ข่าว

เกิดไม่ทัน... แต่ศรัทธาสัมผัสได้ด้วยใจ

เกาะติดข่าวสาร >> คมชัดลึก ออนไลน์
logoline

ด้วยซาบซึ้งในพระมหากรุณาธิคุณที่ในหลวง ร.9 ทรงงานเพื่อลูกหลาน พสกนิกรจึงนับถือเหมือนทรงเป็นของแผ่นดิน

      เกิดไม่ทัน... แต่ศรัทธาสัมผัสได้ด้วยใจ

     วันที่ 13 มกราคม ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันนี้สำนักพระราชวังเปิดประตูวิเศษไชยศรี พระบรมมหาราชวัง ตั้งแต่เช้ามืดเวลา 04.45 น.บรรยากาศเป็นไปด้วยความเรียบร้อย มีประชาชนเป็นหมู่คณะ นักเรียน นักศึกศา และครอบครัว พร้อมใจเดินทางมาถวายสักการะพระบรมศพอย่างเนืองแน่น แม้สภาพอากาศจะค่อนข้างร้อนอบอ้าว สลับกับมืดครึ้มเป็นบางช่วง แต่เหล่าพสกนิกรก็ไม่ย่อท้อแต่อย่างใด

      นางขันแก้ว ฟองสมุทร อายุ 64 ปี เดินทางมาพร้อมเพื่อนบ้าน ชาวบ้านช่อแล อ.แม่แตง จ.เชียงใหม่ รวม 11 คน ตั้งแต่บ่าย 2 ของวันที่ 12 มกราคม นับเป็นครั้งที่สองแล้วหลังจากเคยนำกล้วยหอมทองลงมาแจกจ่ายแก่ประชาชนที่มาท้องสนามหลวงเมื่อปลายปีก่อน โดยครั้งนี้ตั้งใจมารอสักการะพระบรมศพด้วยความเคารพ และคิดถึงองค์เหนือหัวรัชกาลที่ 9 อย่างสุดซึ้ง

เกิดไม่ทัน... แต่ศรัทธาสัมผัสได้ด้วยใจ

  นางขันแก้ว ฟองสมุทร (ที่ 4 จากซ้าย) และเพื่อนบ้าน

     “ช่วงก่อนปีใหม่อยากจะมากราบพระองค์ท่านมาก พวกเราเลยรีบทำงานสวนไร่กันให้เสร็จ แล้วรวมตัวกันมาอีกครั้ง ที่ อ.แม่แตง พระองค์เคยมาสร้างเขื่อนแม่งัดสมบูรณ์ชลเพื่อแก้ไขปัญหาน้ำท่วม และเสริมสร้างการทำเกษตรกรรมให้ชาวบ้าน จำได้ว่าเมื่อตอนเด็กๆ น้ำท่วมไหลเข้าบ้านตลอดปีละ 2 ครั้ง จนพระองค์มาสร้างเขื่อนให้ ก็ไม่ท่วมอีกเลยแถมหน้าแล้งยังมีน้ำใช้ ตอนที่พระองค์เสด็จมาเปิดเขื่อนอายุประมาณ 25 ก็ไปรอรับเสด็จด้วย ใจที่ได้เห็นพระพักตร์ในหลวงที่มาช่วยความเป็นอยู่เราให้ดีขึ้นมาก ปัจจุบันพื้นที่แม่แตงปลูกกล้วยหอม ลิ้นจี่ ดินน้ำสมบูรณ์ดีมาก เป็นสินค้าส่งออกทั้งในประเทศและต่างประเทศ ไม่มีน้ำท่วมชาวบ้านเลยมีรายได้ตลอดทั้งปีเลย วันนี้เข้าไปในพระที่นั่งก็คิดถึงท่านมากๆ ขอให้พระองค์ได้อยู่บนสรวงสวรรค์ ช่วยปกปักษ์รักษาประชาชนให้สงบสุขต่อไป ” นางขันแก้วกล่าว พร้อมเผยว่า หลังสงกรานต์นี้จะกลับมาสักการะพระบรมศพอีกครั้ง

     ด้านกลุ่มนักเรียนโรงเรียนทุ่งทรายวิทยา จ.กำแพงเพชร กว่า 50 คน ที่เดินทางมาพร้อมคณะอาจารย์ด้วยความสมัครใจ ทุกคนออกเดินทางด้วยรถบัสตั้งแต่ช่วงค่ำของวันที่ 12 และรอต่อแถวตอนตีสอง จนได้เข้ากราบพระบรมศพในช่วงเช้า ซึ่ง น.ส.พรทิพย์ กลิ่นเทียน อายุ 19 ปี นักเรียนชั้น ม.6/2 เผยความรู้สึกว่า ถึงจะเหนื่อยแต่ก็คุ้มค่ามากที่ได้มาสักการะพ่อหลวงสักครั้งในชีวิต พระองค์ทรงเหนื่อยเพื่อคนไทยมามาก การที่มารอในวันนี้ยังเหนื่อยไม่ได้เสี้ยวหนึ่งของสิ่งที่พระองค์ทำเลย

เกิดไม่ทัน... แต่ศรัทธาสัมผัสได้ด้วยใจ

น.ส.อรอุมา แก้วกระแสน (กลาง)-น.ส.พรทิพย์ กลิ่นเทียน (ขวาสุด)

