ข่าว

เปลี่ยนอารมณ์ชมเมืองฮานอย

เกาะติดข่าวสาร >> คมชัดลึก ออนไลน์
logoline

เที่ยวใกล้ไทย ชมวิถีแตกต่างที่ฮานอย

เปลี่ยนอารมณ์ชมเมืองฮานอย

   วิถีชีวิตบนฟุตบาท

     หลังจากสัมผัสไอเย็นพร้อมสูดอากาศดีๆ ที่ “ซาปา” จนเต็มปอดแล้ว ก่อนเดินทางกลับประเทศไทยด้วยสายการบิน “นกแอร์” ยังพอมีเวลาที่จะได้เปลี่ยนอารมณ์มาพบกับความยุ่งเหยิงใน “กรุงฮานอย” เมืองหลวงของเวียดนามกันบ้าง การเดินทางจากซาปามาถึงฮานอยใช้เวลาราว 5 ชั่วโมง ซึ่งเป็นช่วงเวลาให้เราได้ทำใจก่อนจะเข้าไปปะทะกับความวุ่นวายในเมืองใหญ่ที่เต็มไปด้วยรถมอเตอร์ไซค์มากถึง 7-8 ล้านคัน ขณะที่ประชาชนในฮานอยมีราว 10 ล้านคน “ต้น” ไกด์หนุ่มคนเดิมเล่าว่า คนฮานอยมักใช้ชีวิตอยู่บนฟุตบาทตั้งแต่เช้าจรดค่ำ ร้านค้าที่จะพบเห็นมากที่สุดคือร้านกาแฟ คนที่นี่จะเลือกนั่งตามร้านที่อยู่ใกล้สามแยก-สี่แยก และจะนิยมนั่งบนฟุตบาทริมถนนซึ่งต่างกับคนไทยที่จะเลือกรับแอร์เย็นๆ ด้านในร้าน นอกจากกนี้จะมีร้านน้ำชาที่จะพบเห็นได้ทั่วไป ส่วนช่วงเย็นร้านที่ขายดีอีกประเภทหนึ่งคือร้านขายเบียร์สดซึ่งราคาถูกมากหากเทียบกับบ้านเรา

เปลี่ยนอารมณ์ชมเมืองฮานอย สุสานโฮจิมินห์

เปลี่ยนอารมณ์ชมเมืองฮานอย

ทำเนียบประธานาธิบดี

เปลี่ยนอารมณ์ชมเมืองฮานอย

บ้านพักโฮจิมินห์

      คนที่มาเที่ยวฮานอยนอกจากจะได้ศึกษาวิถีชีวิตของคนท้องถิ่นแล้ว บอกเลยว่าสถานที่ท่องเที่ยวน่าสนใจมีให้เลือกชมหลายแห่งทีเดียว ที่นักท่องเที่ยวนิยมกันมากและไม่ควรพลาดก็อย่าง จัตุรัสบาดิ่งห์ เป็นจัตุรัสใหญ่ใจกลางเมือง ซึ่งบริเวณนั้นสามารถเดินเที่ยวชมสถานที่สำคัญอื่นๆ ได้อีกหลายแห่ง ได้แก่ สุสานโฮจิมินห์ ตัวอาคารสูงใหญ่ตั้งตระหง่านอยู่ใจกลางจัตุรัส สร้างด้วยหินอ่อนและหินแกรนิต เป็นสถานสถานที่เก็บรักษาร่างของโฮจิมินห์ที่นอนสงบอยู่ในโลงแก้ว จุดนี้ถือเป็นแลนด์มาร์คที่นักท่องเที่ยวต้องแชะภาพเป็นที่ระลึก ไม่ห่างกันมากนักเป็นส่วนของ ทำเนียบประธานาธิบดี ตัวอาคารเด่นชัดด้วยทรงโคโลเนียลสีเหลือง แต่สามารถชมได้เพียงด้านนอกเท่านั้นเนื่องจากปัจจุบันยังคงใช้เป็นที่รับรองแขกสำคัญของทางการเวียดนาม ขณะที่ด้านหลังทำเนียบเป็นที่ตั้งของบ้านพักโฮจิมินห์ ซึ่งเป็นบ้านไม้หลังเล็กๆ ยกพื้นสูง ซึ่งโฮจิมินห์ใช้เป็นที่อยู่อาสัยจนถึงวาระสุดท้ายของชีวิต ด้านในมีเพียงห้องนอนและห้องทำงานสามารถเดินขึ้นไปชมด้านบนได้ 

