ข่าว

หน้า1 อี2/ เด็กสถานพินิจฯ โคราชก่อจลาจล

เกาะติดข่าวสาร >> คมชัดลึก ออนไลน์
logoline

หน้า1 อี2/ เด็กสถานพินิจฯ โคราชก่อจลาจล เยาวชนสถานพินิจฯ โคราชกว่า 200 ก่อจลาจลกลางดึกเผาอาคารวอด 6 หลัง ทุบกำแพงหนีเกือบครึ่งร้อย เหตุไม่พอใจ ผอ.ใหม่เข้มงวด ร้องย้ายคนเก่ากลับมา ตร.ตามรวบตัวได้ 26 รองปลัดยุติธรรมคาดเสียหายกว่า 10 ล้านบาท ..... เหตุการณ์เยาวชนร่วมกันก่อจลาจลภายในสถานพินิจครั้งนี้ เกิดขึ้นเมื่อเวลา 23.10 น. วันที่ 5 ธันวาคม พ.ต.อ.พนันชัย ชื่นใจธรรม ผู้กำกับการ (ผกก.) สภ.โพธิ์กลาง อ.เมือง จ.นครราชสีมา รับแจ้งว่า เยาวชนชายภายในศูนย์ฝึกและอบรมเด็กและเยาวชน เขต 3 นครราชสีมา หรือสถานพินิจ จ.นครราชสีมา ตั้งอยู่เลขที่ 101 ถนนคลองส่งน้ำซอยมิตรภาพ 19 ต.ในเมือง อ.เมือง จ.นครราชสีมา ก่อความวุ่นวายด้วยการทำลายสิ่งของเครื่องใช้ พร้อมทั้งจุดไฟเผาอาคารและเรือนนอนจนได้รับความเสียหาย ขณะที่เจ้าหน้าที่ดับเพลิงเทศบาลนครนครราชสีมา และเทศบาลใกล้เคียงได้เร่งฉีดสกัดเพลิงที่กำลังลุกไหม้ตัวอาคารจากบริเวณด้านนอกศูนย์ หลังรับแจ้งนำกำลังตำรวจจาก สภ.โพธิ์กลาง ตำรวจชุดปราบจลาจลตำรวจภูธรภาค 3 และเจ้าหน้าที่หน่วยกู้ภัยรวมกว่า 200 นาย เข้าตรึงพื้นที่เพื่อควบคุมสถานการณ์ไม่ให้ลุกลามบานปลาย พร้อมทั้งใช้เครื่องขยายเสียงประกาศปรามและขอเจรจากับกลุ่มเยาวชนที่เป็นแกนนำให้หยุดก่อเหตุ แต่กลุ่มเยาวชนโห่ร้องแสดงความไม่พอใจ และขว้างปาก้อนหินและสิ่งของต่างๆ ใส่เจ้าหน้าที่ จนต้องวิ่งหาที่กำบังหลบกันจ้าละหวั่น ตำรวจบางนายตัดสินใจยิงปืนขึ้นฟ้า และยิงแก๊สน้ำตา ขู่เป็นระยะๆ ยิ่งทำให้เยาวชนเดือดดาลขึ้น แล้วจุดเผาอาคารและเรือนนอนจนได้รับความเสียหายเพิ่มอีก ทั้งนี้ระหว่างเกิดเหตุเยาวชนหลายสิบคนอาศัยความชุลมุนทุบกำแพงศูนย์บริเวณข้างโรงยิมหลบหนีออกมาได้ ต่อมาเวลา 02.45 น. วันที่ 6 ธันวาคม นายธวัชชัย ไทยเขียว อธิบดีกรมพินิจและคุ้มครองเด็กและเยาวชน เดินทางจากกรุงเทพฯ มาตรวจสอบสถานการณ์ร่วมกับ พล.ต.ท.กฤษฎา พันธุ์คงชื่น ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 3 (ผบช.ภ.3) และ พล.ต.ต.