ประทับใจในหลวง ร.9 ไม่รู้ลืม

   วันนี้สำนักพระราชวัง เปิดประตูวิเศษไชยศรี พระบรมมหาราชวัง เวลา 04.50 น.ให้ประชาชนเดินเข้าไปรอขึ้นกราบสักการะพระบรมศพ บรรยากาศตลอดทั้งวันมีพสกนิกรจากทั่วประเทศ อาทิ ปทุมธานี, สมุทรปราการ,เพชรบุรี, อ่างทอง, น่าน, แม่ฮ่องสอน, พังงา,สงขา, ภูเก็ต, ระยอง, ตราด, พะเยา, เชียงราย, ยโสธร, อุดรธานี เป็นต้น เดินทางมาอย่างไม่ขาดสายท่ามกลางสภาพอากาศร้อนอบอ้าว และมีพิธีกงเต็กตั้งแต่ช่วงบ่ายถึงเย็น

   นายศิวโรจน์ อัศวธนาเวทย์ อายุ 65 ปี อาชีพผู้รับเหมาก่อสร้าง บอกว่า ออกเดินทางจากบ้านพักใน อ.พระประแดง จ.สมุทรปราการ เวลา 05.00 น.ถึงบริเวณท้องสนามหลวงเวลา 06.00 น.และได้เข้ากราบพระบรมศพเวลา 09.30 น.ก่อนจะถือโอกาสเข้าชมนิทรรศการเย็นศิรเพราะพระบริบาลด้วย ซึ่งวันนี้เป็นครั้งที่ 15 แล้วที่ได้มา ทุกครั้งรู้สึกปลาบปลื้มใจจนน้ำตาไหล หากมีโอกาสจะมาอีกเรื่อยๆ

   “ตั้งแต่เด็กๆ เริ่มรู้สึกผูกพันกับสถาบัน ผมก็ไปหารูปในหลวง ร.9 มาไว้ที่บ้าน โตมาก็หาซื้อรูปแปะไว้ข้างฝาบ้าน ด้วยความรักและศรัทธา พอมาเป็นทหารมีโอกาสได้เข้าไปรับใช้นาคหลวงที่บวชวัดบวรนิเวศวิหาร ซึ่งนาคหลวงได้ไปจำวัดอยู่กุฏิที่ในหลวง ร.9 เคยประทับขณะทรงผนวช มีอยู่ครั้งหนึ่งท่านเสด็จฯ มาเฝ้าสมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราชองค์ที่ 19 ก็ไปนั่งใกล้ๆ ได้ยินสมเด็จพระสังฆราชตรัสกับในหลวง ร.9 ว่า ”อย่าตั้งฉันเป็นสังฆราชนะ“ พระองค์ก็ทรงแย้มพระโอษฐ์โดยไม่ได้ตรัสอะไร รู้สึกปลื้มใจมาก หลังจากนั้นพอมีครอบครัวก็มีโอกาสได้รู้จักกับนายทหารเรือนายหนึ่ง ประมาณปี 2558 เขาออกเรือรบไปเฝ้าที่วังไกลกังวล ก็ได้รับเหรียญในหลวง ร.9 มาก็เอามาให้ผมต่อ จึงนำมาบูชาและติดตัวไว้ตลอดเวลาเพื่อความเป็นสิริมงคลกับตัวเอง ทุกครั้งที่มากราบก็อธิษฐานขอให้ตัวเองและครอบครัวอยู่ดีมีสุขขอพระบารมีปกปักรักษา ขณะเดียวกันก็พยายามสอนลูกๆ ให้ทำดีถวายพระองค์ท่านแล้วชีวิตจะพบเจอแต่สิ่งดีๆ” นายศิวโรจน์ กล่าว

   ด้าน น.ส.จันทิมา พัฒน์เงิน นักศึกษาชั้นปีที่ 1 คณะวิทยการจัดการ มหาวิทยาลัยราชภัฏพระนคร กล่าวภายหลังเข้าสักการะพระบรมศพและชมนิทรรศการเย็นศิระเพราะพระบริบาล ว่า มีโอกาสมากราบสักการะพระบรมศพ เป็นครั้งที่ 2 วันนี้ใช้เวลารอไม่นาน ต่างจากครั้งแรกที่ใช้เวลาต่อแถวประมาณ 10 ชั่วโมง จึงเดินย้อนกลับมาที่สนามหลวงเพื่อชมนิทรรศการเย็นศิระเพราะพระบริบาลเป็นครั้งแรก

   “ได้ชมนิทรรศการแล้วก็คิดถึงในหลวง รัชกาลที่ 9 ยิ่งได้เห็นพระราชกรณียกิจต่างๆ ที่พระองค์ทรงทำเพื่อคนไทยก็ยิ่งซาบซึ้งในพระมหากรุณาธิคุณ คิดว่าตัวเองโชคดีที่เกิดทันเห็นตอนที่พระองค์ทรงงาน จึงอยากแนะนำให้เยาวชนรุ่นใหม่มาชมนิทรรศการสักครั้ง แม้ชีวิตนี้จะไม่เคยมีโอกาสเฝ้าฯ รับเสด็จพระองค์ ด้วยความที่อาศัยอยู่จังหวัดกาญจนบุรี ซึ่งมีการสร้างเขื่อนแม่กลอง, เขื่อนศรีนครินทร์ และเขื่อนศรีสวัสดิ์ ตามพระราชดำริเพื่อให้ประชาชนมีน้ำกินน้ำใช้และทำการเกษตร ตัวเองและครอบครัวพลอยได้รับประโยชน์จากพระเมตตาจึงมีน้ำใช้สอยไม่ขาด” น.ส.จันทิมากล่าว

   ทั้งนี้ สำนักพระราชวังได้สรุปยอดรวมประชาชน ที่เดินทางมาสักการะพระบรมศพ เมื่อวันที่ 27 ก.พ.หลัง ปิดการเข้ากราบสักการะพระบรมศพพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช บนพระที่นั่งดุสิตมหาปราสาท ในเวลา 21.10 น.ว่า มีจำนวนทั้งสิ้น 23,181 คน รวม 117 วันมี 4,815,801 คน และประชาชนถวายเงินเพื่อร่วมบำเพ็ญพระราชกุศลเป็นเงินยอดเงิน 2,385,030.75 บาท รวม 117 วัน เป็นเงินทั้งสิ้น406,511,735.59 บาท