สวยพร้อมในทุกโอกาส

       เดอะ แพร์รอท (The Parrot) แบรนด์เสื้อผ้าภายใต้คอนเซ็ปต์ ออล เดย์ แฟชั่น ซึ่งสามารถสวมใส่ได้ทุกโอกาสตั้งแต่ทำงานไปจนถึงดินเนอร์หรือแฮงค์เอาท์กับเพื่อนๆ ก็ดูดีมีสไตล์ โดยได้แรงบันดาลใจจากเสน่ห์ของนกแก้วที่แสดงออกถึงความมั่นใจในการสื่อสาร มาสะท้อนผ่านเสื้อผ้าในหลากหลายดีไซน์ ซึ่งแต่ละคอลเลกชั่นจะแตกต่างกันไป ขึ้นอยู่กับมุมมองของนกเจ้าเวหา ภาพมุมสูงจากสายตาอันเฉียบแหลม สามารถมองเห็นความเปลี่ยนแปลงของสิ่งแวดล้อมและบรรยากาศเบื้องล่างได้อย่างชัดเจนและครอบคลุม ภายใต้บรรยากาศในฤดูต่างๆ

      สำหรับคอลเลกชั่นล่าสุดนี้เตรียมต้อนรับท้องฟ้าที่สดใส พร้อมเข้าสู่ฤดูหนาวและช่วงเวลาแห่งความสุข  ภายใต้ชื่อ อาฟเตอร์ เดอะ เรน โดยได้แรงบันดาลใจจากสายฝน ท้องฟ้าและบรรยากาศอึมครึมในฤดูฝนที่กำลังจะจากไป เหลือไว้เพียงความชุ่มชื้นและอากาศที่สงบและเย็นสบาย เปรียบเหมือนสภาวะงานที่ยุ่งเหยิงในช่วงปลายปีเริ่มคลายตัวลง ให้สาวๆ ได้ปรับโหมดผ่อนคลายลงพร้อมต้อนรับความสนุกสนานที่กำลังจะมาถึง

       โดยหยิบเรื่องราวของการเดินทางของฝนมานำเสนอ ซึ่งเล่นกับเส้นตั้งและการเคลื่อนไหวเป็นหลัก โดยหยิบลักษณะพิเศษต่างๆ มาใช้ 4 ลักษณะด้วยกัน ได้แก่ สายฝน ใช้การปักแท่งคริสตัล ซ่อนบริเวณพลีททวีส เพื่อสร้างสรรค์ให้เสื้อผ้าที่ดูเรียบคลาสสิก เกิดความน่าสนใจเมื่อมีการขยับ ส่งผลให้คริสตัลเปล่งประกายเมื่อโดนแสงตกระทบ อีกทั้งยังนำเอกลักษณ์ตามธรรมชาติของสายฝนที่มักจะห่างตอนต้นและถี่ตอนปลายมาใช้ทั้งในการปักคริสตัล รวมไปถึงกระดุมเพิ่มความพิเศษให้กับเสื้อผ้าได้เป็นอย่างดี

      การไหลของสายน้ำ ที่ไหลผ่านทุกสรรพสิ่งทั้งต้นไม้ ใบหญ้า ซึ่งการไหลของน้ำฝนจะมีลักษณะที่ไหลรวมกันเป็นทางยาวอย่างต่อเนื่องตามลำต้นกิ่งไม้ใหญ่จากนั้นแตกสายออกไปตามกิ่งเล็กกิ่งน้อยและตกลงบนพื้นดินตามอิสระ ทางแบรนด์จำลองปรากฏการณ์นี้โดยใช้โซ่เมทัลลิก หลายรูปแบบหลายเส้นสายมาเย็บให้ส่วนบนรวมกันและปล่อยปลายโซ่ฟรี ให้สามารถสะบัดได้อย่างอิสระ นอกจากนี้สายน้ำยังไหลผ่านผืนดิน ภูเขา หินทราย โดยเส้นทางเหล่านี้จะถูกกัดเซาะจนเกิดเส้นคดโค้งไปมา ซึ่งนำมาใช้กับปกสูท ชายเสื้อ ชายกระโปรง อันโดดเด่นด้วยเส้นโค้งอิสระที่ไม่คำนึงถึงความสมมาตรตามแบบธรรมชาติของเส้นน้ำ และเมื่อนำเส้นโค้งมาผสมกับพลีทซึ่งเป็นซิกเนเจอร์ของเดอะ แพร์รอท ยิ่งทำให้เกิดการผสมผสานของเส้นสายที่สมบูรณ์แบบมากยิ่งขึ้น