ฉัตรกนก เขียวแสงส่อง ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัด (ผบก.ภ.จว.) นครราชสีมา โดย พล.ต.ท.กฤษฎา สั่งการให้ชุดปราบจลาจลของกองกำกับการปฏิบัติการพิเศษ ศูนย์สืบสวนสอบสวนตำรวจภูธรภาค 3 จัดกำลังพร้อมโล่กำบัง หมวกควบคุมฝูงชุน ไม้กระบองและแก๊สน้ำตา รวมทั้งจัดตำรวจภูธรชุดเสริมจากสถานีตำรวจภูธรอำเภอต่างๆ จำนวนกว่า 200 นาย เพื่อเตรียมเข้าไปควบคุมสถานการณ์ และกระจายกำลังรอบศูนย์ เพื่อสกัดเยาวชนไม่ให้พังประตูหลบหนี พร้อมทั้งใช้เครื่องกระจายเสียงเกลี้ยกล่อมให้เด็กและเยาวชนสงบสติอารมณ์ กระทั่งเวลา 06.00 น. พล.ต.ท.กฤษฎา สั่งการให้ตำรวจชุดปราบจลาจลและกำลังตำรวจของตำรวจภูธรภาค 3 พร้อมด้วยผู้คุมของศูนย์ บุกเข้าไปภายในศูนย์ พร้อมด้วยรถพยาบาลและรถดับเพลิง เข้าระงับเหตุ หลังจากเด็กและเยาวชนก่อการจลาจลตลอดทั้งคืน นอกจากนี้เฮลิคอปเตอร์ของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ 1 ลำ บินวนดูสถานการณ์ ขณะที่ตำรวจยิงปืนขึ้นฟ้าเพื่อขู่เด็กและเยาวชนที่กรูเข้ามาบริเวณประตูทางเข้า พร้อมยิงแก๊สน้ำตาเข้าสลาย และประกาศผ่านเครื่องขยายเสียงให้เด็กและเยาวชนทั้งหมดถอดเสื้อ แล้วไปนอนคว่ำหน้าที่สนามฟุตบอล เมื่อเด็กและเยาวชนที่ก่อเหตุเห็นท่าไม่ดี เนื่องจากเจ้าหน้าที่มีจำนวนมากและมีอาวุธครบมือจึงยอมจำนน จากการตรวจสอบทราบว่า ภายในศูนย์มีเด็กและเยาวชนอายุระหว่าง 15-21 ปี อยู่ในความดูแลจำนวน 461 คน ส่วนผู้ที่ร่วมก่อเหตุครั้งนี้มีประมาณ 250 คน หลบหนีไปได้ 42 คน ต่อมาเข้ามอบตัว 2 คน ตำรวจตามจับกุมได้ 24 คน ส่วนที่เหลือ 16 คน เจ้าหน้าที่กำลังเร่งติดตามจับกุม ส่วนความเสียหายเบื้องต้นพบว่า อาคารถูกเผาไปทั้งหมด 6 หลัง เช่น เรือนแรกรับ โรงประกอบอาหาร เรือนไม้ฝึกอาชีพ อาคารห้องสมุด และที่ทำการของเจ้าหน้าที่ศูนย์ นอกจากร่องรอยเพลิงไหม้แล้ว ทรัพย์สินหลายรายการยังโดนทำลายเสียหาย ส่วนอาคารเด็กและเยาวชนหลายจุดมีการพ่นสีสเปรย์เขียนข้อความต่อว่า นางทัศนาวิไล ไกรนรา ผู้อำนวยการศูนย์คนใหม่ ซึ่งเพิ่งย้ายมารับตำแหน่งต่อจากนายสุรกิจ อังกุรรัต เมื่อวันที่ 1 ธันวาคม ที่ผ่านมา ต่อมาตำรวจและเจ้าหน้าที่ศูนย์ได้นำตัวแกนนำและผู้ที่ร่วมก่อเหตุไปสอบปากคำ ส่วนคนที่อายุเกิน 18 ปี ได้ส่งเข้าไปควบคุมตัวที่เรือนจำกลางนครราชสีมา ทราบว่าแกนนำที่ก่อเหตุเป็นหัวโจกที่ถูกส่งตัวมาจากสระบุรี โดยสาเหตุการก่อเหตุจลาจลเนื่องจากเยาวชนไม่พอใจการเข้มงวดเรื่องระเบียบวินัยของนางทัศนาวิไล ด.