ข่าว

100 วันสวรรคตน้อมสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณมิเสื่อมคลาย

เกาะติดข่าวสาร >> คมชัดลึก ออนไลน์
logoline

แม้เวลาจะผ่านไป แต่ความรัก ความศรัทธา ความสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณอย่างหาที่สุดมิได้

100 วันสวรรคตน้อมสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณมิเสื่อมคลาย

          วันเสาร์ที่ 21 มกราคม 2559 เป็นวันที่ครบ 100 วันการสวรรคตของพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ถึงแม้เวลาจะผ่านไป แต่ความรัก ความศรัทธา ความสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณอย่างหาที่สุดมิได้ หลายคนยังคงร้องไห้ทุกครั้งเมื่อระลึกถึง หลายคนเปลี่ยนตัวเองมาเป็นจิตอาสาอย่างจริงจัง และอีกหลายคนก็นำคำสอนของพระองค์มาใช้ มาปฏิบัติในชีวิตประจำวัน 

100 วันสวรรคตน้อมสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณมิเสื่อมคลาย

          เริ่มจากอดีตประธานรัฐสภา ศ.ดร.อุกฤษ มงคลนาวิน เผยว่า ความปลาบปลื้มใจที่มีต่อพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช มีมากมายตลอดที่ทรงงาน 70 ปีแห่งการครองราชย์ โดยเฉพาะที่ประทับใจที่สุด คือในช่วงที่ดำรงตำแหน่งประธานรัฐสภา 8 ปี มีโอกาสได้เข้าเฝ้าฯ ถวายพระพรในโอกาสเฉลิมพระชนมพรรษา 60 พรรษา เมื่อปี 2530 พร้อมกับนายกรัฐมนตรี และประธานศาลฎีกา นอกจากนี้ทั้งตัวเองและท่านผู้หญิงมณฑินี มงคลนาวิน ยังได้รับพระมหากรุณาธิคุณจากทั้งสองพระองค์ พระราชทานน้ำสังข์เมื่อตอนแต่งงาน กระทั่งเมื่ออายุ 60 ปีก็ยังได้รับพระราชทานน้ำสังข์จากทั้งสองพระองค์อีกเช่นกัน โดยครั้งนี้ทรงมีรับสั่งว่า ดร.อุกฤษและท่านผู้หญิงมณฑินี มีบุญมากได้ทำบุญใหญ่เพราะได้สร้างตึก สก. ถวายสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ สำหรับพระบรมราโชวาทที่น้อมนำมาใช้ในการดำเนินชีวิต นอกจากหลักเศรษฐกิจพอเพียงที่มีคนจำนวนมากนำไปปฏิบัติอยู่แล้วนั้น ยังนำคำสอนในข้อรู้รักสามัคคีมาใช้ด้วย เพราะถือว่าเป็นหลักปฏิบัติที่สำคัญต่อทุกๆ ด้าน รวมถึงความเมตตาต่อกันไม่เบียดเบียนกัน ทั้งกายและวาจา ไม่ทำให้ให้คนอื่นเดือดร้อน สังคมจะอยู่เป็นสุข

100 วันสวรรคตน้อมสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณมิเสื่อมคลาย

          “ใหญ่” ภัทรา ศิลาอ่อน อายุ 74 ปี ประธานกรรมการบริษัท เอส แอนด์ พี ซินดิเคท จำกัด (มหาชน) เผยความรู้สึกว่า แม้จะผ่านมาเกือบหนึ่งร้อยวันแล้วแต่ถ้าได้ยินข่าวได้เห็นพระบรมฉายาลักษณ์ของพระองค์ ยังอดน้ำตาไหลไม่ได้ ส่วนหนึ่งเพราะรู้สึกผูกพันเห็นพระองค์มาตั้งแต่อายุ 4 ขวบ นอกจากนี้ยังได้รับพระราชทานน้ำสังข์ พร้อมเงินขวัญถุง 400 บาท นับเป็นมิ่งมงคลของการเริ่มต้นชีวิตคู่และครองเรือนด้วยความราบรื่นตลอดมา
     “เนื่องจากบริษัทของเราดำเนินธุรกิจเกี่ยวกับอาหาร ทุกปีเมื่อถึงวันคล้ายวันพระราชสมภพของพระบรมวงศานุวงศ์ทุกพระองค์ จะพิถีพิถันรังสรรค์เค้กปอนด์ตกแต่งอย่างสวยงามเพื่อทูลเกล้าฯ ถวาย โดยเฉพาะของในหลวงรัชกาลที่ 9 เคยจัดทำเค้กเป็นรูปพระราชวังไกลกังวลอย่างสวยงามด้วย โดยพนักงานทุกคนล้วนตั้งใจกันทำอย่างสุดฝีมือ พร้อมตั้งปณิธานขอทำหน้าที่ของตัวเองอย่างเต็มกำลังสามารถเพื่อตอบแทนพระมหากรุณาธิคุณที่มีต่อปวงชนชาวไทยทุกคน” นางภัทรากล่าว 

