“ปราจีนบุรี”โดยรวมๆ แล้วมีเสน่ห์

       

อ.สุบงกช ธงทองทิพย์

         ได้ยินชื่อจุดหมายปลายทางของทริปสั้นๆ 2 วัน 1 คืนครั้งนี้มีชื่อว่า “จังหวัดปราจีนบุรี” อดนึกถึงสำนวนไทยที่ว่า “ใกล้เกลือกินด่าง” ไม่ได้จริงๆ ที่กล่าวเช่นนี้ เพราะพอได้อ่านหมายกำหนดการต่างๆ ซึ่งเจ้าภาพ “โรงแรมแคนทารี กบินทร์บุรี” ในเครือเคป แอนด์ แคนทารี โฮเทลส์ ส่งมาแล้ว ก็ได้แต่ทำหน้าฉงนฉงายเหตุใด ตัวเองจึงไม่เคยรู้มาก่อนเลยว่า ในพื้นที่ห่างจากกรุงเทพฯ เพียง 200 กิโลเมตร ทว่ากลับอุดมไปด้วยแหล่งเรียนรู้แหล่งท่องเที่ยวทั้งประวัติศาสตร์ วัฒนธรรม ชุมชน วิถีชีวิต และธรรมชาติ มากมายเหลือเกิน

       ในภาคขององค์ความรู้เกี่ยวกับประวัติศาสตร์ ต้องยกให้ “โบราณสถานสระแก้วมรกต และต้นศรีมหาโพธิ์” แต่การจะเที่ยวโบราณสถานให้ได้เกร็ดความรู้ติดกึ๋นกลับบ้านมาเล่าให้ใครต่อใครได้ฟัง จำเป็นต้องมีบุคลากร และครั้งนี้ก็ได้รับเกียรติจาก อ.สุบงกช ธงทองทิพย์ ผู้อำนวยการพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติปราจีนบุรี ออกแรงทำหน้าที่พาชมและบรรยายให้ความรู้เริ่มไล่เรียงตั้งแต่เรื่ีองราวเกี่ยวกับ “เมืองศรีมโหสถ” อดีตเคยเป็นเมืองโบราณขนาดใหญ่ ที่มีความสำคัญมากเมืองหนึ่ง มีการพัฒนาทางศิลปวัฒนธรรมมาโดยลำดับ ตั้งแต่ก่อนพุทธศตวรรษที่ 11 เนื่องจากเป็นเมืองท่าชายทะเล จึงมีการติดต่อค้าขายแลกเปลี่ยนสินค้าทั้งกับจีนและอินเดีย ได้รับอิทธิพลทางวัฒนธรรมฟูนัน โดยมีหลักฐานการขุดพบลูกปัดแบบฟูนันและแบบโรมัน ซึ่งมีอายุราว พ.ศ. 600–800

รอยพระบาทคู่ของพระพุทธเจ้า

            ซึ่งภายในโบราณสถานแห่งนี้ยังมี “รอยพระพุทธบาทคู่” ว่ากันว่ามีอายุเก่าแก่ที่สุดของเมืองไทย รวมไปถึง “บ่อน้ำศักดิ์สิทธิ์” ซึ่งได้พบพระพุทธรูปและโบราณวัตถุเป็นจำนวนมากภายในบ่อ อีกทั้งยังเป็นบ่อซึ่งได้นำน้ำขึ้นทูลเกล้าฯ ถวายเนื่องในพิธีรัชมังคลาภิเษก และอีกหลายพิธีที่สำคัญอีกด้วย ในบริเวณใกล้เคียงเป็นที่ตั้งของ “ต้นศรีมหาโพธิ์” เป็นต้นโพธิ์ขนาดใหญ่เก่าแก่ที่สุดในประเทศไทย เชื่อกันว่าต้นโพธิ์นี้เป็นหน่อจากต้นพระศรีมหาโพธิ์ สถานที่ที่พระพุทธเจ้าตรัสรู้จากพุทธคยา ประเทศอินเดีย มีอายุมากกว่า 2,000 ปี มีตำนานเล่าขานกันว่า พระเจ้าทวานัมปะยะดิษฐ์ เจ้าครองเมืองศรีมโหสถ ทรงมีความเลื่อมใสในพุทธศาสนา จึงได้ส่งคณะทูตเดินทางไปขอกิ่งต้นโพธิ์ที่พระพุทธเจ้าประทับเมื่อคราวตรัสรู้ แล้วนำกิ่งโพธิ์ที่ว่ามาปลูกที่วัดแห่งนี้ เมื่อถึงวันวิสาขบูชาจะมีงานนมัสการต้นพระศรีมหาโพธิ์ ปัจจุบันใต้ต้นโพธิ์ประดิษฐานพระพุทธรูปศักดิ์สิทธิ์ ไว้ให้ผู้คนได้กราบไหว้บูชา อีกหนึ่งแห่งที่น่าสนใจในเขตโบราณสถานคือ “สระมรกต” รูปสี่เหลี่ยมผืนผ้ากว้างประมาณ 115 เมตร ยาว 214 เมตร ลึก 3.50 เมตร มีพื้นที่ประมาณ 25 ไร่ สันนิษฐานว่าขุดขึ้นมาเพื่อใช้เป็นแหล่งน้ำและได้นำศิลาแลงไปใช้ในการก่อสร้าง มีทางลงทำเป็นขั้นบันได ผนังขอบสระทุกด้านมีการแกะสลักภาพนูนต่ำเป็นรูปสัตว์ต่างๆ เช่น รูปช้าง สิงห์ หมู กินรี งูพันเสา นอกจากสระมรกตแล้วยังมีสระบัวหล้าอีกด้วย

