เกาะติดข่าวสาร >> คมชัดลึก ออนไลน์
เสื้อแดง/อี 2 (ตอน 2)
พันธมิตรโต้ สมช.ก๊อบปี้ข้อมูลไปเอง
นายสุริยะใส กตะศิลา ผู้ประสานงานพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย กล่าวถึงกรณีที่รัฐบาลระบุว่า ข้อมูลความมั่นคง และฮาร์ดดิสก์บางส่วนของสมาคมความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) หายไปว่า เรื่องนี้อย่าซัดทอดพันธมิตร เพราะในช่วงชุมนุมที่ทำเนียบมีเจ้าหน้าที่จากหลายหน่วยงานมายื่นขอข้อมูล และเอกสารสำคัญๆ เป็นระยะๆ ทางเราก็อนุญาตให้นำออกไป และมีการลงนามบันทึกไว้ทุกครั้ง
"แต่มีครั้งหนึ่งมีเจ้าหน้าที่ สมช. 5 คน แอบลักลอบเข้ามาในตึก สมช.ด้วยวิธีสแกนลายนิ้วมือ แล้วใช้แฮนดี้ไดรฟ์ก๊อบปี้ข้อมูลไป ซึ่งการ์ดพันธมิตรนำตัวมาสอบสวน ทั้ง 5 คนรับสารภาพ และบันทึกหลักฐานไว้เรียบร้อยแล้ว และที่ผ่านมาก็มีการนำตัวคนที่แปลกปลอมและมิจฉาชีพส่งให้แก่ สน.นางเลิ้ง ทุกครั้งที่จับตัวได้ หากเจ้าหน้าที่จะขอหลักฐานที่เกี่ยวข้อง เรายินดีให้ความร่วมมือ" นายสุริยะใสกล่าว
ส่วนกรณี พล.ต.อ.จงรัก จุฑานนท์ รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (รอง ผบ.ตร.) ระบุว่า จะให้ คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.) มาตรวจสอบแหล่งเงินสนับสนุนการชุมนุมของพันธมิตรนั้น นายสุริยะใสกล่าวว่า เป็นการจ้องทำลายความชอบธรรมของพันธมิตร เพราะการบริจาคให้แก่การเคลื่อนไหวของพันธมิตร แทบทั้งหมดเป็นรายเล็กรายน้อยไม่ใช่ 10 ล้าน 100 ล้าน และมีการเปิดเผยชื่อผู้บริจาคบนเวทีทุกครั้งเพื่อความสุจริตใจ และไม่เข้าข่ายฐานความผิดตามกฎหมาย ปปง.
"พล.ต.อ.จงรัก ควรเอาใจใส่ต่อ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร และคุณหญิงพจมาน ดามาพงศ์ ที่รัฐบาลอังกฤษอายัดทรัพย์สินกว่า 4,000 ล้านดอลลาร์ และเม็ดเงินจำนวนมากที่เอามาซื้อตัว ส.ส.เพื่อเป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาลในขณะนี้น่าจะดีกว่า" นายสุริยะใสกล่าว
นายสุริยะใสกล่าวอีกว่า อยากเตือนตำรวจที่ยังฝักใฝ่ระบอบทักษิณจนเพลินอยู่ในขณะนี้ว่าถ้ายังพยายามปั้นข้อหาเท็จจะถูกฟ้องกลับแน่นอน และควรนึกถึงบทเรียนกรณีการตั้งข้อหากบฏต่อแกนนำพันธมิตร ซึ่งในที่สุดศาลอุทธรณ์ก็มีคำสั่งเพิกถอนข้อกล่าวหา
ปปง.ปัดยึดทรัพย์พันธมิตร
