ข่าว

น้อมนำคำพ่อสอนปฏิบัติในชีวิต

เกาะติดข่าวสาร >> คมชัดลึก ออนไลน์
logoline

ประชาชนทั่วสารทิศเดินทางมาร่วมถวายสักการะพระบรมศพเบื้องหน้าพระบรมโกศ โดยสำนักพระราชวังเปิดให้เข้าตั้งแต่เวลา 04.45 น.

น้อมนำคำพ่อสอนปฏิบัติในชีวิต

    บรรยากาศในพระบรมมหาราชวังซึ่งเปิดให้ประชาชนที่เดินทางมาจากทั่วสารทิศ ได้แก่ ปราจีนบุรี ฉะเชิงเทรา, ขอนแก่น, สมุทรสงคราม นครศรีธรรมราช ฯลฯ เข้ากราบสักการะพระบรมศพเป็นวันที่ 83 โดยเปิดประตูวิเศษชัยศรีให้ประชาชนาเข้าตั้งแต่เวลา 04.45 น.

น้อมนำคำพ่อสอนปฏิบัติในชีวิต

นะรงษ์ ชาวเพ็ชร 

   ดร.นะรงษ์ ชาวเพ็ชร ผู้อำนวยการ โรงเรียนโสตศึกษาจังหวัดปราจีนบุรี นำคณะครูและนักเรียนระดับชั้นมัธยมศึกษาชั้นปีที่ 1-6 จำนวน 45 คน ซึ่งเป็นเด็กบกพร่องทางการได้ยินและสติปัญญามากราบสักการะพระบรมศพ เพื่อน้อมรำลึกถึงพระมหากรุณาธิคุณ พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพล เผยว่า เดินทางออกจากโรงเรียนตั้งแต่ตอนเที่ยงคืนมาถึงสนามหลวงตอนตีสี่ เด็กๆ ทุกคนตื่นเต้นมาก ไม่มีใครงอแงเหมือนตอนอยู่โรงเรียนอีกทั้งยังไม่ยอมหลับสักคน เพราะเป็นการเดินทางมาครั้งแรก

   “โรงเรียนของเราเปิดให้บริการแบบโรงเรียนประจำสำหรับเด็กๆ ที่มีอาการบกพร่องทางร่างกาย โดยมีเด็กนักเรียนตั้งแต่ระดับชั้นอนุบาลไปจนถึงระดับชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6 และแม้ว่าเด็กๆ จะไม่เคยมีโอกาสได้เฝ้าฯ รับเสด็จในหลวงรัชกาลที่ 9 แต่ในระบบการเรียนการสอน ครูก็ได้สอดแทรกเรื่องราวเกี่ยวกับพระราชกรณียกิจต่างๆ ที่ในหลวงรัชกาลที่ 9 ทรงทำให้เด็กๆ ได้รับรู้ รวมทั้งยังได้น้อมนำเอาแนวพระราชดำริด้านเศรษกิจพอเพียงมาใช้ในโรงเรียนด้วย อาทิ การทำเกษตรแบบผสมผสาน การทำไบโอดีเซลใช้เองในโรงเรียน และการปลูกผักไว้ให้เด็กๆ กินเป็นอาหารกลางวัน หากมีเหลือก็จำหน่าย” ผอ.โรงเรียนโสตศึกษาจังหวัดปราจีนบุรี กล่าว

น้อมนำคำพ่อสอนปฏิบัติในชีวิต

 ณัฐนันท์ จันทพันธ์

   นายณัฐนันท์ จันทพันธ์ อายุ 18 ปี นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6 โรงเรียนโสตศึกษา จังหวัดปราจีนบุรี ซึ่งพูดผ่านภาษามือโดยมีครูทำหน้าที่เป็นล่ามแปลภาษาว่า มากราบสักการะพระบรมศพครั้งนี้ รู้สึกประทับใจและภูมิใจมาก อยากจะชวนครอบครัวมากราบพระบรมศพด้วย ตลอดชีวิตที่ได้เกิดมาในแผ่นดินรัชกาลที่ 9 รู้สึกรักพระองค์มากเพราะพระองค์ได้ทรงงานหนักเพื่อคนไทยตลอดมา อย่างไม่ทรงเหน็ดเหนื่อย ไม่ว่าจะเรื่องเกษตรที่ทำให้คนไทยทุกคนมีข้าวกิน เรื่องเศรษฐกิจพอเพียง ซึ่งที่ผ่านมาก็ได้มีโอกาสไปเยี่ยมชมและโครงการพระราชดำริช่างหัวมัน ก็ได้น้อมนำมาปฏิบัติ แม้ว่าจะเสียใจมากที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดชเสด็จสวรรคต แต่พระองค์ก็จะทรงอยู่ในหัวใจของทุกคนตลอดไป อนาคตก็อยากจะเป็นครูเพื่อจะได้สอนเด็กๆ รุ่นน้องที่บกพร่องทางการได้ยินเหล่านี้ได้มีโอกาสเช่นเรา

