แม่พิมพ์ของชาติน้อมนำคำสอนถ่ายทอดแก่เด็กๆ

     วันที่ 18 กุมภาพันธ์ ผู้สื่อข่าวรายงานว่า บรรยากาศภายในพระบรมมหาราชวัง ซึ่งเปิดให้ประชาชนเข้ากราบสักการะพระบรมศพ พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช บนพระที่นั่งดุสิตมหาปราสาท เป็นวันที่ 108 มีประชาชนจากทั่วประเทศ อาทิ นครราชสีมา, ชัยภูมิ, บุรีรัมย์, นครศรีธรรมราช, อุทัยธานี, นครปฐม,นนทบุรี,ลำปาง,ศีรษะเกษ,ยะลา,ชุมพร ฯลฯ ยังคงเดินทางมาอย่างต่อเนื่อง โดยเจ้าหน้าที่เปิดประตูให้เข้าตั้งแต่เวลา 04.40 น.ท่ามกลางสภาพอากาศที่ค่อนข้างร้อนตลอดทั้งวัน

      

    นางวิไลวรรณ ฮุดทูแนน อายุ 58 ปี ครูสอนเด็กอนุบาล เดินทางมาพร้อมคณะครูจากโรงเรียนเมืองนครราชสีมา จำนวน 60 คน เผยว่า ภายหลังจากเข้ากราบพระบรมศพในหลวงรัชกาล 9 เป็นครั้งที่สอง ความรู้สึกปลาบปลื้มไม่เคยเปลี่ยน และยิ่งได้เข้าชมนิทรรศการเย็นศิระ...เพราะพระบริบาล แล้วยิ่งประทับใจและซาบซึ้งมากยิ่งขึ้น เนื่องจากได้เห็นการทรงงานอย่างหนักตลอด 70 ปีของในหลวงรัชกาลที่ 9 อย่างไม่ทรงเหน็ดเหนื่อย ซึ่งตัวเองแค่ทำงานอาชีพครูแม้อายุจะยังไม่ถึง 60 ปีแต่กลับรู้สึกเหนื่อยมากๆ 

นางวิไลวรรณ ฮุดทูแนน

    “ตอนขึ้นไปกราบพระบรมศพ ได้ตั้งจิตอธิษฐานขอให้ในหลวงรัชกาลที่ 9 เสด็จไปสู่สรวงสรรค์ชั้นฟ้าที่ดีงาม แล้วบอกกับพระองค์ว่า จะขอเป็นข้ารองบาททุกชาติไป พระองค์ทรงเป็นต้นแบบทั้งในด้านการดำเนินชีวิตและด้านการทำงาน โดยตัวเองน้อมนำคำสอนเรื่องความประหยัดและการอดออมมาใช้ในชีวิตประจำวัน รวมทั้งนำมาเป็นกิจกรรมสอนให้นักเรียนชั้นอนุบาลรู้จักการออมทรัพย์ผ่านโครงการแบ่งเงินค่าขนมฝากกับโรงเรียนวันละ 5-10 บาท ซึ่งจะมีสมุดบันทึกให้เด็กๆ ได้ดูยอดเงินฝากของตัวเอง พอถึงเดือนกุมภาพันธ์โรงเรียนก็จะดอกเบี้ยร้อยละ 1 บาท นี่คือการออมตามแนวพ่อหลวง นอกจากนี้ยังมีกิจกรรมอื่นๆ เช่น กิจกรรมรักการอ่าน ให้นักเรียนยืมหนังสือนิทานกลับไปอ่านที่บ้านได้ และกิจกรรมดนตรีตามรอยพ่ออีกด้วย” ครูอนุบาลกล่าวถึงสิ่งที่ตัวเองเดินตามรอยพ่อหลวง พร้อมกับได้เล่าถึงความประทับใจที่ได้เข้าชมนิทรรศการฯ ด้วยน้ำเสียงตื่นเต้นว่า ชื่นชอบทุกโซนที่จัดขึ้น แต่ถ้าถามว่าประทับใจโซนไหนเป็นพิเศษต้องยกให้โซนที่สองที่ฉายวิดิทัศน์เกี่ยวกับการทรงงานในโครงการต่างๆ ตลอด 70 ปีที่ทรงครองราชย์ ทรงมีพระอัจฉริยภาพเป็นเลิศทุกอย่าง ยิ่งดูยิ่งซาบซึ้งและน้ำตาไหล คิดถึงพระองค์ท่าน 

