Lifestyle

มะเร็งเต้านมภัยร้ายผู้หญิงไทยที่ต้องรู้

เกาะติดข่าวสาร >> คมชัดลึก ออนไลน์
logoline

ดูแลสุขภาพ : มะเร็งเต้านมภัยร้ายผู้หญิงไทยที่ต้องรู้

               โรคมะเร็งเต้านมจัดได้ว่ามะเร็งร้ายอันดับ 1 ของผู้หญิงทั่วโลก เพราะมะเร็งเต้านมเป็นโรคมะเร็งในผู้หญิงที่พบมากเป็นอันดับ 1 ทั้งในประเทศไทยและทั่วโลกจากสถิติของสถาบันมะเร็งแห่งชาติ ระบุว่ามีผู้หญิงไทยป่วยเป็นมะเร็งเต้านมรายใหม่ประมาณ 20,000 คนต่อปีหรือ 55 คนต่อวัน
               ปัจจุบันยังไม่ทราบสาเหตุที่แน่ชัดหากแต่มีปัจจัยเสี่ยงหลายประการที่สัมพันธ์กับการเกิดโรค เช่น ผู้หญิงที่มีอายุมากกว่า 50 ปี ปัจจัยทางพันธุกรรมโดยเฉพาะหากครอบครัวมีญาติสายตรง เช่น มารดา พี่สาว น้องสาว เป็นมะเร็งเต้านมหรือมะเร็งรังไข่ มีคนในครอบครัวเป็นโรคมะเร็งเต้านมหลายคนหรือมีญาติเคยเป็นมะเร็งเต้านมเมื่ออายุน้อย หรือเป็นมะเร็งเต้านมพร้อมกันทั้ง 2 ข้าง
               จนกระทั่งก้อนเนื้อเริ่มมีขนาดใหญ่ขึ้นหรือลุกลามไปยังอวัยวะส่วนอื่น เมื่อนั้นผู้ป่วยจึงจะเริ่มรู้สึกถึงความผิดปกติที่เกิดขึ้น “มะเร็งเต้านมในระยะเริ่มแรกจะเป็นก้อนเล็กๆ หรือเป็นเพียงแค่กลุ่มหินปูน ซึ่งไม่สามารถคลำได้ อีกทั้งมักไม่มีอาการเจ็บ ผู้ป่วยมะเร็งเต้านมที่รู้สึกเจ็บอาจพบเพียงแค่ 10% เท่านั้นซึ่งบ่งบอกได้ว่าก้อนเนื้อมักมีขนาดใหญ่ จนเกิดการบดเบียด ดึงรั้งหรือก้อนเนื้ออาจมีการอักเสบร่วมด้วย สำหรับคนไข้ส่วนใหญ่ที่มาพบหมอมักจะอยู่ในระยะที่คลำเจอก้อนแล้วหรือบางรายอาจมีเต้านมผิดรูปหรือแผลที่เต้านมซึ่งก้อนเนื้อหากมีขนาดใหญ่ไม่เกิน 2 ซม.และไม่มีการกระจายไปยังต่อมน้ำเหลือง
               ถือเป็นอาการในระยะที่ 1 แต่หากคลำเจอก้อนที่มีขนาดใหญ่เกิน 2 ซม.หรือมีการกระจายไปยังต่อมน้ำเหลือง มักเป็นอาการในระยะที่ 2 หรือ 3 แล้ว ซึ่งการตรวจเจอในระยะเริ่มต้น เช่น ในระยะ 0 หรือระยะที่ยังไม่มีการลุกลาม โอกาสที่ผู้ป่วยจะมีอัตราเวลาการรอดชีวิตเกิน 10 ปีสูงถึง 95-100% และอัตราการรอดชีวิตที่ 10 ปีจะลดลงเหลือประมาณ 80%, 70% และ 50% ในระยะที่ 1, 2 และ 3 ตามลำดับ
               ถ้าก้อนที่ตรวจพบจากแมมโมแกรมและอัลตราซาวด์ มีลักษณะที่บ่งบอกว่ามีโอกาสเป็นมะเร็ง จึงจะทำการเจาะชิ้นเนื้อมาตรวจโดยใช้เข็ม ซึ่งเป็นการตรวจที่คนไข้ไม่ต้องเจ็บตัวมากและไม่ทำให้เนื้องอกมีการลุกลามหรือแพร่กระจาย สำหรับการรักษาโรคมะเร็งเต้านมหลักๆ คือการผ่าตัดสำหรับมะเร็งระยะที่ยังไม่มีการแพร่กระจายไปอวัยวะอื่น โดยใช้เนื้อเยื่อของผู้ป่วยเองหรือซิลิโคนหลังจากการผ่าตัดแล้วผู้ป่วยอาจต้องมีการรักษาอื่นๆ ร่วมด้วยได้แก่ การให้เคมีบำบัด การฉายแสง การให้ยาต้านฮอร์โมนและให้ยาออกฤทธิ์เฉพาะเจาะจงกับเซลล์มะเร็ง เพื่อป้องกันการกลับมาเป็นซ้ำอีก