ช.เอ (นามสมมติ) หนึ่งในแกนนำผู้ก่อเหตุจลาจล กล่าวว่า ที่พวกตนต้องทำเช่นนี้ เพราะทนกับความเข้มงวดกดดันเรื่องระเบียบวินัยและพฤติการณ์ของ ผอ.คนใหม่ไม่ได้ ที่ชอบใช้คำหยาบดุด่า และไม่เข้าใจเด็กและเยาวชนที่ถูกคุมขัง นอกจากนี้เจ้าหน้าที่บางคนยังใช้ความรุนแรงกับเด็ก เช่น ตบศีรษะ และเตะ เนื่องจากไม่ชอบขี้หน้าพวกตน ล่าสุดเมื่อวันพ่อแห่งชาติ 5 ธันวาคม ที่ผ่านมา นาทัศนาวิไลอนุญาตให้พ่อแม่และผู้ปกครองเข้าเยี่ยมลูกได้ครั้งละ 3 คน แต่ไม่ยอมให้นำอาหารและสิ่งของเข้าเยี่ยม "สิ่งที่พวกผมอยากเรียกร้องคือ ขอให้อธิบดีกรมพินิจและคุ้มครองเด็กและเยาวชน ย้ายนางทัศนาวิไลออกจากศูนย์ และให้ย้าย ผอ.คนเก่าที่ย้ายไปอยู่ จ.ระยอง กลับคืนมา และห้ามเจ้าหน้าที่ของศูนย์ทำร้ายร่างกายเด็กด้วยความรุนแรง" ด.ช.เอกล่าว ด้านนายธวัชชัย ไทยเขียว อธิบดีกรมพินิจฯ กล่าวถึงสาเหตุการก่อจลาจลครั้งนี้ว่า จากการสอบสวนเด็กและเยาวชนที่ตามตัวกลับมาได้ คาดว่าจะเกิดจากการที่นางทัศนาวิไลเข้มงวดเรื่องกฎระเบียบมากขึ้น เพราะต้องการให้เด็กและเยาวชนเหล่านี้อยู่ในกฎระเบียบของศูนย์ และแก้ปัญหาต่างๆ ที่เกิดขึ้นภายในศูนย์แห่งนี้ นายธวัชชัยกล่าวอีกว่า จากการตรวจสอบพบว่ามีญาติและเพื่อนๆ ของเด็กบางรายนำอาหาร เครื่องดื่มมาเยี่ยม แล้วลักลอบผสมเครื่องดื่มด้วยแอลกอฮอล์ หรือยาแก้ไอ และซุกซ่อนบุหรี่เข้าไปให้เด็กด้วย ทำให้เด็กและเยาวชนลักลอบดื่มและเสพจนมึนเมา และก่อเหตุทะเลาะวิวาทบ่อยครั้ง รวมถึงลักลอบหลบหนีออกไปจากศูนย์ แต่วิธีการของนางทัศนาวิไลอาจจะรวบรัดเร็วเกินไป จนทำให้เด็กและเยาวชนบางคนรับไม่ได้ จึงก่อเหตุดังกล่าวขึ้น อธิบดีกรมพินิจฯ กล่าวถึงการตั้งกรรมการสอบสวนข้อเท็จจริงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นว่า จะดำเนินการภายหลัง เบื้องต้นจะสำรวจความเสียหาย เพื่อดำเนินการซ่อมแซมก่อน