"ตื่นเต้นระลึกถึงสิ่งที่ในหลวงทรงมีพระเมตตากับคนไทย" คำกล่าวจากใจสาวพิการทางสายตา
เมื่อวันที่ 29 ธ.ค.สำนักพระราชวังได้สรุปยอดรวมประชาชน ที่เดินทางมาสักการะพระบรมศพ เมื่อวันที่ 28ธ.ค. หลังสำนักพระราชวัง ปิดไม่ให้ประชาชนเข้าพระบรมมหาราชวัง เพื่อขึ้นกราบสักการะพระบรมศพพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช บนพระที่นั่งดุสิตมหาปราสาท ในเวลา 23.37น. จากกำหนดเดิมเวลา 21.00น. เนื่องจากยังมีประชาชนเข้าแถวรอเข้ากราบพระบรมศพในมณฑลพิธีสนามหลวงเป็นจำนวนมาก ว่า มีจำนวนทั้งสิ้น 56,181 คนรวม 59 วัน มี 2,460,887 คน และมีประชาชนถวายเงินเพื่อร่วมบำเพ็ญพระราชกุศลเป็นเงิน 5,106,683 บาทรวม 59 วัน เป็นเงินทั้งสิ้น 197,653,824.75 บาท
โดยบรรยากาศในช่วงเช้า ประชาชนยังคงเดินทางมากราบสักการพระบรมศพอย่างเนืองแน่น โดยทางสำนักพระราชวังได้เปิดให้ประชาชนเข้าไปยังพระที่นั่งดุสิตมหาปปราสาทในพระบรมหาราชวัง ตั้งแต่เวลา 4. 45 น. หลายคนใช้โอกาสก่อนวันหยุดยาว เดินทางมากราบสักการะพระบรมศพ ให้สมความตั้งใจ
พลอยชมพู วิลัยหก-เอมวิภา เหม็งศรี
สองสาวผู้พิการทางสายตาตั้งแต่กำเนิด น.ส.พลอยชมพู วิลัยหก อายุ 21 ปี และ น.ส.เอมวิภา เหม็งศรี อายุ 20 ปี นักศึกษาคณะศิลปกรรมศาสตร์ เอกการขับร้อง มหาวิทยาลัยรามคำแหง พร้อมใจกันใช้เวลาในวันหยุดเดินทางมาสักการะพระบรมศพ โดยเดินทางมาด้วยรถแท็กซี่ในตอนเช้า และตั้งใจใช้บริการขนส่งมวลชน กลับหอพักย่านรามคำแหง เหมือนคนปกติ
น.ส.พลอยชมพู เผยความรู้สึกว่า ประทับใจที่เดินทางเข้ามากราบพระบรมศพ ได้สำเร็จส่วนตัวได้ยินเรื่องราวของพระองค์ท่านมากเยอะมาก จากการบอกต่อของรุ่นพี่ในโรงเรียนสอนคนตาบอดกรุงเทพฯ ว่าพระองค์เป็นผู้มีพระเมตตาต่อผู้พิการทางสายตามาก สมัยก่อนพระองค์โปรดทรงดนตรีกับนักเรียนตาบอดทุกปี ไม่ถือพระองค์เลย พร้อมให้กำลังใจ สอนผู้พิการให้สู้กับโชคชะตา ใช้ชีวิตอย่างมีคุณค่าไม่ท้อถอย
“ส่วนตัวคิดว่าในฐานะคนไทย อยากทำอะไรสักอย่าง และเป็นโอกาสดีที่เรามาอยู่กรุงเทพด้วยมาได้สบายมาก ลำบากนิดหน่อยตรงทีื่่มีปัญหาเรื่องสายตาทั้งคู่ ต้องถามทางขอความช่วยเหลือคนรอบๆ ตัวด้วย ซึ่งก็ได้รับการช่วยเหลืออย่างดีมาตลอดทาง พอมาที่นี่ก็มีเจ้าหน้าที่อำนวยความสะดวก นำทางเข้ามาจนได้เข้ากราบ ตอนเข้าไปรู้สึกตื่นเต้นระลึกถึงสิ่งที่ในหลวงทรงมีพระเมตตากับคนไทย และรู้ได้ว่าการมาที่นี่สำหรับผู้พิการทางสายตา ไม่ได้ยากอย่างที่คิดเลย ถ้าเรามีความตั้งใจ และกล้าขอความช่วยเหลือจากคนอื่นๆ ก็มาถึงได้เช่นกัน ” น.ส พลอยชมพู กล่าวด้วยความปลื้มใจ
วิภารัตน์ สิริบูรณ์ และครอบครัว
น.ส.วิภารัตน์ สิริบูรณ์ อายุ 33 ปี ชาว จ.สมุทรปราการ ที่เดินทางมากราบสักการะพระบรมศพ พร้อมกับสามีและลูกสาว กล่าวว่า มาเข้าคิวที่สนามหลวงตั้งแต่เวลา 03.00 น. และได้เข้ากราบสักการะพระบรมศพประมาณ 11.00 น. คิดว่ารอไม่นานและไม่รู้สึกเหนื่อยเลย โดยครั้งนี้มาเป็นครั้งที่ 2 แล้ว ถ้ามีโอกาสก็อยากจะมาอีก เพราะรักและคิดถึงพระองค์มาก ตั้งแต่จำความได้ ก็เห็นพระองค์ทรงงานหนักเพื่อประชาชนและประเทศชาติมากมาย ส่วนตัวได้น้อมนำหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงมาวช้ในการดำเนินชีวิตและใช้จ่ายอย่างประหยัด