100 วันสวรรคตน้อมสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณมิเสื่อมคลาย

          คุณหญิงวรรณา สิริวัฒนภักดี รองประธานกรรมการบริษัท ไทยเบฟเวอเรจ จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า หากพูดถึงความประทับใจที่มีต่อในหลวง ร.9 นั้น แม้พระองค์จะสวรรคตไปแล้ว แต่ก็สร้างชื่อเสียงดังไปทั่วโลกให้แก่ประเทศไทยอย่างมาก เพราะไม่มีพระมหากษัตริย์ประเทศใดจะทรงงานได้เหมือนกับพระองค์ ทั้งนี้ ส่วนตัวประทับใจทุกอย่างที่พระองค์ทำมา ประทับใจตลอดเวลายากที่จะพรรณนา
          “คำสอนของพระองค์และสิ่งที่ทรงทำไว้ เป็นแบบอย่างที่ดีหมด หากใครน้อมนำมาเป็นแบบอย่างดำเนินชีวิตได้มากเท่าไหร่ ก็ดีต่อชีวิตมากเท่านั้น นี่ถือเป็นครั้งแรกที่พูดถึงความประทับใจที่มีต่อพระองค์ออกมา เพราะปกติจะเก็บไว้ในใจเท่านั้น พูดไปก็ขนลุกไป อย่างไรก็ดี ครอบครัวเราโชคดีที่มีโอกาสเข้าเฝ้าฯ พระองค์ หากวันไหนได้เข้าเฝ้าฯ ถึงแม้งานจะยุ่งแค่ไหนรวมถึงลูกๆ ด้วย ก็จะยกเลิกงานทั้งหมดเพื่อจะมาเข้าเฝ้าฯ” คุณหญิงวรรณากล่าว

100 วันสวรรคตน้อมสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณมิเสื่อมคลาย

          “แป้ง” นวลพรรณ ล่ำซำ กรรมการผู้จัดการและบริษัท เมืองไทยประกันภัย จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า เกิดพ.ศ.2509 เกิดในรัชกาลที่ 9 มา 50 ปี ได้อยู่มาอย่างร่มเย็นเป็นสุขโดยตลอด ในวันที่ 13 ตุลาคมที่ผ่านมา เป็นความวิปโยคเปลี่ยนผ่านครั้งยิ่งใหญ่ สร้างความเศร้าสลดเสียใจฝังอยู่ในจิตใจของคนไทย ซึ่งขณะะนี้ยังไม่สามารถทำใจได้ เชื่อว่าจากนี้คนไทยหลายคนจะเดินตามพระราชปณิธานทรงสอนให้เป็นคนดี เศรษฐกิจพอเพียง ซึ่งมีหลายองค์กร บริษัท ครอบครัวนำไปใช้ในการดำเนินชีวิต
          “นับจากนี้จะสานต่อพระราชปณิธานของพระองค์ด้วยการเป็นคนดี เพราะท่านทรงงานเพื่อคนไทยมาเป็นเวลานาน จากที่เคยได้ทำงานเพื่อสังคมอยู่บ้างแล้วแม้เป็นเพียงคนตัวเล็กๆ หากมีอะไรจะช่วยเหลือสังคมได้ก็จะทำให้มากขึ้น และจะดำเนินตามเบื้องพระยุคลบาท อีกทั้งมีสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงเป็นหลักชัยมิ่งขวัญน้อมรำลึกในพระมหากรุณาธิคุณในพระองค์ด้วย” นางนวลพรรณกล่าว 

100 วันสวรรคตน้อมสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณมิเสื่อมคลาย