๐ ความเข้าใจผิดเกี่ยวกับมะเร็งเต้านม
               1.สิ่งที่ได้ยินมาอาหารไขมันสูง ของมัน และของทอด เป็นสาเหตุที่ทำให้เกิดโรคมะเร็งเต้านมข้อเท็จจริงอาหารไม่ได้เป็นสาเหตุของการเกิดมะเร็งเต้านมโดยตรง แต่อาหารบางอย่างจะเพิ่มความเสี่ยงของการเกิดมะเร็งเต้านม เช่น อาหารไขมันสูง เมื่อรับประทานมากๆ จะสะสมกลายเป็นไขมันในร่างกาย และเปลี่ยนไปเป็นฮอร์โมนเอสโตรเจน ซึ่งฮอร์โมนเพศมีผลต่อการเกิดมะเร็งเต้านม ส่วนอาหารพวกเนื้อสัตว์ก็ไม่ได้พบว่ามีความสัมพันธ์กับการเกิดมะเร็งเต้านมด้วยเช่นกัน นอกจากนี้ การบริโภคพืชผักหรือไฟเบอร์ จะช่วยลดการเกิดมะเร็งได้ทุกชนิดรวมทั้งมะเร็งเต้านมด้วย
               2.สิ่งที่ได้ยินมาการสวมชุดชั้นในขณะนอนหลับเสี่ยงต่อมะเร็งเต้านมข้อเท็จจริง ไม่มีหลักฐานทางการแพทย์ยืนยัน แม้ในอดีตจะมีหนังสือตีพิมพ์ว่าการสวมชุดชั้นในขณะนอนหลับอาจเกิดการบีบรัดระบบน้ำเหลือง ทำให้ระบบน้ำเหลืองไหลเวียนไม่สะดวกและมีโอกาสเป็นมะเร็งเต้านมได้ แต่ปัจจุบันยังไม่มีหลักฐานใดที่สามารถยืนยันได้ถึงความเกี่ยวพันดังกล่าว การสวมชุดชั้นในขณะหลับจึงไม่ได้เป็นการเพิ่มความเสี่ยงของมะเร็งเต้านมแต่อย่างใด
               3.สิ่งที่ได้ยินมาหากไม่มีประวัติคนในครอบครัวเป็นมะเร็งเต้านมเราก็จะไม่เป็นมะเร็งเต้านมข้อเท็จจริง เป็นความเชื่อที่ผิดเพราะมะเร็งเต้านมมีความสัมพันธ์กับพันธุกรรมแค่ 10% และมะเร็งเต้านมในปัจจุบันเกิดขึ้นได้เองมากกว่าเกิดจากการถ่ายทอดทางพันธุกรรม ดังนั้นผู้หญิงทุกคนมีโอกาสเป็นมะเร็งเต้านมได้
               4.สิ่งที่ได้ยินมาผู้หญิงที่มีเต้านมเล็ก มีโอกาสเป็นมะเร็งเต้านมน้อยกว่าผู้หญิงเต้านมใหญ่ข้อเท็จจริงไม่เป็นความจริง ปัจจัยเรื่องขนาดไม่ได้มีผลต่อการเกิดมะเร็งเต้านม เพราะฉะนั้นผู้หญิงที่มีเต้านมเล็กและใหญ่ มีโอกาสเป็นมะเร็งเต้านมได้เท่าๆ กัน
               5.สิ่งที่ได้ยินมาทำแมมโมแกรมบ่อยๆ เสี่ยงต่อการเกิดมะเร็งเต้านม ข้อเท็จจริง ไม่มีหลักฐานทางการแพทย์ที่มีน้ำหนักเพียงพอยืนยันถึงความเชื่อดังกล่าวอีกทั้งรังสีที่ใช้ในการตรวจแมมโมแกรมมีปริมาณน้อยนิด รวมทั้งการตรวจเช็กแมมโมแกรมเพียงปีละครั้ง ก็ไม่ได้มีอันตรายหรือเพิ่มความเสี่ยงของการเกิดมะเร็งเต้านมแต่อย่างใด
               อย่างไรก็ตาม ผู้หญิงที่มีอายุตั้งแต่ 40-60 ปีขึ้นไป ควรเข้ารับการตรวจคัดกรองเป็นประจำทุกปี โดยให้แพทย์ตรวจเต้านมร่วมกับการทำดิจิทัลแมมโมแกรมและทำอัลตราซาวด์ ที่สามารถตรวจพบความผิดปกติได้อย่างละเอียดตั้งแต่ขนาดเล็ก (เพียง 0.5-1 ซม.) ช่วยให้การตรวจวินิจฉัยสามารถให้ผลได้อย่างถูกต้อง

นพ.สาธิต ศรีมันทยามาศ

ศัลยแพทย์มะเร็งเต้านม

โรงพยาบาลวัฒโนสถ

logoline

ข่าวที่น่าสนใจ