Lifestyle

ห่มหมอก กอดหนาว ดูดาวบนภู

เกาะติดข่าวสาร >> คมชัดลึก ออนไลน์
logoline

เรื่องและภาพ : ตามตะวัน

แทบจะเป็นธรรมเนียมของการท่องเที่ยวไปแล้ว ที่เมื่อลมหนาวพัดผ่านมา ผู้คนก็มักจะพากันหลั่งไหลขึ้นเหนือไปหาชมทะเลหมอกตามจังหวัดต่างๆ

แต่รู้หรือไม่ว่า แค่จังหวัดทางภาคเหนือตอนล่างภาคกลางตอนบนอย่าง พิษณุโลก ก็มีทะเลหมอกให้ยลโฉมเช่นกัน โดยเฉพาะที่ สวนพฤกษศาสตร์บ้านร่มเกล้า พิษณุโลก ในพระราชดำริ ที่ตั้งอยู่ในเขตตำบลบ่อภาค อำเภอชาติตระการ จังหวัดพิษณุโลก

สวนพฤกษศาสตร์บ้านร่มเกล้าฯ อยู่สูงจากระดับน้ำทะเลปานกลางราว 750-1,280 เมตร ทำให้พื้นที่ 1,385 ไร่ ถูกห่มคลุมไปด้วยหมอกบางๆ เมื่อฤดูแห่งความเหน็บหนาวมาเยือน และเพื่อเป็นการประชาสัมพันธ์การท่องเที่ยว จึงมีการจัดเทศกาลท่องเที่ยวสวนพฤกษศาสตร์บ้านร่มเกล้าฯ ขึ้น ภายใต้แคมเปญ “ห่มหมอก กอดหนาว ดูดาวบนภู”

อุณหภูมิยามค่ำลดต่ำลงไปอยู่ที่ 18 องศาเซลเซียส นักท่องเที่ยวหลายคนเพิ่มเติมความอบอุ่นให้ตัวเองด้วยเสื้อกันหนาวตัวโปรด บ้างก็สวมหมวก ผูกผ้าพันคอ ที่หนาวหนักหน่อยถึงขั้นต้องสวมถุงมือ แม้จะดูยุ่งยาก แต่ดูเหมือนทุกคนจะมีความสุขกับการเผชิญความหนาวในยามนี้

จิรารัตน์ มีงาม ผู้อำนวยการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) สำนักงานพิษณุโลก กล่าวว่า การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) สำนักงานพิษณุโลก เป็นหน่วยงานที่รับผิดชอบส่งเสริมการตลาดและประชาสัมพันธ์การท่องเที่ยวใน 3 จังหวัด ประกอบด้วยจังหวัดพิษณุโลก เพชรบูรณ์ และพิจิตร

ในปีนี้ ททท.สำนักงานพิษณุโลก ได้ร่วมกับสวนพฤกษศาสตร์บ้านร่มเกล้า พิษณุโลก ในพระราชดำริ จัดงาน "เทศกาลห่มหมอก กอดหนาว ดูดาวบนภู” ขึ้น ตั้งแต่วันนี้ - 31 มกราคม 2560 เพื่อเป็นการส่งเสริมการท่องเที่ยวและประชาสัมพันธ์ สวนพฤกษศาสตร์บ้านร่มเกล้า พิษณุโลก ในพระราชดำริ ให้เป็นที่รู้จักอย่างกว้างขวางมากยิ่งขึ้น นอกจากนี้ยังเป็นการเปิดฤดูกาลท่องเที่ยวในช่วงหน้าหนาว ต้อนรับนักท่องเที่ยวที่ต้องการขึ้นมาสัมผัสลมหนาวบนยอดดอย และชมความงดงามของมวลพฤกษานานาพันธุ์ด้วย

