ข่าว

ทายาทรุ่น4เปิดใจขาย‘ปาร์คนายเลิศ’หมื่นล้าน

เกาะติดข่าวสาร >> คมชัดลึก ออนไลน์
logoline

“ณพาภรณ์ โพธิรัตนังกูร”ทายาทรุ่น 4 เผยการตัดสินใจครั้งสำคัญขาย“โรงแรมสวิสโฮเต็ล ปาร์คนายเลิศ” 10,800 ล้านบาท พร้อมปิดกิจการสิ้นปีนี้

                  หลังบริษัท กรุงเทพดุสิตเวชการ จำกัด (มหาชน) หรือ บีดีเอ็มเอส เครือโรงพยาบาลที่ใหญ่ที่สุดในไทย แจ้งตลาดหลักทรัพย์ ถึงการเข้าซื้อที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง โรงแรมสวิสโฮเต็ล ปาร์คนายเลิศ ด้วยเงิน 10,800 ล้านบาท ก่อนแปลงโฉมโรงแรมอายุ 36 ปีแห่งนี้ เป็น “ศูนย์สุขภาพครบวงจร” แห่งแรกในเอเชีย

                  วานนี้ (30 ก.ย.)"เล็ก" ณพาภรณ์ โพธิรัตนังกูร กรรมการผู้จัดการโรงแรมปาร์คนายเลิศ จำกัด ทายาทรุ่น 4 เปิดใจ “เนชั่นทีวี” ถึงการที่ครอบครัวตัดสินใจครั้งสำคัญขายโรงแรมสวิสโฮเต็ล ปาร์คนายเลิศ โดยจะปิดกิจการภายในสิ้นปีนี้ โดยระบุว่า เรื่องขายโรงแรมได้หารือกับผู้ใหญ่ และคนในครอบครัว เห็นร่วมกันว่า ต้องการพัฒนาพื้นที่บริเวณดังกล่าว (ที่ดิน 15 ไร่และสิ่งปลูกสร้างบนถนนวิทยุ) ให้มีศักยภาพมากขึ้น

                  “เราต้องการพัฒนาพื้นที่ที่มีให้ดีขึ้นเรื่อยๆ และอยากได้โครงการที่ดีมาอยู่บนพื้นที่ของเรา ที่ผ่านมามีหลายคนสนใจพื้นที่ตรงนี้มานานแล้ว มีคนติดต่อมาเยอะแต่ยังไม่ลงตัว เลยมาจบที่บีดีเอ็มเอส (เครือโรงพยาบาลกรุงเทพ ธุรกิจของนายแพทย์ปราเสริฐ ปราสาททองโอสถ)”

                  เธอย้ำว่า การจะขายที่ดินและสิ่งปลูกสร้างให้ใคร สิ่งแรกที่ต้องประเมินคือ ดูว่าจะซื้อ มาทำอะไร เรื่องนี้เป็นสิ่งสำคัญอันดับแรก

                 "ก็มีจากหลายกลุ่ม เมืองนอกก็มีที่เคยติดต่อมา เราเป็นพื้นที่อยู่ตรงนี้ เก่าแก่ตรงนี้ อยากให้มีโครงการที่ดี มีวิสัยทัศน์เดียวกัน เป็นกลุ่มคนไทยด้วยกัน เราต้องดูว่าเป็นใคร แล้วจะเอาพื้นที่ไปทำอะไร แต่ก่อนนายเลิศ  ซึ่งเป็นคุณทวดได้สร้างโรงพยาบาลเหมือนกัน คือ โรงพยาบาลเลิศสิน แล้วก็ให้รัฐบาลบริหารต่อ ส่วนที่ว่าเพราะกลุ่มบีดีเอ็มเอสเป็นกลุ่มที่ให้ราคาสูงสุดนั้น เราดูที่โปรเจคว่าเขาจะทำอะไรมากกว่า”

                  ไฮโซสาว ยังแจกแจงว่า ที่ดินที่ขายไปมีทั้งหมด 15 ไร่ เป็นเพียงที่ดินส่วนหนึ่งของที่ดินทั้งหมดในบริเวณดังกล่าวที่มีเกือบ 40 ไร่

                 โดยในส่วน 15 ไร่ แบ่งเป็นพื้นที่ส่วนของโรงแรม และส่วนของอาคารสำนักงาน Promenade โดยย้ำว่าในส่วนของบ้านปาร์ค นายเลิศ (อายุ 100 ปี) ยังไม่ขาย ยังให้บริการจัดเลี้ยง ร้านอาหารมา เมซอง (ร้านอาหารฝรั่งเศส ที่พินิจ สมบัติศิริ ผู้เป็นตา เป็นผู้ก่อตั้ง) ยังดำเนินกิจการ ไม่ได้ขาย

