กลัวตึกถล่ม

               บ้านเลขที่ 15/1 และ 15/2 ปากซอยสาธุประดิษฐ์ 3 ถนนสาธุประดิษฐ์ ติดกับโชว์รูมเรืองวาสแตนดาร์ด เป็นตึกแถวเก่ากว่า 30 ปี เมื่อปลายปี 2559 ตึกแถว 2 ห้องนี้ มีการซื้อและปรับปรุงตกแต่งอย่างใหญ่โต แต่ผิดกฎหมายทนโท่ กล่าวคือ มีการทุบภายในทิ้งในรูปโครงสร้างเดิม รวมทั้งบันไดและชั้นลอยของบ้าน 
               จากนั้นต่อเติมด้วยการทุบกำแพงหน้าบ้านตั้งแต่ชั้น 2 ถึงชั้น 4 และต่อเติมชั้น 5 โดยเมื่อทุบกำแพงหน้าอาคารทิ้งหมดแล้วก็ต่อเติมอาคารยื่นออกมาอีก 1 เมตร อย่างไม่เกรงกลัวต่อกฎหมายของกรมโยธิการ และกรุงเทพมหานครเลย ซึ่งเรื่องดังกล่าวมีการร้องเรียนไปที่ฝ่ายโยธาสำนักงานเขตยานนาวาแล้วหลายครั้ง แต่ปรากฏว่าสำนักงานเขตกลับออกมาช่วยปกป้อง และแก้ตัวว่าชั้น 5 ที่ต่อเติมเป็นของเดิมในส่วนหน้าบ้านที่ยื่นออกมา
               ผมไม่เข้าใจว่าทำไมทางสำนักงานเขตถึงไม่สนใจไยดีต่อการร้องเรียนจากชาวบ้านเลย กลับแนะนำให้เจ้าของตึกรีบทาสีกลบเกลื่อน และให้คนงานเอาสังกะสีปิดตัวอาคารชั้นล่างไว้เพื่อไม่ให้ใครเห็น นอกจากนี้ตลอดระยะเวลา 5 เดือนเต็มๆ ที่มีการต่อเติม จะมีการทุบตึกภายในเสียงดังรบกวนเพื่อนบ้านเป็นอย่างมาก 
               ทั้งเสียงดังและฝุ่นฟุ้งกระจายตลอด โดยตอนนี้เพื่อนบ้านเกรงอาคารที่ต่อเติมตรงบริเวณนี้จะถล่มลงมา เพราะเป็นการต่อเติมที่ผิดกฎหมายและผิดหลักวิศวกรรม ทั้งน้ำหนักที่เพิ่มขึ้นกดทับตัวอาคารเดิม ที่มีการทุบภายในทิ้ง แม้กระทั่งล่าสุด ยังมีเสียงเจาะพื้นอย่างรุนแรงเป็นระยะ
               จึงอยากรบกวนลุงแจ่มช่วยร้องทุกข์แทนเพื่อนบ้านในตึกเลขที่ดังกล่าวนี้ ก่อนที่จะมีโศกนาฏกรรมตึกถล่มซะก่อน โดยอยากให้ผู้เกี่ยวข้องทั้งกองโยธาและวิศวกรของกรุงเทพมหานคร ลงมาตรวจสอบอย่างจริงจัง ดีกว่าวัวหายแล้วค่อยล้อมคอก ตึกถล่มแล้วค่อยมาออกหน้าทีวี แก้ตัวกันภายหลัง เพราะตอนนี้ไม่มีใครอยากร้องเรียนไปที่ฝ่ายโยธา สำนักงานเขตยานนาวาแล้ว เนื่องจากรู้ดีว่าร้องไปก็ไร้ค่า ไม่รู้เจ้าหน้าที่ถูกอะไรปิดหูปิดตา ทำให้ร้องเรียนไปก็ไม่ได้ยิน ต่อเติมแบบนี้ใครๆ ผ่านมาก็เห็นอย่างชัดเจน ยกเว้นเขตยานนาวาที่ไม่เห็น