          ศุภชัย เจียรวนนท์ กรรมการผู้จัดการใหญ่ และประธานคณะผู้บริหาร บริษัท ทรู คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า ตลอด 70 ปีที่พระองค์ทรงครองราชย์ ทำให้ประเทศไทยมีความร่มเย็นเป็นสุข มีความเจริญรุ่งเรือง คนไทยได้มีแผ่นดินที่น่าอยู่ที่สุด คือถ้าไม่มีพระองค์ท่านเราจะก็จะไม่มีความเจริญผาสุขแบบนี้ ทั้งบริษัทและประเทศของเรา ก็เป็นความปลาบปลื้มและเชื่อว่าพระองค์ไม่ได้ไปไหน ทรงสถิตอยู่ในใจของคนไทย และจะอยู่ในคุณค่าและวัฒนธรรมอันดีงามสืบต่อไป พระมหากรุณาธิคุณของพระองค์ไม่เคยจางหายไปจากใจ บางคนยังร้องไห้ทุกครั้งที่เห็นพระบรมฉายาลักษณ์ พระบรมสาทิสลักษณ์ 

100 วันสวรรคตน้อมสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณมิเสื่อมคลาย

          “นิดหน่อย” จุตินันท์ ภิรมย์ภักดี กล่าวว่า โดยส่วนตัวมีโอกาสช่วยเหลือด้านกีฬาในประเภทต่างๆ และอย่างที่ทราบว่าพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดช โปรดกีฬาหลายชนิด และได้พัฒนากีฬาอย่างต่อเนื่อง ทั้งมีพระราชดำรัสว่า กีฬาทำให้คนเข้มแข็ง เมื่อคนเข้มแข็งก็จะทำให้ชาติเข้มแข็งด้วย จึงได้ให้ความสำคัญกับการพัฒนาแวดวงกีฬา จึงเป็นพระราชดำรัสที่ยึดเสมอในการทำงาน
          "คุณพ่อคุณแม่ รวมทั้งคุณพ่อคุณแม่ของภริยา (ม.ล.ปิยาภัสร์ ภิรมย์ภักดี) เคยมีโอกาสได้ตามเสด็จรับใช้ถวายงาน ทำให้มีความสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณเสมอ นอกจากจะได้เห็นพระองค์ท่านทรงงานหนักอย่างที่คนไทยทุกคนทราบแล้ว ยังได้เห็นเวลาส่วนพระองค์ในการทรงดนตรีและกีฬา รวมทั้งพระราชอารมณ์ขันของพระองค์ ครั้งหนึ่งเมื่อปี 2540 ซึ่งประเทศไทยกำลังมีวิกฤติเศรษฐกิจอยู่นั้น พระองค์ทรงขับรถยนต์พระที่นั่งมายังบ้านที่หัวหิน และตรัสถามคุณพ่อ (จำนงค์ ภิรมย์ภักดี) ว่ารู้ไหมว่าพระองค์ทรงขับรถยนต์ยี่ห้ออะไรมา คุณพ่อตอบพระองค์ว่า เลกซัส เป็นแน่ พระองค์ก็พระสรวล และตรัสว่า ทรงหลอกเศรษฐีได้แล้ว ที่จริงพระองค์ทรงขับรถยนต์โตโยต้ามา ซึ่งรถยนต์พระที่นั่งคันนั้นพระองค์ได้ทรงใช้เงินส่วนพระองค์ซื้อมาใช้เอง เป็นการช่วยเหลือเศรษฐกิจ นี่เป็นสิ่งที่ประทับใจมากเพราะแม้เป็นเรื่องละเอียดอ่อน แต่พระองค์ก็ทรงช่วยเหลือเศรษฐกิจและประชาชนเสมอ

100 วันสวรรคตน้อมสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณมิเสื่อมคลาย

          ดร.สมศักดิ์ ชลาชล กรรมการผู้จัดการ บริษัท ชลาชล จำกัด บอกว่า ถึงแม้จะครบ 100 วันแต่ความเศร้ายังไม่เคยจางหาย ทุกครั้งที่ได้ดูพระราชกรณียกิจหรือมีสิ่งมากระตุ้นก็จะน้ำตาไหลเสมอ ตอนที่พระองค์ท่านสวรรคตอนนั้นอยู่ต่างประเทศ พอกลับมาถึงเมืองไทย ยังงงยังซึมแล้วก็คิดว่าจะทำอย่างไรดีเมื่อพ่อเราเสีย ซึ่งที่คิดแวบเข้ามาคือต้องบวชให้พ่อ และเป็นครั้งแรกในชีวิตจนอายุมา 60 ปีนี่เองที่เพิ่งจะบวช และเป็นการบวชถวายพระราชกุศลรุ่นแรกของวัดพระราม 9 และจนถึงวันนี้ก็เป็นจิตอาสาไปที่วัดเสมอ เพราะทางวัดมีบวชทุกเดือน รวมทั้งมีโอกาสทำบุญหรือสวดมนต์ก็จะสวดบทสวดเพื่อพระองค์ท่านทุกครั้งไม่เคยขาด และตอนนี้ก็กำลังทำหนังสือบวชให้พ่อ ซึ่งจะเสร็จก่อนพระราชพิธีพระราชทานเพลิงพระบรมศพ ทุกอย่างตอนนี้ทำถวายพระองค์ท่านทั้งหมด  