สำหรับพื้นที่บริเวณสวนพฤกษศาสตร์บ้านร่มเกล้าฯ ในอดีตเคยเป็นสมรภูมิรบระหว่างทหารไทยและลาวที่เกิดจากกรณีพิพาทในเรื่องพรมแดน โดยมีการต่อสู้กันอย่างดุเดือดจนกลายเป็นพื้นที่ที่เป็นรอยบาดแผลทางประวัติศาสตร์ และการรบครั้งนั้นก็ถูกเรียกว่า “สมรภูมิรบบ้านร่มเกล้า”

กระทั่งปี พ.ศ. 2542 สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ เสด็จพระราชดำเนินมายังพื้นที่ ภูขัด ภูเมี่ยง ภูสอยดาว ในเขตอำเภอชาติตระการ จังหวัดพิษณุโลก เพื่อทอดพระเนตรการดำเนินงานของโครงการพัฒนาเพื่อความมั่นคง และได้มีพระราชดำริให้สวนพฤกษศาสตร์สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ องค์การสวนพฤกษศาสตร์ สำนักนายกรัฐมนตรี ดำเนินการจัดตั้งสวนพฤกษศาสตร์ บ้านร่มเกล้าฯ ขึ้น ในวันที่ 5 มีนาคม พ.ศ. 2542 ในพื้นที่ส่วนปลายของเทือกเขาภูสอยดาว โดยมีพระราชประสงค์เพื่อส่งเสริมความมั่นคงในประเทศ และเป็นการอนุรักษ์พื้นที่ป่าสมบูรณ์ไว้เพื่อเป็นแหล่งป่าต้นน้ำ พร้อมทั้งพัฒนาสถานที่ดังกล่าวให้เป็นแหล่งท่องเที่ยวทางธรรมชาติของจังหวัดพิษณุโลก

ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมาได้มีการพัฒนาและปรับปรุงพื้นที่เพื่อให้การดำเนินงานเป็นไปตามพระราชประสงค์ ตลอดจนได้พัฒนาผลงานทางด้านวิชาการ และการให้บริการประชาชน ซึ่งคณะกรรมการองค์การสวนพฤกษศาสตร์ มีมติเห็นชอบให้เปลี่ยนสถานะจากศูนย์รวมพรรณไม้ เป็นสวนพฤกษศาสตร์ โดยใช้ชื่อว่า “สวนพฤกษศาสตร์บ้านร่มเกล้า พิษณุโลก ในพระราชดำริ ”

สวนพฤกษศาสตร์บ้านร่มเกล้าฯ เป็นสวนที่มีความหลากหลายของระบบนิเวศป่าและพรรณพืช ไม่ว่าจะเป็นฤดูกาลใดก็ยังคงความสมบูรณ์เต็มไปด้วยพรรณไม้นานาพันธุ์ เปรียบดั่งห้องสมุดทางธรรมชาติที่ให้บริการความรู้ทางวิชาการด้านพืชและธรรมชาติวิทยาแก่นักเรียน นักศึกษา รวมทั้งประชาชนที่สนใจ อีกทั้งยังเป็นแหล่งท่องเที่ยวเชิงนิเวศ เพื่อการเรียนรู้และพักผ่อนท่ามกลางธรรมชาติขุนเขา และมวลพฤกษานานาพันธุ์ให้กับประชาชน สมกับคำขวัญของสวนที่ว่า

“แหล่งพฤกษชาติอินโดจีน แผ่นดินแห่งวัฒนธรรม ชุมทางความหลากหลาย ชายแดนสมรภูมิเล่าขาน น้อมสืบสานพระราชดำริ”

สิ่งที่น่าชมคือพรรณไม้ในโรงเรือนต่างๆ ทั้งพรรณไม้ประจำถิ่น ไม้หายากและใกล้สูญพันธุ์ นอกจากนี้ยังมีโรงเรือนกล้วยไม้สายพันธุ์ไทยที่หาชมได้ยากกว่า 300 ชนิด แปลงกุหลาบสีสันสวยงาม ดงมณฑาที่อยู่ระหว่างการศึกษาวิจัย จำปาสายพันธุ์ต่างๆ รวมถึงต้นไม้สายพันธุ์แมกโนเลีย ระหว่างนี้มี “สนอินเดีย” ที่ชูช่อสีเหลืองสว่างไสวน่าถ่ายภาพเป็นที่ระลึกมากๆ