                “ส่วนการทำความเข้าใจกับพนักงาน วันที่มีประกาศให้พนักงานได้ทราบ เล็กสะเทือนใจ และลำบากใจมาก เป็นสปีชที่ลำบากใจที่สุดในชีวิต เล็กเข้าใจว่าหลายคนทำงานมาตั้งแต่วันแรก เขาก็เห็นเล็กวิ่งเล่นมาแต่เด็กๆ  แต่ก็อยากให้ทุกคนเข้าใจ และสนับสนุนเราจนถึงวันสุดท้าย แต่ที่เล็กดีใจ คือ หนังสือพิมพ์ทุกฉบับ เขียนว่า ตำนานปาร์คนายเลิศ คำนี้เป็นคำที่เราอยากใช้มันต่อไป ปาร์คนายเลิศยังอยู่ เล็กยังอยากสร้างตำนานนี้ต่อไปเรื่อยๆ ไม่ใช่ว่าที่ขายไปแล้วทำให้ปาร์คนายเลิศ ปิด หรือจบ หรือตำนานนี้พังไป แต่เล็กจะต่อยอดตรงนี้ พนักงานเก่าแก่ เรายังดูแลกันอยู่”

               ในส่วนของพนักงาน เธอบอกว่า จะมีค่าชดเชยให้ตามกฎหมาย และมี “สินน้ำใจจากครอบครัว”ให้ด้วย โดยยังอยู่ระหว่างการพิจารณาถึงพนักงานที่จะไป และบางคนจะทำต่อในกลุ่มธุรกิจเรากลุ่มอื่น ตอนนี้กำลังปรึกษากับทางผู้ใหญ่ว่า จะมีโครงการอะไรเกิดขึ้นในเร็ววันนี้ มีแผนระยะยาว ระยะสั้น อย่างไร

                   ส่วนประเด็น ที่ธุรกิจโรงแรมขณะนี้มีการแข่งขันสูง คนเข้าพักน้อยลง ทำให้ตัดสินใจขายธุรกิจโรงแรม เธอกล่าวว่า

               “ไม่น่าจะใช่ เพราะตอนนี้เชนโรงแรมสวิสโฮเต็ล ก็โดนซื้อไปแล้วเหมือนกัน โดยกลุ่มแอคคอร์ซื้อไป (ก่อนหน้านี้แอคคอร์ เครือโรงแรมระดับโลก ประกาศควบรวมธุรกิจกลุ่ม FRHI ประกอบด้วย แฟร์มองท์,ราฟเฟิลส์ และสวิสโฮเต็ล) แอคคอร์ก็ยังมีโซฟิเทล โนโวเทล ซึ่งยังขยายธุรกิจเหมือนกัน ดังนั้น ลูกค้ายังดี ไม่ได้ตกต่ำ แต่เป็นโอกาสของเรามากกว่าที่มีการขายตรงนี้ไป” เธอระบุเช่นนั้น

                 อย่างไรก็ตาม เธอยอมรับว่า ปัจจุบันธุรกิจโรงแรมมีการแข่งกันสูง ทำให้ทุกโรงแรมต้องปรับตัว ตื่นตัว และขยับขยายไปตามสถานการณ์

ต่อคำถามที่ว่า ปัจจุบันธุรกิจโรงแรม 4-5 ดาว ขึ้นไป ถ้าจะไปต่อคงลำบากนั้น ยอมรับว่า “เป็นจริง” แต่ต้องดูว่าโรงแรมแห่งนั้นวางตำแหน่งทางการตลาด และทำเลที่ตั้งเป็นอย่างไร และจะควบคุมค่าใช้จ่ายอย่างไร เพราะยิ่งเป็นโรงแรม 5 ดาว ค่าใช้จ่ายจะยิ่งสูง

                  “ตอนนี้ทุกธุรกิจไม่ใช่แค่โรงแรม เราต้องมองตามโลก ณ วันนี้ว่า เทรนด์เป็นอย่างไร ดีมานด์ เป็นอย่างไร มีซัพพลายเยอะแค่ไหน ต้องคอยมาวิเคราะห์ธุรกิจของตัวเองอยู่ตลอด” ทายาทรุ่นที่ 4 กล่าวปิดท้าย

logoline

ข่าวที่น่าสนใจ