100 วันสวรรคตน้อมสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณมิเสื่อมคลาย

          พล.ต.ต.ภิรมย์ มาลากุล ณ อยุธยา อดีตตำรวจราชสำนักเวร และสมาชิกราชสกุลมาลากุล พร้อมบุตรี  พนมกร มาลากุล ณ อยุธยา กล่าวว่า รู้สึกปลาบปลื้มใจที่ได้รับใช้เบื้องพระยุคลบาทพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช โดยได้มีโอกาสสลับสับเปลี่ยนเวรไปประจำยังพื้นที่ต่างๆ ทั้งพระตำหนักจิตรลดารโหฐาน พระราชวังดุสิต วังไกลกังวล หัวหิน รวมทั้งที่พระองค์ท่านทรงพระประชวรและเสด็จฯ ไปประทับที่โรงพยาบาลศิริราช ตนเองได้ไปประจำพื้นที่โดยรอบโรงพยาบาลด้วย แม้จะไม่ได้ถวายงานใกล้ชิดแต่ก็รู้สึกภูมิใจมาก และอีกครั้งหนึ่งในชีวิตที่จำได้ไม่คือเมื่อครั้งที่ได้รับพระราชทานกระบี่และประดับยศนายพลจากพระหัตถ์ของพระองค์ท่านถือเป็นความภาคภูมิใจสูงสุดในชีวิต
          “รู้สึกประทับในใจพระมหากรุณาธิคุณที่พระองค์ท่านทรงมีต่อปวงชนชาวไทย ทั้งยังได้สั่งสอนลูกหลานให้จงรักภักดีต่อสถาบันพระมหากษัตริย์ และน้อมนำพระราชดำรัสของพระองค์ท่านมาปฏิบัติตาม พร้อมบอกต่อแก่ลูกหลานในด้านการดำรงชีวิตอย่างพอเพียง รู้จักใช้จ่ายแบบประมาณตน มีกำลังแค่ไหนก็ใช้จ่ายเท่าที่มีไม่ใช้จ่ายเกินตัว” สมาชิกราชสกุลมาลากุล กล่าวด้วยสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณอย่างหาที่สุดมิได้

100 วันสวรรคตน้อมสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณมิเสื่อมคลาย

          “เอ๋” กัญญารัตน์ พลาดิศัย สาวสังคมที่ร่วมเป็นจิตอาสามาอย่างต่อเนื่อง นับจากวันแรกๆ กับการพับริบบิ้นสีดำและนำไปแจกจ่ายยังสถานที่ต่างๆ ไล่เรียงจนไปช่วยแจกของและนำของไปแจกที่สนามหลวง จนไปร่วมแพ็กข้าวพอเพียงที่สำนักนายกรัฐมนตรี และตอนนี้ยังร่วมทำดอกไม้จันทน์ บอกว่า ทุกอย่างที่ทำด้วยใจรัก ความจริงแล้วก่อนที่พระองค์ท่านจะสวรรคตก็ไปลงนามและไปสวดมนต์ถวายที่โรงพยาบาลอยู่เสมอ จนเมื่อพระองค์สวรรคตก็อยากทำทุกอย่างเพื่อพระองค์ท่าน และ สิ่งที่ได้จากการกระทำทั้งหมดนั้นคือได้เพื่อนใหม่ที่มีใจเดียวกัน คือใจที่รักในพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช อย่างมิมีเสื่อมคลาย และอย่างไม่ต้องการสิ่งใดๆ เลยตอบแทน  
          ถึงแม้เวลาจะผ่านไปเนิ่นนานเพียงใด หรือ แม้กระทั่งตลอดชั่วชีวิตนี้ เชื่อว่าคนไทยทุกคนก็ต่างน้อมสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณ พร้อมมอบดวงใจนี้เพื่อ พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช มิเสื่อมคลาย 

logoline

ข่าวที่น่าสนใจ