สุดปลื้มรับข้าวเปลือกพระราชทานวันสุดท้าย

     

    วันที่ 19 มกราคม สำนักพระราชวังได้สรุปยอดรวมประชาชน ที่เดินทางมาสักการะพระบรมศพ เมื่อวันที่ 18 มกราคม หลังสำนักพระราชวังปิดการขึ้นกราบสักการะพระบรมศพพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช บนพระที่นั่งดุสิตมหาปราสาท ในเวลา 01.00 น. ของวันที่ 19 มกราคม จากกำหนดเดิมในเวลา 21.00 น. เนื่องจากยังมีประชาชนเข้าแถวรอคิวในมณฑลพิธีสนามหลวงเป็นจำนวนมาก ว่ามีจำนวนทั้งสิ้น 57,361 คน รวม 79 วัน มียอดสะสม 3,493,764 คน และมีประชาชนถวายเงินร่วมบำเพ็ญพระราชกุศล 5,240,368.75 บาท รวม 79 วัน เป็นเงินทั้งสิ้น 288,980,080.29 บาท ขณะที่บรรยากาศในวันนี้ สำนักพระราชวังเปิดให้ประชาชนเข้ากราบสักการะพระบรมศพ ตั้งแต่เวลา 04.45 น. มีพสกนิกรจากทุกสารทิศทะยอยมารอต่อแถวเนืองแน่นท่ามกลางสภาพอากาศร้อนจัด

  

  นางสานะ หัดบิลแหม

      นางสานะ หัดบิลแหม อายุ 53 ปี ชาวไทยมุสลิม จาก อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา เดินทางมาพร้อมกับคณะ อบต.รวมทั้งหมด 180 คน ตั้งแต่เที่ยงคืนวันอังคาร มารอต่อแถวและได้ขึ้นกราบพระบรมศพในเวลา 8 โมงเช้า เผยว่า ตอนขึ้นไปนั่งอยู่เบื้องหน้าพระบรมโกศก็ทำจิตให้สงบนิ่งพร้อมตั้งจิตอธิษฐานขอให้พระองค์ท่านไปสู่สุคติ ไม่เคยมีโอกาสได้เฝ้ารับเสด็จฯ เลยสักครั้ง แต่ได้เห็นพระองค์ท่านทรงงานผ่านโทรทัศน์ เห็นพระองค์ท่านทรงงานหนักเพื่อประชาชนก็อดน้ำตาไหลไม่ได้ ปลื้มปีติทุกครั้ง วันนี้รู้สึกดีใจมากที่ได้มากราบพระองค์ท่านใกล้ๆ

นางจินดา เมืองสุวรรณ (ซ้ายสุด)      

      ด้านนางจินดา เมืองสุวรรณ พนักงานบริษัทเอกชน วัย 53 ปี โดยสารรถตู้มาจากนิคมอุตสาหกรรมแหลมฉบัง จ.ชลบุรี กล่าวว่า มาเป็นครั้งที่ 2 แล้ว ขณะที่เพื่อนร่วมงานบางคนเพิ่งมีโอกาสมาเป็นครั้งแรก ถึงแม้จะได้ขึ้นไปกราบด้านบนพระที่นั่งเป็นระยะเวลาที่สั้นมาก เนื่องจากคนเดินทางมากันมากก็รู้สึกดีใจ ปลื้มปีติที่ได้เกิดเป็นคนไทย เป็นลูกของพระองค์ท่าน พระองค์ท่านเปรียบเสมือนพ่อที่ดูแลลูกๆ ดูแลประชาชนทั้งประเทศให้อยู่เย็นเป็นสุข ที่ใดเดือดร้อนก็จะทรงไปหาไปช่วยแก้ไข พระองค์ทรงงานหนักเพื่อคนไทยจริงๆ ในฐานะพสกนิกรที่สำนึกในพระมหากรุณาธิคุณจึงขอน้อมนำพระองค์ท่านเป็นต้นแบบ เรื่องที่จำได้ขึ้นใจคงเป็นเรื่องที่ทรงรีดหลอดยาสีฟันจนหมดเกลี้ยง ใช้ของอย่างรู้คุณค่า และประหยัด ซึ่งตอนนี้ตัวเองก็ทำตาม อีกเรื่องคือเมื่อคิดแล้วต้องลงมือทำทันที ทุกอย่างก็จะสำเร็จลุล่วงไปได้อย่างแน่นอน

   นายสัมเภา ลัทธิ

    นายสัมเภา ลัทธิ อายุ 63 ปี เกษตรกรจาก อ.ละหานทราย จ.บุรีรัมย์ เปิดเผยว่า เดินทางมากราบสักการะพระบรมศพเป็นครั้งที่ 2 เพราะอยากมา เป็นความรู้สึกตื้นตันใจอย่างมาก ที่ผ่านมาพระองค์ทรงงานหนักเพื่อพสกนิกรชาวไทย จำได้ว่าเคยเสด็จฯ เยี่ยมเยียนราษฎรทุกแห่งแม้กระทั้งพื้นที่ที่พวกเราอยู่ ซึ่งติดกับชายแดน ในหลวง ร.9 พร้อมด้วยสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ และพระบรมศานุวงศ์ ทรงไปช่วยเหลือให้พสกนิกรมีความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น นับเป็นพระมหากรุณาธิคุณอย่างหาที่สุดไม่ได้

   “ผมทำนาทำไร่ เป็นเกษตรกรที่ดำเนินตามรอยเบื้องพระยุคลบาทของในหลวง ร.9 วันนี้รู้สึกมีบุญที่ได้เข้ากราบพระบรมศพบนพระที่นั่งดุสิตมหาปราสาท เพราะเราเป็นชาวบ้านคงไม่ได้มีโอกาสเข้าไปบนนั้นบ่อยนัก ก่อนหน้านี้ผมเคยมากราบพระศพของสมเด็จย่า จากวันนั้นก็ไม่เคยมากรุงเทพฯ อีกเลย วันนี้ได้รับข้าวเปลือกพระราชทานซึ่งเป็นวันสุดท้ายที่มีการแจกจ่ายให้กับประชาชนที่มากราบสักการะก็รู้สึกดีใจมากเพราะตั้งใจจะนำไปบูชา เพื่อรอวันลงนาจะนำข้าวเปลือกพระราชทานไปเพาะปลูกด้วยเพื่อความเป็นสิริมงคล” นายสัมเภา กล่าวด้วยความตื้นตัน