ดูดวงประจำวัน

ตะลุยข่าว : ความผิดพันธมิตร (เฉพาะอี 5)

เกาะติดข่าวสาร >> คมชัดลึก ออนไลน์
logoline

ตะลุยข่าว : ความผิดพันธมิตร (เฉพาะอี 5) มองผ่านประมวล ก.ม. พธม.ผิดก่อการร้ายจริงหรือ ? ถึงแม้ว่าการชุมนุมปิดสนามบินสุวรรณภูมิและสนามบินดอนเมืองจะยุติลงไปแล้ว สิ่งที่เข้ามาแทนที่คือการเยียวยาและเรียกค่าเสียหาย โดย "เสรีรัตน์ ประสุตานนท์" ผู้อำนวยการท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ได้ร้องทุกข์ต่อพนักงานสอบสวนให้ดำเนินคดีต่อพันธมิตร ฐานบุกรุกและทำให้เสียทรัพย์ ขณะที่ นพ.เหวง โตจิราการ นพ.สันต์ หัตถีรัตน์ และประทีป อึ้งทรงธรรม ฮาตะ ร้องทุกข์ให้ดำเนินคดีในข้อหาก่อการร้าย ในฐานะหัวหน้าพนักงานสอบสวน พล.ต.อ.จงรัก จุฑานนท์ รอง ผบ.ตร. ได้เรียกนายตำรวจที่เกี่ยวข้องประชุมหารือเกี่ยวกับการดำเนินการตามขั้นตอนกฎหมาย ซึ่งยังไม่ได้ข้อสรุปโดยเฉพาะในข้อหาก่อการร้าย "คม ชัด ลึก" ได้พูดคุยกับอัยการผู้เชี่ยวชาญด้านกฎหมาย วิเคราะห์ถึงข้อกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับการกระทำของพันธมิตร ซึ่งเป็นแนวทางเดียวกับที่พนักงานสอบสวนกำลังหารือ ได้ความว่า การปิดสนามบินทั้งสองแห่งเข้าประมวลกฎหมายอาญา ภาค 2 ลักษณะที่ 1 ความผิดเกี่ยวกับความมั่นคงแห่งราชอาณาจักร หมวด 2 ความผิดต่อความมั่นคงของรัฐภายในราชอาณาจักร มาตรา 113 ได้บัญญัติเอาไว้ว่า ผู้ใดกำลังประทุษร้ายหรือขู่เข็นว่าจะใช้กำลังประทุษร้ายเพื่อล้มล้างหรือเปลี่ยนแปลงรัฐธรรมนูญ ล้มล้างอำนาจนิติบัญญัติ อำนาจบริหาร หรืออำนาจแห่งรัฐธรรมนูญ หรือให้ใช้อำนาจดังกล่าวแล้วไม่ได้ หรือแบ่งแยกราชอาณาจักร หรือยึดอำนาจปกครองส่วนหนึ่งส่วนใดในราชอาณาจักร ผู้นั้นกระทำความผิดฐานกบฏ ต้องระวางโทษประหารชีวิตหรือจำคุกตลอดชีวิต มาตรา 114 ผู้ใดสะสมกำลังพลหรืออาวุธตระเตรียมการอื่นใด หรือสมคบกันเพื่อเป็นกบฏ หรือกระทำความผิดใดๆ อันเป็นส่วนของแผนการเพื่อเป็นกบฏ หรือยุยงราษฎรให้เป็นกบฏ หรือรู้ว่ามีผู้จะเป็นกบฏแล้วกระทำการอันใดเป็นการช่วยปกปิดไว้ ต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่ 3-15 ปี แต่ทั้งสองมาตรานี้พนักงานสอบสวนเคยนำมาจัดการกับ 9 แกนนำพันธมิตรมาแล้วครั้งหนึ่ง ทว่าศาลได้พิจารณาถอนข้อกล่าวหาข้างต้น เนื่องจากว่าไม่เข้าพฤติการณ์แห่งคดี สำหรับที่ นพ.เหวง กับพวกแจ้งดำเนินคดีต่อพันธมิตรในข้อหาก่อการร้ายนั้น เป็นไปตามประมวลกฎหมายอาญา หมวด 4 ความผิดต่อสัมพันธไมตรีกับต่างประเทศ ลักษณะ 1/1 ความผิดเกี่ยวกับการก่อการร้าย มาตรา 135/1 บัญญัติโดยสรุปไว้ว่า การกระทำการใดอันก่อให้เกิดความเสียหายร้ายแรงแก่ระบบการขนส่งสาธารณะ ระบบโทรคมนาคม หรือโครงสร้างพื้นฐานอันเป็นประโยชน์ต่อสาธารณะ การกระทำใดอันก่อให้เกิดความเสียหายแก่ทรัพย์สินของรัฐหนึ่งรัฐใด หรือของบุคคลใด หรือต่อสิ่งแวดล้อม อันก่อให้เกิดหรือน่าจะก่อให้เกิดความเสียหายทางเศรษฐกิจอย่างสำคัญ ถ้าการกระทำนั้นได้กระทำโดยมีความมุ่งหมาย