นางชาลิสา พรหมหรรษ์

    ถึงแม้ว่าเพิ่งจะมามีโอกาสได้เดินทางมากราบสักการะพระบรมเพียงครั้งแรก แต่นางชาลิสา พรหมหรรษ์ อีกหนึ่งแม่พิมพ์ของชาติ วัย 52 ปี ซึ่งเดินทางมาพร้อมมาคณะครูโรงเรียนเมืองนครราชสีมากล่าวด้วยน้ำเสียงสั่นเครือว่า พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดชไม่ใช่แค่กษัตริย์แต่ทรงเป็นพ่อที่ดูแลลูกทั้งแผ่นดิน ยิ่งได้เห็นการทรงงานจากในนิทรรศการยิ่งซาบซึ้งในพระมหากรุณาธิคุณของพระองค์มากๆ ไม่ว่าโซนไหนก็น้ำตาไหลให้กับความดีของพระองค์ท่านที่ทรงมีต่อประชาชนชาวไทยมาโดยตลอด จึงตั้งใจว่าครั้งนี้จะไม่เป็นแค่ครั้งเดียวแต่จะต้องกลับมาอีกแน่ๆ ทั้งมากราบพระบรมศพและมาชมนิทรรศการ เพราะครั้งนี้ยังดูได้ไม่ละเอียดเท่าที่ควร ชอบโซนที่ประชาชนร่วมกันเขียนความดีถวายในหลวงรัชกาลที่ 9 ซึ่งตัวเองเขียนว่าจะเป็นคนดี เป็นคุณครูที่ดีของแผ่นดิน เพื่อพระองค์ท่าน รวมถึงการดำรงชีวิตอย่างพอเพียงด้วย

    นายชัชวาลย์ มาเกิด และสมาชิกสหกรณ์ครู

      นายชัชวาลย์ มาเกิด อายุ 62 ปี อุปนายกฌาปนกิจสงเคราะห์ชุมชนสหกรณ์ออมทรัพย์ครูอุทัยธานี เปิดเผยว่า ตัวเองพร้อมคณะสมาชิกสหกรณ์ครูกว่า 80 คน เดินทางมาจากจังหวัดอุทัยธานีด้วยรถบัส 2 คัน โดยมาถึงท้องสนามหลวงเมื่อเวล่ 04.00 น. และได้ถวายสักการะพระบรมศพประมาณ 08.00 น. โดยครั้งนี้คณะได้เข้าถวายสักการะเป็นครั้งที่ 2 แล้ว ทุกคนมีความตั้งใจที่จะมา เพราะมีความรักความศรัทธาต่อพ่อหลวงเป็นที่สุด 

      นายชัชวาลย์ อธิบายว่า สหกรณ์ออมทรัพย์ครูเป็นอีกหนึ่งองค์กรที่ได้น้อมนำแนวพระราชดำริเรื่องเศรษฐกิจพอเพียงมาประยุกต์ใช้ นำมาเป็นหลักในการส่งเสริมให้สหกรณ์ฯ ได้จัดสวัดสดิการให้กับสมาชิกซึ่งจะเป็นประโยชน์โดยรวม รวมทั้งการเสริมสร้างวินัยในการใช้จ่าย รู้จักพอประมาณ ไม่ใช้จ่ายเกินตัว มีเหตุมีผลและรู้จักอดออม แต่หากเกิดขัดสนเรื่องค่าใช้จ่าย สมาชิกก็ยังสามารถกู้ยืมเงินผ่านสหกรณ์ออมทรัพย์ ซึ่งมีดอกเบี้ยในอัตราที่ถูก นับเป็นหนทางป้องกันปัญหาการกู้ยืมนอกระบบ แต่อย่างไรก็ตามสมาชิกก็ควรนำแนวพระราชดำริเศรษฐกิจพอเพียงมาประยุกต์ใช้ในเรื่องเกี่ยวกับค่าใช้จ่าย คือ ใช้จ่ายอย่างประหยัดไม่เกินตัว พร้อมพัฒนาชีวิตของตัวเองให้ดีขึ้นตามศาสตร์ของพระราชา 

       ทั้งนี้ สำนักพระราชวังได้สรุปยอดรวมประชาชนที่เดินทางมาสักการะพระบรมศพ เมื่อวันที่ 17 ก.พ.หลังปิดการขึ้นกราบสักการะพระบรมศพพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช บนพระที่นั่งดุสิตมหาปราสาทในเวลา 21.22 น.ว่า มีจำนวนทั้งสิ้น 33,240 คน รวม 107 วันมียอมสะสม 4,509,044 คน และมีประชาชนถวายโดยเสด็จพระราชกุศล 2,872,611.50 บาท รวม 107 วัน เป็นเงินทั้งสิ้น380,521,171.59 บาท