Lifestyle

ยังจำได้มั้ย? “สมชาย วงศ์สวัสดิ์” นายกฯ ไร้ทำเนียบ!

เกาะติดข่าวสาร >> คมชัดลึก ออนไลน์
logoline

สมชาย วงศ์สวัสดิ์ อดีตนายกฯ จำเลยที่ 1 คดีสลายม็อบเหลืองปี 51 ได้บทสรุปแล้วว่ารอด!!!! ไม่รู้ห้อยพระอะไรน่ะสิ!

               คนไทยคงยังไม่ลืมอดีตนายกรัฐมนตรีไทย คนที่ชื่อ สมชาย วงศ์สวัสดิ์ กันใช่มั้ย

               ยิ่งช่วงนี้ ชื่อของเขาโผล่ออกมาบ่อย เป็นหนึ่งในคนที่จะต้องเจอกับการถูกดำเนินคดี เช่นเดียวกับทั้งฝ่ายของพี่เมียและน้องเมีย คือ ทักษิณ และ ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร

               แต่สำหรับของสมชาย คือ คดีสลายม็อบพันธมิตรปี 2551 ที่เขาตกเป็นจำเลยที่ 1 ฐานเป็นเจ้าหน้าที่ปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบตามมาตรา 157

               และทั้งหมดได้ผ่านขั้นตอนทุกอยา่งแล้ว โดยเฉพาะวันตัดสินคดีชี้ชะตา ที่เกิดขึ้นไปแล้ว ซึ่งที่ผ่านมาอดีตนายกฯ คนนี้ ก็ตอกย้ำในทุกๆ เวทีโดยปฏิเสธทุกข้อกล่าวหา และยืนยันว่าไม่มีคำสั่งใดที่ละเมิดต่อกฎหมายและสั่งให้สลายการชุมนุม

               ซึ่งที่สุด องค์คณะศาลฎีกานักการเมือง พิพากษายกฟ้อง สมชาย วงศ์สวัสดิ์ อดีนายกรัฐมนตรี  กับพวกรวม 4 คน สลายม็อบพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยเมื่อ 7 ตุลาคม 2551  โดยให้เหตุผลพันธมิตรฯชุมนุมโดยไม่สงบ จนท.มีอำนาจในการปฏิบัติการคุมฝูงชน

               ก็ไม่รู้จะไปฉลองทีไหนดี แต่ที่แน่ๆ ลองมาทวนความจำ ทำความคุ้นเคยกันอีกสักครั้งถึงนายกฯ คนที่ 26 คนนี้ ที่คนไทยบางคนลืมเขาไปแล้วด้วยซ้ำ ว่าเขาเป็นนายกฯ ไทยเพียงคนเดียวที่ไม่เคยได้เหยียบเท้าเข้าไปในทำเนียบรัฐบาล !!!

               สมชาย วงศ์สวัสดิ์ เกิดเมื่อ 31 สิงหาคม 2490 ที่ ต.สวนขัน อ.ฉวาง จ.นครศรีธรรมราช เป็นบุตรของ เจิม และ ดับ วงศ์สวัสดิ์ โดยตนเองอายุห่างจากพี่คนโตและคนรองเป็นสิบปี

               ชีวิตส่วนตัวเขาสมรสกับ เจ๊แดง เยาวภา วงศ์สวัสดิ์ น้องสาวของ ทักษิณ ชินวัตร นายกรัฐมนตรีไทยคนที่ 23 มีบุตร-ธิดา 3 คน คือ ผศ.ดร.ยศธนัน วงศ์สวัสดิ์ (เชน), ชินณิชา วงศ์สวัสดิ์ (เชียร์) อดีต ส.ส.เชียงใหม่ และ ชยาภา วงศ์สวัสดิ์ (เชอรี่)

               แต่กว่าจะมีวันนี้ สมชายโตมาในครอบครัวธรรมดามาก เป็นลูกชาวนา วัยเด็กเป็นคนขี้โรค เคยป่วยจนหมดลมหายใจต่อหน้าพ่อแม่ เพราะที่บ้านกันดารห่างไกลความเจริญ ทั้งอำเภอไม่มีโรงพยาบาล

               แต่เมื่อรอดมาได้ พ่อยังต้องเข็นให้เรียนหนังสือเพราะเป็นเด็กเกียจคร้าน แต่ภายหลังฮึดสู้ กลายมาเป็นเด็กเรียนดี และได้รับทุนเล่าเรียนจากรัฐบาลมาช่วยค่าใช้จ่ายในบ้าน ที่ยากจนมากถึงขนาดที่บางครั้งเขาต้องอาศัยไปกินข้าวที่วัดเพื่อแบ่งเบาภาระพ่อแม่

               สมชายสำเร็จการศึกษาชั้นต้นที่บ้านเกิดนครศรีฯ และมาจบมัธยมที่โรงเรียนอำนวยศิลป์ จากนั้นสำเร็จนิติศาสตรบัณฑิต มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ เมื่อปี 2513

               ต่อมาปี 2516 เข้าศึกษาต่อเนติบัณฑิตไทย (นบท.) สำนักอบรมศึกษากฎหมายแห่งเนติบัณฑิตยสภา เมื่อ 2539 ปริญญาบัตร หลักสูตรป้องกันราชอาณาจักร วิทยาลัยป้องกันราชอาณาจักร รุ่นที่ 38