เปลี่ยนอารมณ์ชมเมืองฮานอย

 หอไตรวัดเสาเดียว

เปลี่ยนอารมณ์ชมเมืองฮานอย

 พิพิธภัณฑ์โฮจิมินห์ 

    เดินเข้าไปข้างในอีกหน่อยจะเจอ หอไตรวัดเสาเดียว เป็นศาลาเก๋งจีนขนาดเล็กตั้งอยู่บนเสาต้นเดียว สร้างเพื่อถวายแด้เจ้าแม่กวนอิม ภายในประดิษฐานเจ้าแม่กวนอิมปางสิบกรที่ผู้คนนิยมเดินทางมาขอบุตร ในบริเวณเดียวกันยังมี พิพิธภัณฑ์โฮจิมินห์ เป็นอาคารสมัยใหม่จัดแสดงนิทรรศการมากมาย รวมถึงข้าวของเครื่องใช้ต่างๆ ของโฮจิมินห์ ออกจากบริเวณจัตุรัสบาดิ่งห์เดินต่อไปไม่ไกลจะเห็น ป้อมปราการจักรพรรดิแห่งทังลอง ตั้งตระหง่านอย่างสง่างาม ป้อมปราการนี้ได้รับการลงทะเบียนให้เป็นมรดกโลก จากองค์การยูเนสโก เมื่อปี 2553 ด้วยเหตุที่เป็นแหล่งอารยธรรมในเขตลุ่มแม่น้ำแดงตอนล่างตั้งอยู่ระหว่างอิทธิพลของอาณาจักรฮั่นและอาณาจักรจัมปาทางใต้ 

เปลี่ยนอารมณ์ชมเมืองฮานอย

วิหารวรรณกรรม

เปลี่ยนอารมณ์ชมเมืองฮานอย

แผ่นศิลาจารึกชื่อจอหงวน

เปลี่ยนอารมณ์ชมเมืองฮานอย

วัดเนินหยก

    จุดหมายปลายทางต่อไปคือ วิหารวรรณกรรม ภาษาเวียดนามเรียก “วันเหมียว” เป็นมหาวิทยาลัยแห่งแรกของประเทศเวียดนาม ภายในมีแผ่นหินจารึกชื่อผู้ที่สอบผ่านการศึกษาอยู่บนหลังเต่าเรียกว่า “แผ่นศิลาจารึกชื่อจอหงวน” อีกหนึ่งความงดงามที่พลาดไม่ได้คือ ทะเลสาบคืนดาบ หรือทะเลสาบฮว่านเกี๋ยม จุดกำเนิดเรื่องเล่สของการคืนดาบศักดิ์สิทธิ์ของจักรพรรดิ เล เหล่ย แห่งราชวงศ์เล ได้ใช้ดาบในการขับไล่ชาวจีนให้ออกไปจากเวียดนาม ขณะทรงประทับเรือไปกลางทะเลสาบเพื่อคืนดาบวิเศษให้กับเต่าศักดิ์สิทธิ์ กล่าวกันว่าเต่าได้ขึ้นมาฉกดาบจากพระหัตถ์ของพระองค์แล้วหายไปในทะเลสาบ บริเวณเดียวกันมี วัดเนินหยก เป็นวัดเก่าแก่ที่สร้างขึ้นพร้อมๆ กับ หอคอยทาพรัว ด้านหน้ามีสะพานแสงอาทิตย์สีแดงสดใสถือเป็นอีกหนึ่งเอกลักษณ์สำคัญของกรุงฮานอย 

เปลี่ยนอารมณ์ชมเมืองฮานอย

เจดีย์เตริ่นกว็อก

   ขณะที่อีกมุมของฮานอยเป็น ทะเลสาปตะวันตก และเจดีย์เตริ่นกว็อก เจดีย์เก่าแก่ที่สุดในเวียดนามลักษณะเป็นเจดีย์สีชมพูไล่ระดับซ้อนขึ้นไปเป็นชั้นๆ สร้างในศตวรรษที่ 6 ด้วยการผสมสถาปัตยกรรมระหว่างจีน เวียดนาม ญี่ปุ่น ภายในวัดมีต้นศรีมหาโพธิ์ซึ่งเป็นของขวัญจากประเทศอินเดียปลูกไว้ที่นี่ด้วย

 

logoline

ข่าวที่น่าสนใจ