เด็กๆ ตักน้ำในบ่อน้ำศักดิ์สิทธิ์

        อีกหนึ่งแหล่งที่ให้ความรู้เกี่ยวกับปราจีนในอดีตได้อย่างละเอียดลึกซึ้งคือที่ “พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติปราจีนบุรี” อีกเช่นเคยที่ อ.สุบงกช ทำหน้าที่นำบรรยายให้ความรู้ ภายในอาคารจัดแสดงแบ่งออกเป็นสองชั้น บริเวณชั้นล่างจัดแสดงประวัติศาสตร์โบราณคดีของเมืองปราจีนบุรี โบราณคดีเมืองนครนายกและนิทรรศการพิเศษ ส่วนชั้นบนจัดแสดงศิลปะโบราณคดีในประเทศไทย โบราณคดีก่อนประวัติศาสตร์ในภาคตะวันออก โบราณคดีใต้น้ำรวมทั้งเครื่องถ้วยสังคโลกที่พบใต้ทะเลจากบริเวณเกาะคราม จ.ชลบุรี และนิทรรศการชั่วคราว โบราณวัตถุส่วนใหญ่ของที่นี่ได้มา จากเมืองโบราณสมัยทวารวดี ซึ่งปัจจุบันนับว่าหาชมได้ยากยิ่ง เช่น พระพุทธรูป เทวรูปเคารพในศาสนาฮินดู ศิวลึงค์ ทับหลัง เครื่องใช้สำริด แสดงให้เห็นถึงศิลปะสมัยต่างๆ ตั้งแต่สมัยก่อนประวัติศาสตร์ต่อเนื่องจนถึงสมัยรัตนโกสินทร์ช่วงสมัยรัชกาลที่ 5

พิพิธภัณฑ์เจ้าพระยาอภัยภูเบศร์

       ไปเยือนปราจีนทั้งทีถ้าไม่แวะเช็กอินที่ “โรงพยาบาลเจ้าพระยาอภัยภูเบศร์” ซะหน่อยคงเหมือนจะไปไม่ถึง คนที่เข้าโรงพยาบาลแห่งนี้ใช่ว่าจะต้องไปรับการรักษาโรคภัยไข้เจ็บเพียงอย่างเดียว เพราะที่นี่มีทั้งร้านจำหน่ายผลิตภัณฑ์สมุนไพร และพิพิธภัณฑ์สมุนไพรซึ่งจัดแสดงอยู่ในอาคารสถาปัตยกรรมยุโรปแบบบาโร้ค ประดับด้วยลายปูนปั้น เรียกว่าได้ทั้งความรู้ได้ทั้งชื่นชมความงดงาม เพราะถือเป็นหนึ่งสัญลักษณ์ของจังหวัด ขณะเดียวกันหากใครไม่รีบไม่ร้อนจะนอนให้เจ้าหน้าที่นวดคลายเส้นคลายกล้ามเนื้อให้สบายเนื้อตัวก่อนไปต่อในจุดหมายอื่นก็ย่อมทำได้

เร้าใจกลางสายน้ำที่แก่งหินเพิง

ตัวอย่างห้องพักในโรงแรมแคนทารี กบินทร์บุรี

        ก่อนจะเปลี่ยนโหมดไปเที่ยวสัมผัสบรรยากาศธรรมชาติในรูปแบบการผจญภัยอันแสนเร้าใจกลางสายน้ำตก ซึ่งอันที่จริงมีอยู่หลายแห่งแต่คราวนี้เราปักหมุดไว้ที่ “แก่งหินเพิง” ในเขตอ.นาดี ทั้งคณะได้แวะพักผ่อนออมแรงกันที่ “โรงแรมแคนทารี กบินทร์บุรี” และแม้ว่าทำเลที่ตั้งโรงแรมจะอยู่ที่ ต.เมืองเก่า อ.กบินทร์บุรี แต่การเดินทางต่อไปตามจุดต่างๆ อย่างตัวเมืองปราจีน เขาใหญ่ วังน้ำเขียว หรือแม้แต่ตลาดโรงเกลือ ย่อมทำได้สะดวกในเวลาอันรวดเร็ว ที่นี่จึงได้รับความนิยมทั้งคนที่ต้องทำงานประจำในนิคมอุตสาหกรรมปราจีน และนักท่องเที่ยว

      ...จังหวัดปราจีนบุรี ยังมีอีกหลายหมุดหมายให้เหล่านักเดินทางได้ไปเยือน ไม่ว่าจะเดือนไหน ฤดูอะไร..นี่ไง!!! เสน่ห์ปราจีน