“พระองค์ทรงเป็นพระมหากษัตริย์ที่ดีมาก ในชีวิตนี้ยังไม่เคยมีโอกาสได้รับเสด็จก็รู้สึกเสียดายมาก แต่ภูมิใจและดีใจมากที่ได้เกิดมาในรัชกาลที่ 9ได้อธิษฐานขอให้ชาติหน้าได้เกิดมาอยู่ใต้บรมโพธิสมภารของพระองค์อีก ตั้งใจจะทำความดีและเป็นคนดีของสังคมเพื่อตอบแทนพระมหากรุณาธิคุณ”
รุ่งรัตน์ - เสลา ก้อนแก้ว
นางเสลา ก้อนแก้ว อายุ 89 ปี ชาวนนทบุรี กล่าวหลังกราบสักการะพระบรมศพ ว่า ตั้งใจที่จะเดินทางมากราบสักการะพระบรมศพ เพราะซาบซึ้งและประทับใจในทุกทุกอย่างที่พระองค์ท่านทรงมีพระมหากรุณาธิคุณต่อประชาชนคนไทย รักในหลวงรัชกาลที่ 9 และพระบรมวงศานุวงศ์ทุกพระองค์ เคยได้ไปลงนามถวายพระพรและรับเสด็จในหลวงรัชกาลที่ 9 ที่โรงพยาบาลศิริราช พระองค์ทรงแย้มพระสรวลและยกพระหัตห์ให้ประชาชนที่รับเสด็จ รู้สึกปลื้มใจมาก
ส่วนนางรุ่งรัตน์ ก้อนแก้ว ผู้เป็นลูกสาว กล่าวเสริมว่า ภูมิใจที่เกิดเป็นคนไทยและได้อยู่ใต้พระบรมโพธิสมภารของในหลวงรัชกาลที่ 9 ตอนที่ทราบข่าวการสวรรคตเสียใจมาก อยากให้ยังอยู่ต่อเป็นขวัญกำลังใจประชาชนและประเทศชาติ ที่ผ่านมาเห็นพระองค์ทรงงานหนัก ทรงนึกถึงประชาชนก่อนเสมอ เสด็จไปบำบัดทุกข์บำรุงสุขให้ประชาชนทั่วถิ่นแดนไทย หาผู้ที่จะมาเปรียบเทียบได้ เวลาที่ท้อแท้ก็จะนึกถึงพระองค์ท่านเสมอ และจะยึดเป็นแนวทางในการดำเนินชีวิต ทั้งนี้ แม้ว่าในชีวิตนี้จะมีโอกาสให้รับเสด็จและชมพระบารมีของพระองค์ท่านเพียงครั้งเดียว สมัยที่เรียน ป.5 โรงเรียนพิบูลอุปถัมภ์ โดยได้เป็นตัวแทนรอรับเสด็จครั้งที่พระองค์ท่านเสด็จพระราชดำเนินผ่านเส้นทางหน้าโรงเรียนฯ ได้เห็นพระองค์ท่านบนรถพระที่นั่ง รู้สึกตื้นตัน และแม้เป็นระยะเวลาสั้นๆ แต่ยังจำได้ไม่ลืม
ครอบครัวม่วงรี
นายบุญเพิ่ม ม่วงรี อายุ 64 ปี ชาวพระประแดง จ.สมุทรปราการ เดินทางพร้อมภรรยา และลูกสาว นางณิญาภา สุวรรณคัณฑิ และหลานด.ญ.ไหมพิมพ์ สุวรรณคัณฑิ พร้อมน้องสาว นางบุญเกื้อ ม่วงรี โดยได้มาต่อแถวเวลา 03.45 น. และได้เข้ากราบสักการะพระบรมศพเวลา 08.30 น. กล่าวว่า วันนี้ครอบครัวมากัน 5 คน ที่เลือกมาวันนี้เพราะช่วงนี้เป็นช่วงวันหยุดปีใหม่ จะได้เดินทางมาพร้อมครอบครัว ทั้งนี้คาดว่าผู้คนส่วนหนึ่งจะเดินทางออกต่างจังหวัด ทำให้คิวที่รอสักการะพระบรมศพไม่หนาแน่นมากนัก ซึ่งรวม ๆ รอประมาณ 5 ชั่วโมง ถือว่าเร็วกว่าคนอื่นที่เคยเห็นตามข่าวว่ารอถึง 12 ชั่วโมง การที่ได้มากราบสักการะท่านรู้สึกปลาบปลื้มใจมากที่ได้มากราบสักการะพระบรมศพ ในหลวงรัชกาลที่ 9 และขอเป็นข้ารองพระบาทของพระองค์ทุกชาติไป ระหว่างที่อยู่ในพระที่นั่งดุสิตก็อธิษฐานขอให้พระองค์เสด็จสู่สวรรคาลัย
ขณะที่นางบุญเกื้อ น้องสาว กล่าวว่า ในหลวงรัชกาลที่ 9 ทรงมีพระมหากรุณาธิคุณต่อชาวสมุทรปราการเป็นอย่างมา โดยเฉพาะอย่างยิ่งสะพานภูมิพล ที่มาจากพระราชดำริ เพื่อเชื่อมต่อการเดินทางกรุงเทพฯ-สมุทรปราการ ให้สั้นลง รวมทั้งยังช่วยเรื่องการจราจรที่ติดขัดได้ด้วย หากไม่มีพระราชดำริของพระองค์ท่าน การเดินทางของคนพระประแดงและสมุทรปราการต้องใช้ระยะเวลาหลายชั่วโมง ไม่สามารถเดินทางได้เร็วเหมือนทุกวันนี้ โดยตัวเองทำงานด้านบัญชี อยู่แถวเพลินจิต การเดินทางมาที่ทำงานจากบ้านไม่เกินชั่วโมง จากเดิมที่บางวันใช้เวลากว่า 3 ชั่วโมง
ข่าวที่เกี่ยวข้อง