แหล่งข่าวระดับสูงใน ปปง.กล่าวถึงกรณีที่ตำรวจเตรียมส่งเรื่องให้ตรวจสอบเส้นทางการเงิน และยึดทรัพย์บริษัทที่สนับสนุนพันธมิตรว่า เรื่องนี้เป็นการมุ่งหวังเพื่อทำลายกันทางการเมือง โดยใช้ ปปง. เป็นเครื่องมือในการดำเนินคดีกับฝ่ายตรงข้าม อย่างไรก็ตาม ปปง.เป็นองค์กรที่ทำงานโดยยึดหลักข้อกฎหมายเป็นสำคัญ หากเรื่องใดเข้าข่ายองค์ประกอบความผิดก็จะดำเนินการให้ แต่หากไม่เข้าองค์ประกอบก็จะไม่รับดำเนินการ ส่วนจะให้ไปตรวจสอบทรัพย์สินของใครเพื่อหวังผลทางการเมืองนั้น ปปง.ก็จะไม่รับดำเนินการ
แหล่งข่าวคนเดิมกล่าวอีกว่า ข้อหาก่อการร้ายถือเป็นข้อกล่าวหาที่ร้ายแรงมาก อีกทั้งการชุมนุมของกลุ่มพันธมิตรในช่วงที่ผ่านมาก็น่าจะไม่เข้าองค์ประกอบความผิด เพราะกฎหมายให้พิจารณาถึงเรื่องเจตนาเป็นสำคัญ
นายทองใบ ทองเปาด์ อดีต ส.ว.มหาสารคาม และทนายความรางวัลแมกไซไซ กล่าวถึงกรณีที่พันธมิตรถูกข้อกล่าวหาก่อการร้ายว่า ในข้อเท็จจริงเบื้องต้นตามกฎหมายอาญา มาตรา 135/1 ถึง 135/4 ได้ระบุไว้อย่างกว้างๆ ไม่ใช่ว่ากล่าวหาอะไรกับใคร คนนั้นต้องผิด ส่วนการที่ตำรวจจะส่งเรื่องให้ ปปง.ตรวจสอบเส้นทางเงินที่มีบริษัทห้างร้านต่างๆ สนับสนุนพันธมิตรนั้น ตนมองว่าตำรวจคงทำตามที่มีผู้มาแจ้งความร้องทุกข์ และต้องสอบสวนต่อสู้คดีกันด้วยพยานหลักฐาน ซึ่งสุดท้ายก็จะต้องให้ศาลเป็นผู้ตัดสิน
ตรวจทำเนียบ ของหายอีก 4 แสน
ส่วนการตรวจสอบทำเนียบรัฐบาล เมื่อเวลา 10.00 น. วันเดียวกัน เจ้าหน้าที่กองพิสูจน์หลักฐาน สำนักงานนิติวิทยาศาสตร์ ได้เข้าสำรวจความเสียหายภายในสำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี
เจ้าหน้าที่ตรวจพบร่องรอยการงัดฝ้าเพดาน และรื้อค้นสิ่งของตามลิ้นชักต่างๆ โดยเฉพาะห้องของนายเยี่ยมศักดิ์ คุ้มอินทร์ ผอ.ส่วนงานวินิจฉัยอุทธรณ์ สำนักงานคณะกรรมการข้อมูลข่าวสารของราชการ ที่อยู่บริเวณชั้น 2 มีทรัพย์สินสูญหายไปกว่า 4 แสนบาท ได้แก่ พระเครื่อง สร้อยคอทองคำ แหวนเพชร และทองคำแท่ง ขณะที่ห้องของรองปลัดสำนักนายกฯ อีก 2 ห้อง ก็มีร่องรอยงัดฝ้าเพดาน แต่เจ้าหน้าที่ยังไม่สามารถเข้าไปตรวจสอบความเสียหายภายในได้ โดยเจ้าหน้าที่ได้ตรวจเก็บลายนิ้วมือแฝงไว้เพื่อเป็นหลักฐาน
ต่อมาเวลา 11.00 น. เจ้าหน้าที่ตรวจพบประทัดยักษ์ 2 ลูก ซึ่งมีการนำก้อนหินมาผูกติดไว้เป็นสะเก็ดระเบิดซุกซ่อนในลิ้นชักโต๊ะทำงานของข้าราชการประจำสำนักนายกฯ ชั้น 1 ตึกบัญชาการ 2 และที่หลังเวทีภายในตึกสันติไมตรี ก็พบระเบิดปิงปองอีกจำนวนหนึ่ง
คาดใช้งบปรับปรุงกว่า 100 ล.