พร้อมทั้งจะทำความเข้าใจกับเด็กและเยาวชนให้อยู่ร่วมกับเจ้าหน้าที่ได้โดยสงบ ส่วนจะพิจารณาย้ายนางทัศนาวิไลตามคำเรียกร้องของเด็กหรือไม่ ยังไม่คิดในตอนนี้ ทุกอย่างขึ้นอยู่กับข้อเท็จจริง ส่วนมาตรการป้องกันเหตุการณ์เยาวชนก่อเหตุจลาจลในศูนย์ทั่วประเทศ นายธวัชชัยกล่าวว่า กรมพินิจฯ วางระเบียบให้ผู้ปกครองต้องใกล้ชิดและดูแลบุตรหลานของตัวเองให้มากขึ้น หากเยาวชนในความดูแลของผู้ปกครองหลบหนี หรือทำความเสียหายให้แก่ศูนย์ ผู้ปกครองต้องมีส่วนรับผิดชอบที่เกิดขึ้น อีกทั้งเยาวชนที่ก่อเหตุจะต้องถูกพิจารณาเพิ่มโทษทัณฑ์ โดยขยายเวลาฝึกอบรมขึ้นอีก โดยเฉพาะเยาวชนที่อายุเกิน 18 ปี จะต้องถูกส่งไปควบคุมตัวยังเรือนจำซึ่งเป็นสถานที่ควบคุมของผู้ใหญ่ ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ก่อนหน้านี้เด็กและเยาวชนในศูนย์แห่งนี้ เคยก่อเหตุจลาจล เพราะต้องการจะดูการถ่ายทอดสดฟุตบอลโลกเมื่อ 2542 มาแล้ว และเคยหลบหนีออกมาหลายครั้ง ล่าสุดเมื่อวันที่ 27 ตุลาคม ที่ผ่านมา เด็กและเยาวชนจำนวน 24 คน แอบใช้ไม้ขุดดินทำเป็นอุโมงค์ใต้กำแพงของศูนย์มุดหลบหนีไปได้ ขณะเดียวกัน พ.ต.อ.พนันชัย กล่าวภายหลังเข้าร่วมสอบปากคำเด็กและเยาวชนที่ก่อเหตุว่า ขณะนี้ได้คัดแยกเด็กออกเป็นสองกลุ่ม คือ ผู้ที่มีพฤติกรรมไม่น่าไว้วางใจ และผู้ที่ให้ความร่วมมือกับเจ้าหน้าที่ แต่ละกลุ่มมีประมาณ 200 คน โดยตำรวจจะทำเรื่องขอส่งตัวไปฝากขังที่เรือนจำกลางนครราชสีมา ส่วนผู้ที่ให้ความร่วมมือได้คัดแยกออกทันที "ในส่วนของความผิด เราก็จะสอบทีละคนว่าใครบ้างที่เป็นพวกประกอบเหตุ เพื่อจะได้แจ้งข้อหาวางเพลิง และข้อหาทำลายทรัพย์สินทางราชการ เบื้องต้นมีอาคาร 2 หลัง ถูกเพลิงเผาวอดไม่สามารถใช้การได้อีกต่อไป ส่วนอีก 3 หลัง เสียหายเล็กน้อย รวมทั้งเครื่องเรือน เครื่องใช้สำนักงาน เช่น โต๊ะนั่ง เครื่องคอมพิวเตอร์ อย่างไรก็ตาม สาเห และตัวผู้ประกอบเหตุเราดำเนินการตามกฎหมายแน่นอน แต่ต้องรอผลสอบก่อน" พ.ต.อ.พนันชัยกล่าว ล่าสุดเวลา 14.30 น. นางชูจิรา กรองแก้ว รองปลัดกระทรวงยุติธรรม และคณะ ได้เดินทางมาตรวจสอบความเสียหายภายในศูนย์ พบว่าเบื้องต้นความเสียหายประมาณ 10 ล้านบาท
logoline
แท็กที่เกี่ยวข้อง

ข่าวที่น่าสนใจ