฮ้ จนทหารญี่ปุ่นต้องระบายความแค้น เจมส์ใช้สัญชาตญาณเอาตัวรอดช่วยชีวิตหมอไว้ได้ หมอให้รองเท้าเขาตอบแทน รองเท้าคู่นี้ได้กลายเป็นร่องรอยหลักฐานในคราวที่เขาลองหนีลอดรั้วลวดหนาม และเด็กชายญี่ปุ่นคนนั้นช่วยชีวิตเขาเอาไว้ เขาได้รับการยอมรับจากผู้ใหญ่ในค่าย โดยเฉพาะอย่างยิ่งเบซี่ลูกพี่ใหญ่ ขณะเดียวกับเด็กหนุ่มญี่ปุ่นกำลังถูกฝึกหัดบิน วันหนึ่งเบซี่ถูกค้นห้อง ถูกซ้อมจนฟันหัก เขาคิดหลบหนีไปทางเรือ เขาสั่งเสียว่าต้องหาทางเอาตัวรอด สงครามมีแต่การทำลาย เจมส์หิ้วกระเป๋าเดินทางมาที่รั้วลวดหนาม เพื่อนญี่ปุ่นของเขาได้เป็นทหารแล้ว เจมส์ร้องเพลงให้เขาเพื่อแสดงความเคารพ ฝูงบินของทัพพันธมิตรบุกโจมตีค่าย เห็นได้ชัดว่าเจมส์แสดงความคลั่งไคล้เครื่องบินเอามากๆ จนหมอขึ้นไปเอาตัวเขาลงมาจากดาดฟ้า พวกเชลยพากันอพยพออกจากค่าย เจมส์เดินมาถึงแม่น้ำโยนกระเป๋าของเขาลงไป จนเดินมาถึงสถานที่เก็บทรัพย์สมบัติที่ทหารญี่ปุ่นยึดมารวมกองไว้ เขาบอกให้คุณนายวิคเตอร์แกล้งนอนตาย จนรุ่งเช้าข่าวออกมาว่าญี่ปุ่นยอมแพ้แล้วจากระเบิดปรมาณูที่เมืองนางาซากิ ทหารหนุ่มญี่ปุ่นคนนั้นยืนถือดาบประจันหน้ากับเจมส์ แต่พอดีพวกเบซี่มาเจอเข้าจึงยิงตาย ที่จริงแล้ว เขากำลังปอกมะม่วง เขาพยายามปั๊มหัวใจเพื่อน แล้วพูดว่าผมช่วยทุกคนกลับมาได้ เมื่อสงครามสงบลง เขาได้เจอทหารอเมริกัน เจมส์ยังพูดว่า
logoline
แท็กที่เกี่ยวข้อง

ข่าวที่น่าสนใจ