เตือนภัยหลอกลงทุนผ่านเฟซบุ๊ก ให้ปันผลสูงถึง 2 เท่า : โดย ดลระวี สุดพุ่ม
สังคมออนไลน์ในปัจจุบันนี้มีการแพร่กระจายเข้าถึงบุคคลทุกเพศทุกวัยอย่างรวดเร็ว จนกลายเป็นดาบสองคมที่ย้อนกลับมาทำร้ายผู้ใช้ได้หากไม่ระมัดระวังตัว แต่ถ้าใช้อย่างมีสติระมัดระวัง ก็สามารถนำมาสร้างประโยชน์ให้แก่ตัวเองได้เช่นเดียวกัน ถ้าหากเราใช้อย่างขาดสติก็อาจจะตกเป็นเหยื่อของผู้ที่คอยจะฉวยโอกาสเอาเปรียบได้ตลอดเวลา อย่างเช่น มิจฉาชีพรายนี้ ที่ออกอุบายหลอกล่อให้หลงเชื่อนำเงินมาร่วมลงทุนโดยอ้างว่าจะได้รับเงินปันผลสูงถึง 2 เท่าจากจำนวนเงินที่ลงทุนไป และก็เป็นไปตามความคาดหมาย หลังจากกวาดเงินไปได้กว่าหลักสิบล้านบาท ก็หลบหนีไปอย่างลอยนวล
แต่ตำรวจกองปราบปรามก็สามารถติดตามจับกุมตัว น.ส.สุนันทา ศรไชย อายุ 40 ปี และ น.ส.ทัดมาลี กาบัว อายุ 38 ปี ตามหมายจับศาลอาญา ในข้อหา ร่วมกันฉ้อโกงประชาชน และร่วมกันกู้ยืมเงินอันเป็นการฉ้อโกงประชาชน โดยทั้งคู่เป็นเพื่อนสนิทที่เปิดเฟซบุ๊กเพื่อชักชวนให้ร่วมลงทุนในชื่อ “สุนันทา ศรไชย เพชรทองคำ” และยังมีการเปิดกลุ่มไลน์ ที่มีสมาชิกหลายร้อยคน
พล.ต.ต.ชาญ วิมลศรี รองผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง รักษาราชการแทน ผู้บังคับการกองปราบปราม อธิบายลักษณะขั้นตอนการก่อเหตุของคนร้ายทั้ง 2 รายว่า ผู้เสียหายกว่า 100 คน เข้าร้องทุกข์ว่า ถูกคนร้ายชักชวนให้ร่วมลงทุนผ่านเฟซบุ๊กชื่อ “สุนันทา ศรไชย เพชรทองคำ” และกลุ่มไลน์ ที่มีเหยื่อเป็นสมาชิกกว่า 400 คน โดยมีกลอุบายในการชักชวนเหยื่อที่น่าเชื่อถือว่า "สนใจโครงการดีดี มีแต่ให้กำลัง ในเวลาเพียง 32 วัน รับกำไรมากถึง 40 เปอร์เซ็นต์ ของเงินลงทุน ที่ดีกว่าการลงทุนใดๆ สนใจทักแชท ไอดี tudtu 4567 รับกัลยาณมิตรทุกท่านเพื่อคุณภาพชีวิตที่ดีกว่า ลงทุนเร็วรับกำไรเร็ว ลงทุนมากรับกำไรมาก” และลงทุนเพียง 46 วันจะได้กำไรมากถึง 75 เปอร์เซ็นต์ของเงินลงทุน จึงทำให้มีผู้เสียหายหลายรายหลงเชื่อลงทุนไปคนละหลักหมื่นบาท รวมมูลค่าความเสียหายกว่า 20 ล้านบาท แต่หลังจากที่เหยื่อโอนเงินไปให้แล้ว เมื่อถึงกำหนดเวลานัดหมายก็ไม่ได้รับเงินปันผลตามที่ตกลงไว้ และเมื่อติดต่อกลับไปก็จะถูกบ่ายเบี่ยง ก่อนที่จะปิดหน้าเพจ และกลุ่มไลน์ หายเข้ากลีบเมฆไป
ภายหลังถูกจับทั้งสองคนให้การอ้างว่า อยากช่วยเหลือคนที่เดือดร้อนที่ต้องการได้เงินปันผลจำนวนมากกว่าเงินลงทุน จึงตัดสินใจศึกษารูปแบบการระดมเงินทุนมาจากเพื่อนที่รู้จักกัน ซึ่งก็ได้รับผลตอบรับอย่างดีจากผู้ใช้สังคมออนไลน์ จนมีสมาชิกในเพจเฟซบุ๊กกว่า 400 คน โดยทำมาตั้งแต่เดือนกุมภาพันธ์ ถึงเดือนพฤษภาคม ซึ่งตอนแรกตั้งใจว่าจะนำเงินที่ได้มาลงทุนซื้อ-ขายหุ้นและนำผลกำไรที่ได้ไปจ่ายให้แก่ผู้เสียหาย แต่ยังไม่ได้ลงทุนก็มาถูกจับเสียก่อน
สำหรับคดีนี้ทางตำรวจได้ฝากเตือนไปยังประชาชนผู้ใช้สื่อออนไลน์ว่าหากต้องการที่จะลงทุนร่วมทำธุรกิจ หรือซื้อขายของผ่านโซเชียลเน็ตเวิร์กควรใช้สติไตร่ตรองให้ละเอียดก่อนว่าบุคคลที่เราจะลงทุนร่วมนั้นมีความน่าเชื่อถือมากน้อยเพียงใด และอย่าหลงเชื่ออุบายคนที่เข้ามาตีสนิทและชวนลงทุนโดยอ้างว่าจะได้รับผลตอบแทนที่คุ้มค่ากับเงินที่ลงทุนไป หากจะลงทุนขอให้ศึกษารูปแบบการลงทุนให้ดีเสียก่อนจะได้ไม่ตกเป็นเหยื่อของมิจฉาชีพที่พยายามหากรรมวิธี อุบายต่างๆ มาหลอกลวงได้
ข่าวที่เกี่ยวข้อง