น้อมนำคำพ่อสอนปฏิบัติในชีวิต

ครอบครัวยิ่งสูง   

ด้านครอบครัวยิ่งสูงที่เดินทางมาจากจังหวัดพิจิตร นำโดย นายสุทธิพงษ์ นางฉวีวรรณ นางสาวภูริตา และ ด.ญ.ณภัทร ยิ่งสูง เดินทางมาถวายสักการะพระบรมศพพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดชเป็นครั้งที่ 3 โดย นางฉวีวรรณ ยิ่งสูง ได้กล่าวว่า ขณะที่ในหลวงรัชกาลที่ 9 ประชวรและประทับรักษาอยู่ที่โรงพยาบาลศิริราชได้เดินทางมาร่วมลงนามถวายพระพร 3 ครั้ง และเมื่อสวรรคตก็ตั้งใจว่าจะมากราบถวายสักการะอย่างน้อย 3 ครั้ง เป็นความตั้งใจอย่างสูงสุด ซึ่งวันนี้ได้ทำสำเร็จตามความตั้งใจไว้ในลำดับหนึ่งแล้วแต่หากมีโอกาสจะเดินทางมากราบถวายสักการะพระบรมศพอีก 

   "ในแต่ละครั้งที่มากราบถวายสักการะความรู้สึกที่ไม่แตกต่างกันคือความเศร้าเสียใจที่มีมากล้นจนน้ำตาไหล และภาพการยืนยันว่านี่คือความจริงที่เที่ยงแท้ นี่คือธรรมชาติที่ทุกคนไม่สามารถหลีกเลี่ยงได้ แต่ทำไมต้องเป็นพระองค์ท่านครั้งแรกที่เข้าไปกราบน้ำตาก็ไหล มันเต็มตื้นในหัวใจ มันจุกที่คอ ใจหาย เมื่อเห็นว่าทรงอยู่บนฟ้าจริงแท้ สุดท้ายน้ำตาก็ไหลออกมามองได้แค่พระบรมโกศเท่านั้น  ครั้งที่สองเข้าไปกราบถวายสักการะ ครั้งนั้นตั้งจิตแน่วแน่ มีสติ ทุกย่างก้าว มองเพื่อให้หัวใจได้จดจำตราบนานเท่านาน ครั้งนี้ครั้งที่สามตั้งปณิธานในใจชีวิตลูกจะตั้งใจทำความดีเพื่อถวายพระองค์ท่านต่อไป ทุกๆสิ่งที่ได้รับจักตอบแทนโดยเป็นผู้ให้อย่างเต็มใจเพื่อยังประโยชน์แก่สาธารณะเป็นที่ตั้ง จะสืบสานการงานและความคิดตามรอยพระบาทต่อไป" นางฉวีวรรณกล่าว 

น้อมนำคำพ่อสอนปฏิบัติในชีวิต

ชื่นจิต พูลชัย 

   นางสาวชื่นจิต พูลชัย วัย 45 ปี พนักงานบริษัทเอกชนแห่งหนึ่งที่ได้ใช้เวลาทุกวันหยุดของตัวเองคือวันอังคาร เดินทางมาจากบ้านพักย่านห้วยขวางสักการะพระบรมศพ ซึ่งมาเป็นครั้งที่ 5 จากที่ตั้งใจว่าจะมาให้ครบ9 ครั้ง กล่าวว่าวันนี้เดินทางมาถึงที่สนามหลวงตั้งแต่เวลา 06.30 น. และได้ขึ้นกราบสักการะพระบรมศพบนพระที่นั่งดุสิตมหาปราสาทตอน 10.30 น. ซึ่งนับเป็นครั้งแรกๆ ที่ไม่ได้ใช้เวลารอนานเหมือนทุกครั้ง ซึ่งเมื่อ 4 ครั้งที่ผ่านมาเธอเคยรอสักการะพระบรมศพนานที่สุดถึง 13 ชม. มาถึงตั้งแต่ 04.00 น. และได้ขึ้นสักการพระบรมศพตอน 17.00 น. และทุกครั้งที่ได้ขึ้นไปกราบพระบรมศพบนพระที่นั่งดุสิตมหาปราสาทความรู้สึกก็ไม่ได้ต่างกันเต็มไปด้วยความตื้นตันใจน้ำตาก็ไหลทุกครั้งที่ได้กราบพระบรมศพในหลวงรัชกาลที่9 อย่างใกล้ชิด จากนี้ต่อไปถึงแม้ไม่มีพ่อหลวงอีกต่อไปแล้ว แต่เธอจะสานปณิธานเดินตามรอยเท้าพระองค์ด้วยการนำหลักเศรษฐกิจพอเพียงมาเป็นหลักยึดในการดำเนินชีวิต ในฐานะที่เป็นพนักงานออฟฟิศจะไม้ใช้เงินฟุ้งเฟ้อจนเกิดหนี้สิน