               อย่างที่รู้กันว่าสามีของเจ๊แดงคนนี้ เป็นคนที่มาจากเส้นทางราชการสายยุติธรรม เขาจึงไปมาแล้วหลายจังหวัดมาก เริ่มจากเมื่อสำเร็จการศึกษาแล้วสอบบรรจุเข้าเป็นผู้ช่วยผู้พิพากษา กระทรวงยุติธรรม เมื่อปี 2517 ก็ได้เป็นผู้ช่วยผู้พิพากษาประจำกระทรวง ในปี 2518 แล้วไปเป็นผู้พิพากษาศาลแขวงเชียงใหม่ ในปี 2519

               จากนั้นได้เลื่อนตำแหน่งเป็นผู้พิพากษาศาลจังหวัดเชียงใหม่ ในปี 2520 ช่วงนี้เองที่เกิดบุพเพสันนิวาส หนุ่มสะตอมาเจอสาวสันกำแพง พบรักกับ เจ๊แดง เยาวภา พบปุ๊บก็ปิ๊งเลยทันที

               อยู่เชียงใหม่หลายปีปลูกต้นรักเข้าฝั่งเข้าฝาแล้ว ก็ย้ายไปเป็นผู้พิพากษาศาลในอีกหลายจังหวัดคือ ปี 2526 ไปประจำ จ.เชียงราย จากนั้นปี 2529 ไปเป็นผู้พิพากษาหัวหน้าศาลจังหวัดพังงา

               จากนั้นเส้นทางราชการของเขา ก็เติบโตไปตามวิถีของผู้พิพากษา และปี 2541 ได้เป็นรองปลัดกระทรวงยุติธรรม ฝ่ายวิชาการ

               หลังจากนั้นได้ย้ายไปเป็นรองปลัดกระทรวงยุติธรรม ฝ่ายบริหาร ในปี 2542 และเป็นปลัดกระทรวงยุติธรรมเมื่อ 11 พฤศจิกายน 2542 แล้วย้ายไปเป็นปลัดกระทรวงแรงงาน เมื่อ 8 มีนาคม 2549 กระทั่งลาออกจากราชการในเดือนมีนาคม 2550

               อย่างที่รู้กันว่า เขาคืออดีตนายกฯ คนหนึ่ง ซึ่งเมื่อย้อนขึ้นไปดูเส้นทางราชการอันสวยหรูของเขาแล้ว ก็พบว่า การลาออกจากราชการที่ว่า “ดีอยู่แล้ว” นั้น เป็นการวางแผนเพื่อเข้าสู่การเมืองมาโดยเฉพาะ

               ว่ากันทั่วว่า เขาก็เป็นนายกฯ อะไหล่คนหนึ่งของนายใหญ่ไทยรักไทย ที่ภายหลังเปลี่ยนมาเป็นพรรคพลังประชาชน และที่ยิ่งกว่าแน่ คือ โดยการผลักดันของศรีภรรยานั่นเอง

               เริ่มจากเข้าเป็นรองหัวหน้าพรรคพลังประชาชนช่วงปี 2550 ในรัฐบาลสมัคร สุนทรเวช ต่อมาในปี 2551 เป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ จนที่สุดในวันที่ 9 กันยายน 2551 ได้รับเลือกจากคณะรัฐมนตรีให้เป็นรักษาการนายกรัฐมนตรี หลังจากศาลรัฐธรรมนูญมีคำสั่งให้ สมัคร สุนทรเวช พ้นจากตำแหน่ง เหตุจากการจัดรายการชิมไป บ่นไป

               กระทั่ง 17 กันยายน 2551 ได้รับการเลือกจากสภาผู้แทนราษฎรให้ดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีคนที่ 26 ของประเทศไทย โดยผลการลงคะแนนได้ 298 เสียง ชนะ อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ที่ได้ 163 เสียง งดออกเสียง 5 เสียง

               เขาเขียนไว้ในพ็อกเกตบุ๊กอัตชีวประวัติของตนเองเล่มแรก “ชีวิต งาน การต่อสู้ สมชาย วงศ์สวัสดิ์ กว่าจะมาเป็นนายกรัฐมนตรีคนที่ 26” ระบุว่าช่วงเวลาสั้นๆ 2 เดือนครึ่งที่อยู่ในตำแหน่ง (18 ก.ย.2551 - 2 ธ.ค. 2551) เป็นหน้าประวัติศาสตร์สำคัญที่ไม่อาจมองข้ามได้

               เพราะเต็มไปด้วยเส้นทางขรุขระในภาวะบ้านเมืองระส่ำระสาย แน่นอนเก้าอี้นายกฯ เป็นของร้อน สมชายไม่เคยได้เข้าทำงานในทำเนียบรัฐบาล

               จนวันที่ 2 ธันวาคม 2551 พรรคพลังประชาชนถูกยุบพรรค โดนตัดสิทธิทางการเมือง 5 ปี เขาก็ต้องพ้นจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรีไปโดยปริยาย ถือว่าปิดฉากนายกฯ ที่อาภัพที่สุดของประเทศไทยก็ว่าได้

               เพราะนอกจากต้องไปอาศัยท่าอากาศยานดอนเมืองเป็นทำเนียบชั่วคราวแล้ว ยังมีผลพวงมาถึงวันนี้ กับคดีอาญาดังกล่าวข้างต้น

              แต่ที่สุด เรารู้พร้อมกันแล้วว่า "เขารอด" ศาลยกฟ้องไปแล้วเสร็จสรรพไม่ต้องทวนซ้ำอีกแล้ว!

logoline

ข่าวที่น่าสนใจ