นายนที เปรมรัศมี ปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ในการประชุมคณะรัฐมนตรี วันที่ 9 ธันวาคม ได้เตรียมเอกสารหลักฐานสรุปความเสียหายในทำเนียบรัฐบาลเสนอต่อ ครม.ให้ทราบเพื่อพิจารณาดำเนินการ พร้อมเสนอของบประมาณในการปรับปรุงโดยจะเปิดซองประมูลว่าจ้างบริษัทเอกชนเข้าซ่อมแซม ส่วนเรื่องคดีความนั้น ก่อนหน้านี้ได้แจ้งความดำเนินคดีกับกลุ่มพันธมิตรในข้อหาบุกรุกสถานที่ราชการ และคาดว่าจะมีเจ้าหน้าที่ไปแจ้งความเพิ่มอีก เนื่องจากข้าวของเครื่องใช้ส่วนตัวของเจ้าหน้าที่หายเป็นจำนวนมาก
ปลัดสำนักนายกรัฐมนตรีระบุว่า จากการตรวจสอบภายในอาคารสำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี ร่วมกับตำรวจสันติบาล พบว่าความเสียหายเบื้องต้น จะต้องใช้งบ 25 ล้านบาทในการปูหญ้าใหม่ หากรวมระบบสาธารณูปโภค ประปา ไฟฟ้า ต้องใช้งบไม่ต่ำกว่า 100 ล้านบาท
ครม.มีมติยกเลิก พ.ร.ก.ฉุกเฉิน
วันเดียวกัน นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ รักษาการโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี แถลงข่าวภายหลังการประชุม ครม.รักษาการ ว่าที่ประชุม ครม. มีมติให้ยกเลิกการประกาศใช้ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน ในพื้นที่ดอนเมือง กรุงเทพฯ และลาดกระบัง บางพลี บางเสาธง จ.สมุทรปราการ เนื่องจากเห็นว่ากลุ่มพันธมิตรได้ถอนการชุมนุมออกจากพื้นที่แล้ว จึงไม่เป็นประโยชน์ใดๆ ที่จะประกาศใช้ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน ต่อไป
นายณัฐวุฒิกล่าวอีกว่า ที่ประชุม ครม. ยังไม่มีการหารือเรื่องยุบสภา แต่ได้รับทราบความเสียหายกรณีที่พันธมิตรบุกยึดทำเนียบรัฐบาล และสนามบินสุวรรณภูมิ โดยให้แต่ละหน่วยงานไปรวบรวมรายละเอียดเสนอ ครม.ครั้งต่อไป เพื่อประเมินความเสียหาย นอกจากนี้ ยังมอบให้ส่วนราชการดำเนินคดีทั้งทางแพ่งและอาญา โดยให้หารือกับพนักงานสอบสวน และสำนักงานอัยการสูงสุด ในการยื่นฟ้อง
เท 1,900 ล. เยียวยาเหยื่อปิดสนามบิน
น.ส.ศุภรัตน์ นาคบุญนำ รักษาการรองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี แถลงภายหลังการประชุม ครม.ว่าที่ประชุม ครม.รักษาการมีมติเห็นชอบกรอบ และหลักเกณฑ์การดำเนินการเยียวยากรณีที่สนามบินสุวรรณภูมิไม่สามารถให้บริการผู้โดยสารต่างชาติที่ไม่สามารถเดินทางกลับประเทศ และคนไทยในต่างประเทศที่ไม่สามารถกลับประเทศได้ โดยจะให้ความช่วยเหลือค่าที่พัก และอาหารในวงเงินคนละไม่เกิน 2,000 บาทต่อวัน โดยคาดว่าจะใช้งบประมาณ 1,900 ล้านบาท โดยให้ความช่วยเหลือตั้งแต่วันที่ 25 พฤศจิกายน-9 ธันวาคม อย่างไรก็ตาม หลักเกณฑ์การให้ความช่วยเหลือคนไทยในต่างประเทศจะไม่บังคับกับเจ้าหน้าที่ของรัฐสังกัดในส่วนราชการ และรัฐวิสาหกิจที่เดินทางไปต่างประเทศชั่วคราว รวมถึงเจ้าหน้าบริษัทที่เดินทางไปปฏิบัติหน้าที่ตามคำสั่ง
ข่าวที่เกี่ยวข้อง