      วงน้ำ เกิดจากการตกกระทบผืนน้ำของเม็ดฝน เส้นน้ำที่กระเพื่อมออกเป็นวงอย่างสวยงาม ได้นำเทคนิคเดรปปิ้งมาเลียนแบบวงน้ำ เพื่อให้ได้จีบถ่วง ที่ดูหรูหราแต่ไม่เป็นทางการ ให้ความรู้สึกสบายและเป็นธรรมชาติ และสุดท้าย ไอฝน ที่เกาะตามจุดต่างๆ โดยเฉพาะตามกระจกอาคารสูงๆ ทำให้ภาพที่มองผ่านกระจกจะเบลอ จึงใช้หนังปั๊มนูนต่ำคล้ายการสานเกิดเป็นตารางสีฟ้าหลากหลายเฉดคล้ายภาพเบลอ

     แรงบันดาลใจที่หลากหลาย ทำให้เกิดไอเดียสร้างสรรค์และคัดเลือกวัสดุให้สอดคล้อง จึงมีการเทคนิคการตัดเย็บและวัสดุที่หลากหลายมาใช้ อาทิ แท่งคริสตัล โซ่เมทัลลิก และหนัง โดยเลือกหนังเนื่องจากมีความแข็งแรงและมีน้ำหนัก สามารถคงความเป็นเส้นตั้ง สะท้อนความสงบ เย็นฉ่ำของฝนได้ดี โดยคอลเลกชั่นยังคงความเรียบเท่ คลาสสิกตามคาแรกเตอร์ของแบรนด์เช่นเคย แต่เซอร์ไพรส์สาวๆ ด้วยการเพิ่มความเซ็กซี่ ขี้เล่นด้วยดีเทลด้านหลัง ซึ่งล้อไปกับคำว่าฟ้าหลังฝนได้เป็นอย่างดี อีกทั้งยังมีดีเทลด้านข้างเล็กน้อย เพื่อดึงดูดความสนใจได้โดยรอบตลอดทั้ง 360 องศา

      คอลเลกชั่นนี้ใช้สีเอิร์ธโทนเป็นหลัก ได้แก่ สีขาว สีเบจ สีฟ้า สีน้ำเงิน และสีเขียว มีทั้งหมด 24 ไอเท็ม อาทิ เบลเซอร์ สูท เสื้อ จัมพ์สูท กางเกงขาสั้น กระโปรงยาว เดรสสั้น เดรสยาว แต่เดรสจะน้อยลง เพื่อให้สาวๆ ได้นำเสื้อผ้าแต่ละชิ้นมามิกซ์แอนด์แมทช์ได้อย่างสนุกสนานมากยิ่งขึ้น พิเศษยิ่งไปกว่านั้นด้วยไอเท็มที่มี 2 ชิ้น โดยแต่ละชิ้นจะมีดีเทลที่น่าสนใจซ่อนอยู่ซึ่งสามารถใส่แยกชิ้นได้ สามารถสร้างลุคใหม่ที่แตกต่างได้อย่างชัดเจน ด้านสูทและเบลเซอร์ ซึ่งถือว่าเป็นคีย์ไอเท็มของคอลเลกชั่นนี้ ซึ่งพิถีพิถันตั้งแต่การคัดเลือกผ้าเนื้อละเอียด ใส่สบายและใช้ผ้าชนิดเดียวกันเป็นซับใน เพื่อให้ผ้าที่สัมผัสกับผิวด้านใน ระบายความร้อนและมีผิวสัมผัสที่อ่อนนุ่ม อีกทั้งยังใช้เทคนิคการตัดเย็บซ่อนตะเข็บอีกด้วย