ปกรณ์

ตอบ
               นายคเน ยกชู หัวหน้าฝ่ายโยธา สำนักงานเขตยานนาวา ชี้แจงว่า บ้านเลขที่ 15/1 และ 15/2 ปากซอยสาธุประดิษฐ์ 3 นั้น ได้มีการร้องเรียนเข้ามาแล้ว สำนักงานเขตก็็ได้ดำเนินการในเรื่องนี้เป็นระยะๆ โดยเรื่องที่ร้องเรียนมานี้ไม่ได้ร้องเรียนมาที่นี่แห่งเดียวเท่านั้น แต่กลับร้องเรียนทั่วไปหมด
               เท่าที่ทราบผู้ร้องเรียนมีการร้องเรียนไปที่สำนักนายกรัฐมนตรี เรื่องนี้สำนักงานเขตไม่คิดที่จะปกป้อง เพราะขณะนี้กำลังดำเนินการออกคำสั่งรื้อถอนอาคาร 2 แห่งนี้ คือให้รื้อถอนบริเวณดาดฟ้าที่ต่อเติมทั้งหมด และเรียกเจ้าของเข้ามาสอบปากคำว่าทำอะไรไปบ้างแล้ว
               เรื่องนี้ทางเขตไม่เคยเข้าข้างเจ้าของอาคารแต่อย่างใด พอมีเรื่องร้องเรียนเข้ามาก็เข้าไปตรวจสอบโดยให้รื้อถอนในส่วนต่อเติมออก เรื่องนี้เจ้าของอาคารผิดก็ต้องว่าไปตามกฎหมาย ซึ่งเจ้าของอาคารก็ยอมรับที่จะรื้อถอนออก โดยจะเริ่มดำเนินการรื้อถอนในชั้นดาดฟ้าก่อน
               ส่วนเรื่องด้านหน้าอาคารนั้น เขตไม่ทราบเรื่องนี้เลยแต่เมื่อมีคนร้องเรียนเข้ามาอย่างที่ว่าก็ขัดแย้งไม่ได้ เรื่องนี้เขตได้ดำเนินการเป็นระยะๆ และคนร้องเรียนก็ไม่เปิดเผยตัวตนที่แท้จริงว่าอยู่บริเวณไหนของอาคาร 2 หลังนี้ เพราะว่าถ้าอยู่ใกล้จริงๆ แล้วสร้างความเดือดร้อนให้ก็อยากทราบว่าต้องการให้เขตช่วยเหล่ืออะไร
               และอาคารในละแวกนี้ไม่มีบ้านไหนที่ไม่มีการกระทำผิด เพราะเห็นแต่ละหลังส่วนมากก็จะตกแต่งอาคารของตัวเองแทบทั้งนั้น เพราะถือเป็นอาคารส่วนบุคคลสามารถตกแต่งได้ คือดูในแง่ของการปกครองท้องถิ่นถ้าถือว่าต่อเติมเกินเลยไปอาจเป็นอันตรายก็ต้องว่ากันไปขั้นตอน ซึ่งตอนนี้อาคาร 2 หลังนี้อยู่ระหว่างการดำเนินการรื้อถอน เพราะคำสั่งออกมา 2 อาทิตย์แล้ว และเจ้าของอาคารก็ต้องคำนึงถึงด้วยว่าถ้ารื้อถอนนั้นจะทำอย่างไรไม่ให้เกิดความเสียหายขึ้น ก็ต้องให้กรมโยธาธิการ ผังเมือง กระทรวงหมาดไทย และให้เขตเข้ามาดูแลแล้วรายงานให้ทราบเป็นระยะๆ โดยสำนักงานเขตจะเข้าไปดูแล และถ้าเจ้าของอาคารยอมรับที่จะแก้ไขก็ต้องรื้อถอน แต่ทางเขตไม่สามารถทำอะไรได้มากก็ต้องขึ้นอยู่ที่เจ้าของอาคารด้วยเหมือนกัน
               เพราะมีกระบวนการของมันอยู่แล้ว สำนักงานเขตไม่ได้ทอดทิ้ง ถ้าข้างบ้านเดือดร้อนก็เรียกมาตรวจสอบแก้ไข ซึ่งก็แก้ไขกันอยู่แล้ว เพราะการสร้างแล้วรื้อก็ต้องวางแผนเหมือนกัน เพราะการรื้อนั้นก็มีการเสียหาย ก็อาจมีการร้องเรียนกันขึ้นมาอีก จึงต้องมีการพิสูจน์ด้วยว่าอันตรายหรือเปล่าเพราะเป็นหลักวิชาการ