เพื่อขู่เข็นหรือบังคับรัฐบาลไทย รัฐบาลต่างประเทศ หรือองค์การระหว่างประเทศ ให้กระทำหรือไม่กระทำการใดอันจะก่อให้เกิดความเสียหายอย่างร้ายแรง หรือเพื่อสร้างความปั่นป่วนโดยให้เกิดความหวาดกลัวในหมู่ประชาชนผู้นั้นกระทำความผิดก่อการร้าย ต้องระวางโทษประหารชีวิต จำคุกตลอดชีวิต หรือจำคุกตั้งแต่ 3 ปี ถึง 20 ปี และปรับตั้งแต่ 60,000-1,000,000 บาท มาตรา 135/2 บัญญัติใจความสำคัญไว้ว่า ขู่เข็นว่าจะกระทำการก่อการร้าย โดยมีพฤติการณ์อันควรเชื่อว่าบุคคลนั้นจะกระทำการตามขู่เข็นจริง หรือสะสมกำลังพล หรืออาวุธ จัดหา หรือรวบรวมทรัพย์สิน ให้หรือรับการฝึกการก่อการร้าย ตระเตรียมการอื่นใด หรือสมคบกันเพื่อก่อการร้าย หรือกระทำความผิดใดๆ อันเป็นส่วนของแผนการเพื่อการก่อการร้าย หรือยุยงให้ประชาชนเข้ามามีส่วนกับการก่อการร้าย หรือรู้ว่ามีผู้จะก่อการร้ายแล้วกระทำการใดอันเป็นการช่วยปกปิดไว้ ผู้นั้นต้องระวางจำคุกตั้งแต่ 2-10 ปี และปรับตั้งแต่ 40,000-200,000 บาท มาตรา 135/3 ผู้ใดเป็นผู้สนับสนุนให้กระทำความผิดตามมาตรา 135/1 หรือมาตรา 135/2 ต้องระวางโทษเดียวกับตัวการในการกระทำผิดนั้นๆ อัยการคนเดิมให้ความเห็นว่า กฎหมายอาญาจะดูที่เจตนาเป็นสำคัญ แต่บางประมวลกฎหมายอาจจะต้องดูทั้งเจตนาและเจตนาพิเศษ กรณีพันธมิตรปิดสนามบินหากพนักงานสอบสวนจะตั้งข้อหาก่อการร้าย จะต้องดูพยานหลักฐาน พยานแวดล้อม พฤติการณ์แห่งคดีว่าเป็นอย่างไร ส่วนตัวมองแยกออกเป็น 2 ประเด็น คือ ประเด็นแรกการกระทำของพันธมิตรไม่ว่าจะเป็นการเดินขบวน ชุมนุม ประท้วง โต้แย้ง หรือเคลื่อนไหวเพื่อเรียกร้องให้รัฐช่วยเหลือ หรือให้ได้รับความเป็นธรรม อันเป็นการใช้เสรีภาพตามรัฐธรรมนูญ ไม่เป็นการกระทำความผิดฐานก่อการร้าย แต่กฎหมายรัฐธรรมนูญซึ่งเป็นกฎหมายสูงสุดบัญญัติไว้ว่า ต้องเป็นการชุมนุมโดยสงบ ปราศจากอาวุธ ดังนั้นหากมีพยานหลักฐานชัดเจนก็เข้าความผิดตามมาตรา 135/1 วรรคสอง เพราะผู้ชุมนุมได้สร้างความเสียหายร้ายแรงแก่ระบบขนส่งสาธารณะ และก่อให้เกิดหรือน่าจะก่อให้เกิดความเสียหายทางเศรษฐกิจอย่างสำคัญ กรณีสายการบินงดให้บริการ ส่งผลต่อระบบเศรษฐกิจและผู้โดยสารตกค้าง รวมถึงมีการสะสมกำลังพล คือ การ์ดพันธมิตร มีการใช้อาวุธ ซึ่งก็เข้าความผิดฐานก่อการร้ายเช่นกัน อัยการคนเดิมให้ความเห็นต่อว่า ถ้ามองอีกด้านหากพันธมิตรยืนยันว่าเป็นแค่การชุมนุม แต่การท่าฯ เป็นคนสั่งปิดสนามบินเอง พนักงานสอบสวนก็ต้องหาพยานหลักฐานมายืนยันว่า ช่วงเกิดเหตุมีการลุกล้ำเข้าไปข้างในหรือไม่ หากไม่ได้ลุกล้ำ แต่เจ้าของสถานที่สั่งปิดเองด้วยเกรงจะเกิดอันตรายก็ไม่เข้าความผิดก่อการร้าย สำหรับมาตรา 135/3 เกี่ยวกับผู้สนับสนุนนั้น หากพิจารณาตามข้อกฎหมายคนที่ร่วมชุมนุมทั้งหมดถือว่ามีความผิด ทั้งนี้ทั้งนั้นก็ขึ้นอยู่กับตีความและวินิจฉัยข้อกฎหมายเป็นสำคัญ ----------------- บรรยายภาพ 11851197 : พันธมิตรยึดสนามบินสุวรรณภูมิ
logoline
แท็กที่เกี่ยวข้อง

ข่าวที่น่าสนใจ