แต่ไฮไลท์สำคัญที่ไม่ควรพลาดก็คือ “สร้อยสยาม” พรรณไม้ชนิดใหม่ของโลกที่เพิ่งได้รับการค้นพบ และพบที่เดียวในโลก ปกติจะออกดอกทั้งปี แต่ดอกจะดกมากเป็นพิเศษในช่วงฤดูหนาว ตั้งแต่เดือนตุลาคมเป็นต้นไป ซึ่งสร้อยสยามนี้เป็นต้นไม้ตระกูลชงโคหรือเสี้ยวของไทย สามารถพบในป่าเบญจพรรณผสมป่าไผ่ บริเวณภูเมี่ยง จังหวัดพิษณุโลก

ในยามค่ำคืนนักท่องเที่ยวจะได้สัมผัสอากาศหนาวเย็น พร้อมกับชมความงดงามของดวงดาวที่ส่องแสงระยิบระยับเต็มท้องฟ้า ตามสโลแกนของการจัดงานที่ว่า "ห่มหมอก กอดหนาว ดูดาวบนภู” รวมถึงทะเลหมอกในยามเช้าก่อนพระอาทิตย์ขึ้นบริเวณ “จุดชมวิวค้อเดียวดาย” ท่ามกลางทิวทัศน์ของ 2 ประเทศ 3 จังหวัด อันเป็นพื้นที่รอยต่อระหว่างประเทศไทยและประเทศลาว พร้อมกับชมยอดดอยภูสอยดาวที่มีเขตเชื่อมต่อ 3 จังหวัด ได้แก่ จังหวัดพิษณุโลก จังหวัดอุตรดิตถ์ และจังหวัดเลย

จุดชมวิวนี้สามารถใช้บริการ “รถอีแต๊ก” ของชาวบ้านไปได้ ซึ่งที่มาของชื่อจุดชมวิวค้อเดียวดาย ก็มาจากต้นค้อที่ยืนต้นตระหง่านท้าลมหนาวที่พัดผ่านอย่างทระนงนั่นเอง ซึ่งต้นค้อเป็นพืชที่เสี่ยงต่อการสูญพันธุ์ จึงควรค่าแก่การอนุรักษ์อย่างยิ่ง

นักท่องเที่ยวมาถึงแล้วสามารถพักค้างแรมที่สวนพฤกษศาสตร์บ้านร่มเกล้าฯ ได้ โดยทางสวนมีเต็นท์ให้บริการ เต็นท์ใหญ่ (3-4 คน) ค่าบริการ 350 บาท เต็นท์เล็ก (1-2 คน) ค่าบริการ 150 บาทหรือใครมีเต็นท์มาเองก็สามารถนำมากางได้ที่ลานกางเต็นท์ เสียค่าบริการแค่ 50 บาทเท่านั้น

จะมาพร้อมหน้าครอบครัวก็ได้ หรือมากับเพื่อนก็ดี มีหลายคนมากับคนรักแล้วยิ่งประทับใจ ยิ่งค่ำลงดวงดาวยิ่งส่องสว่าง ความหนาวเย็นเริ่มคืบคลานเข้ามา บรรยากาศแบบนี้ชวนโรแมนติกมากๆ

ใครอยากชิลล์หน้าหนาว ไปดูดาว ห่มหมอก รีบไปด่วน สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมที่ สวนพฤกษศาสตร์บ้านร่มเกล้าฯ โทรศัพท์ 0 5531 6715, 08 1287 4994 และททท.สำนักงานพิษณุโลก โทรศัพท์ 0 5525 2742-3 ทุกวันในเวลาทำการ หรือ www.facebook.com/การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทยสำนักงานพิษณุโลก

logoline
แท็กที่เกี่ยวข้อง

ข่าวที่น่าสนใจ