     “รุ่นหนูไม่ทันได้เห็นพระราชกรณียกิจด้วยตาตัวเอง แต่ใช้วิธีการศึกษาจากหนังสือ และโทรทัศน์ ทำให้รู้ว่าท่านทำงานหนักมากจริงๆ และไม่ย่อท้อเลย จากนี้จะตั้งใจสานต่อสิ่งที่พระองค์สอนและทำให้เป็นแบบอย่างให้มากที่สุด เชื่อว่าเป็นสิ่งดีๆ ที่พระองค์มอบให้คนไทยอยู่ดีกินดีตลอดชีวิต ตอนนี้ที่บ้านจะปลูกผักทานเอง แบ่งขายบ้าง และยังใช้หลักเกษตรผสมผสานในพื้นที่รอบๆ บ้าน ปลูกดอกบัวขายด้วย มีกินใช้พอดี พอเพียงทึกวันมีความสุขมาก ” นักเรียนสาว เผยความรู้สึก

     ขณะที่เพื่อนในชั้นเรียน น.ส.อรอุมา แก้วกระแสน อายุ 19 ปี เล่าว่า ที่โรงเรียนจะสอนให้ใช้ชีวิตแบบพอเพียง เริ่มจากให้รู้จักการปลูกข้าวปลูกพืชผักทานเอง ทำเป็นอาหารกลางวันและขายบ้าง ซึ่งที่บ้านก็ทำสวนทำไร่อยู่แล้ว เลยได้ความรู้จัดสรรพื้นที่ทำสวนผสม ให้ได้ประโยชน์เกื้อกูลกัน วันนี้ได้เข้าไปกราบพระองค์แล้วรู้สึกทั้งตื่นเต้น ขนลุก เพราะไม่เคยมีโอกาสได้รับเสด็จพระองค์เลย ถึงจะมาเห็นตอนที่พระองค์อยู่ในพระบรมโกศแต่เรารู้เรื่องราวที่ทรงทำให้ชาวไทยอยู่ในใจแล้ว รู้สึกสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณ และใช้โอกาสนี้พนมมือขอพรให้สอบเข้ามหาวิทยาลัยสำเร็จตามที่ตั้งใจไว้ จะตั้งใจอ่านหนังสือให้ดีที่สุด

เกิดไม่ทัน... แต่ศรัทธาสัมผัสได้ด้วยใจ

นางมนัญญา สิทธิสังข์ (ซ้าย)

      ส่วน นางมนัญญา สิทธิสังข์ อายุ 48 ปี  เกษตรกรจาก อ.พลับพลาชัย จ.บุรีรัมย์ เดินทางมาพร้อมญาติๆ รวม 11 คนโดยเหมารถตู้มากันเอง กล่าวว่า อยากจะมาตั้งแต่ได้ทราบข่าวการเสด็จสวรรคตของในหลวง ร.9 จนวันนี้มีเวลาว่างตรงกันถือเป็นโอกาสดีที่ได้มากราบพระองค์ก่อนครบ 100 วัน ความรู้สึกของตัวเองถือว่ายังได้อยู่ในรัชสมัยพระองค์ท่าน ได้มาใกล้ชิด ทั้งนี้ เพราะด้วยซาบซึ้งในพระมหากรุณาธิคุณที่ทรงงานเพื่อลูกหลาน จึงนับถือเหมือนพระองค์เป็นพ่อ เป็นพ่อของแผ่นดิน ซึ่งที่ผ่านมาไม่มีโอกาสได้รับเสด็จ แม้ทรงเคยเสด็จฯ มาที่ อ.กระสัง จ.บุรีรัมย์ ซึ่งเป็นอำเภอใกล้เคียง แต่ด้วยบ้านที่อยู่ห่างไปหลายกิโลเมตรก็รู้สึกได้ถึงความห่วงใยในประชาชนของท่าน เนื่องด้วยความแห้งแล้งของภาคอีสาน ทรงเห็นถึงปัญหาแล้วเสด็จมาทอดพระเนตรด้วยพระองค์เอง ดังภาพที่เผยแพร่ออกมาเป็นผู้ชายนุ่งผ้าขาวม้านั่งที่พื้นดินแตกระแหงรับเสด็จพระองค์ท่านเมื่อหลายสิบปีก่อน กระทั่งทรงมีรับสั่งให้สร้างอ่างเก็บน้ำจนมีน้ำกิน น้ำใช้ เพียงพอทำเกษตรกรรมยังประโยชน์จนถึงปัจจุบัน

     “บ้านเราเป็นเกษตรกรได้น้อมนำทฤษฎีการทำนาของพระองค์ท่านมาใช้ รวมถึงได้เลี้ยงวัวควายนำมูลสัตว์มาทำเป็นปุ๋ยคอก งดการใช้ปุ๋ยเคมี ทำเกษตรอินทรีย์ ปลูกพืชผักไว้กินเองโยไม่จำเป็นต้องปลูกเยอะ แต่ปลูกกันคนละชนิดกับเพื่อนบ้านในหมู่บ้านแล้วนำมาแลกเปลี่ยนกินกัน นอกจากนี้ยังใช้เวลาหลังเก็บเกี่ยวข้าวมาทอเสื่อกกและทอผ้าไหมเอาไว้ใช้เอง ลดค่าใช้ได้อีกส่วนหนึ่ง ถือเป็นการใช้ชีวิตอย่างพอเพียงเดินตามรอยพ่อของแผ่นดิน” นางมนัญญา กล่าว

logoline

ข่าวที่น่าสนใจ