น้อมนำคำพ่อสอนปฏิบัติในชีวิต

โรนัลด์ เบ็ธเกอร์ และภรรยา

   นายโรนัลด์ เบ็ธเกอร์ ชาวอเมริกันวัยเกษียณ ที่ทำธุรกิจจำหน่ายเครื่องพิมพ์ให้กับสื่อหนังสือพิมพ์ต่างๆ ก่อนจะเดินทางไปทั่วโลกทั้งอเมริกาใต้ สิงคโปร์ ญี่ปุ่น และมาพักอยู่ที่พัทยา ก่อนจะแต่งงานกับชาวไทยและอยู่เมืองไทยมานานกว่า 1 ปีครึ่ง กล่าวว่า มากราบสักการะพระบรมศพพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดช เป็นครั้งที่ 2 แล้ว แม้ว่าจะต้องรอนานแต่ก็ไม่ย่อท้อ เพราะประทับใจในสิ่งที่พระองค์ได้ทรงทำเพื่อคนไทย จากการอ่านข่าวตามสื่อต่างๆ ทั้งการเกษตร การช่วยเหลือประชาชนบนยอดดอย ทั้งเรื่องเศรษฐกิจพอเพียงที่ช่วยให้ประชาชนมีอยู่มีกิน ซึ่งทั้งหมดเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นด้วยหลักวิทยาศาสตร์ ไม่ใช่เรื่องของเวทมนตร์ อันเป็นสิ่งที่ยืนยาวกว่า จึงอยากที่จะมาสักการะพระบรมศพสักครั้งและจะนำเรื่องราวเหล่านี้ไปเล่าให้ทุกคนฟังต่อไป

น้อมนำคำพ่อสอนปฏิบัติในชีวิต

ประภาพร คูรัน

   นางประภาพร คูรัน อายุ 40 ปี อาชีพแม่บ้าน ชาวจังหวัดสกลนครที่ย้ายถิ่นฐานไปใช้ชีวิตครอบครัวที่ประเทศไอร์แลนด์ ร่วม 10 ปี ได้พา ด.ช.โอชีน คูรัน อายุ 8 ปี ลูกครึ่งไทย-ไอริช กลับเมืองไทยเป็นครั้งแรกตั้งแต่ไปตั้งรกรากยังต่างแดนนานร่วมทศวรรษ ซึ่งในวันนี้มีความมุ่งมั่นจะมากราบสักการะพระบรมศพเป็นครั้งแรก

นางประภาพร กล่าวว่า ทราบข่าวในหลวงรัชกาลที่ 9 สวรรคตด้วยความเสียใจ จึงได้ไปร่วมงานถวายความอาลัยกับกลุ่มคนไทยในกรุงดับลิน พร้อมกันนี้ยังจุดเทียนที่บ้านพักวันละ 9 เล่ม ถวายเป็นราชสดุดีในความดีงามที่พระองค์ทรงเหน็ดเหนื่อยทรงงานหนักเพื่อคนไทย แม้ไม่เคยเฝ้าฯ รับเสด็จเลย แต่ก็รักและผูกพันกับพระองค์โดยซึมซับจากพระราชกรณียกิจและพระราชดำรัสต่างๆ

   “แม้ลูกชายจะโตเมืองนอก แต่มีสายเลือดความเป็นไทยอยู่ครึ่งหนึ่ง และลูกก็เกิดในแผ่นดินรัชกาลที่ 9 จึงอยากพาเขามา

กราบสักการะพระองค์ท่าน ซึ่งเขารู้จักในหลวงรัชกาลที่ 9 อธิบายให้เข้าใจว่าพระมหากษัตริย์องค์นี้มีความสำคัญต่อคนไทย และคนไทยโชคดีแค่ไหนที่มีในหลวงรัชกาลที่ 9 อย่างไรก็ตามตัวเองได้น้อมนำปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงมาใช้ในชีวิตประจำวัน” นางประภาพรกล่าว โดย ด.ช.โอชีน กล่าวสั้นๆ เป็นภาษาอังกฤษว่า “เห็นคนมากราบในหลวงรัชกาลที่ 9 เยอะแยะเลย ผมคิดว่าพระองค์เป็นพระมหากษัตริย์ที่ดีที่สุดในโลก” 

   ทั้งนี้ สำนักพระราชวังได้สรุปยอดรวมประชาชน ที่เดินทางมาสักการะพระบรมศพ เมื่อวันที่ 23ม.ค. หลังสำนักพระราชวัง ปิดไม่ให้ประชาชนเข้าพระบรมมหาราชวัง เพื่อขึ้นกราบสักการะพระบรมศพพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช บนพระที่นั่งดุสิตมหาปราสาท ในเวลา 21.00น. ว่า มีจำนวนทั้งสิ้น 34,820 คนรวม 82 วันมี3,615,976 คนและมีประชาชนถวายเงินเพื่อร่วมบำเพ็ญพระราชกุศลเป็นเงิน 4,614,131.75 บาทรวม 82 วัน เป็นเงินทั้งสิ้น 304,504,330.54 บาท

logoline

ข่าวที่น่าสนใจ