เปิดใจ“เทพีหาบเงิน”แรกนาขวัญปี 2560 ‘พรพิมล ศิริการ’

             ความใฝ่ฝันในชีวิตของแต่ละคนไม่เหมือนกัน สำหรับ “ก้อย” พรพิมล ศิริการ นักวิชาการสาว จากกรมส่งเสริมการเกษตร ความฝันอันสูงสุดของเธอก็คืออยากได้เป็น “เทพี” ในพระราชพิธีพืชมงคลจรดพระนังคัลแรกนาขวัญสักครั้งหนึ่งในชีวิต ถือเป็นความภาคภูมิใจและเป็นเกียรติประวัติแก่วงศ์ตระกูลอย่างหาที่สุดมิได้ ในที่สุดความฝันนั้นก็เป็นความจริง เมื่อเธอได้รับการคัดเลือกให้เป็นเทพีประจำปี 2560 ในตำแหน่ง “เทพีหาบเงิน” ตามความใฝ่ฝัน ซึ่งเป็นก้าวแรกก่อนจะก้าวสู่เทพีหาบทองในปีต่อไป

              “คงอยากสวยเหมือนพี่เขามั่ง" เธอหัวเราะ พร้อมเผยความใจว่าตอนเด็กๆ ชอบดูทีวีถ่ายทอดสดพระราชพิธีพืชมงคลจรดพระนังคัลแรกนาขวัญมาก พอใกล้ถึงเวลาถ่ายทอดสด ก็จะมานั่งเฝ้าหน้าจอทีวีเลย ดูตลอดตั้งต้นจนจบ โดยเฉพาะท่าถอนสายบัวของเทพี การไหว้ ดูสวยงาม ชอบมาก 

              “อยากจะเป็นแบบพี่เขาบ้าง มันเป็นความคิดเด็กๆ นะ บางปีก็ตามแม่ไปท้องสนามหลวงเพื่อชมของจริง แล้วก็ช่วยแม่เก็บเมล็ดพันธุ์ข้าว หลังเสร็จสิ้นพระราชพิธีด้วย” พรพิมลย้อนชีวิตในวัยเด็กที่ผูกพันกับพระราชพิธีพืชมงคลจรดพระนังคัลแรกนาขวัญมาตั้งแต่เยาว์วัย แม้ขณะนั้นยังไม่รู้ว่าเส้นทางชีวิตข้างหน้าจะเป็นอย่างไรก็ตาม

              ด้วยความที่ชอบและฝันอยากจะเป็นเหมือนพี่เขาในทีวีบ้าง เธอจึงพยายามเสาะแสวงหาข้อมูลจนกระทั่งรู้ว่าเทพีในพระราชพิธีพืชมงคลจรดพระนังคัลแรกนาขวัญนั้นจะต้องเป็นข้าราชการ สังกัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ จึงวาดหวังว่าสักวันหนึ่งจะต้องมายืนอยู่จุดนี้ให้ได้ แต่แล้วเหมือนฟ้าเป็นใจ เมื่อเรียนจบมัธยมปลายที่โรงเรียนสตรีนนทบุรี ก็เข้าศึกษาในระดับปริญญาตรีที่มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ วิทยาเขตกำแพงแสน สาขาพืชสวน คณะเกษตร

               ทันทีที่จบออกมาสามารถสอบบรรจุเป็นข้าราชการในสังกัดกระทรวงเกษตรฯ ได้สมใจในตำแหน่งนักวิชาการส่งเสริมปฏิบัติการ สังกัดศูนย์ส่งเสริมและพัฒนาอาชีพเกษตรจังหวัดเลย กรมส่งเสริมการเกษตร เธอใช้เวลาปฏิบัติหน้าที่อยู่ที่นั่นประมาณ 5 ปีเศษ ก่อนย้ายกลับมาอยู่ที่กรม สังกัดกลุ่มส่งเสริมสมุนไพรและเครื่องเทศ จวบจนปัจจุบัน หลังย้ายมาอยู่ส่วนกลางความตั้งใจที่จะคว้าตำแหน่ง “นางหาบ” ในพระราชพิธีพืชมงคลฯ ก็จุดประกายขึ้นมาอีกครั้ง

               “ก้อยสอบบรรจุรับราชการครั้งแรกที่ศูนย์ส่งเสริมและพัฒนาอาชีพเกษตรจังหวัดเลย ทำอยู่ที่นั่นประมาณ 5 ปีเศษ  จึงย้ายมาอยู่ส่วนกลางที่กรมส่งเสริมการเกษตร เหตุผลที่ย้ายมีเป้าหมาย 2 อย่างคือ อยากอยู่ใกล้แม่ แม่อยู่บ้านคนเดียว ไม่มีใครดูแล ชวนให้ไปอยู่ที่เลยก็ไม่ไป อีกอย่างอยากสมัครเป็นนางหาบ นี่เป็นความใฝ่ฝันของหนูมาตั้งแต่เด็ก” เธอย้อนอดีตให้ฟัง

                แม้ความฝันแรกจะสัมฤทธิ์ผล แต่อย่างที่สองยังคงต้องพยายามต่อไป เพราะคุณสมบัติไม่ครบตามข้อกำหนดที่ทางการประกาศไว้ แต่แล้วในระหว่างที่ศึกษาต่อในระดับปริญญาโท สาขาส่งเสริมการเกษตร ที่มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ บางเขน ในปี 2557 สิ่งที่เธอเฝ้ารอคือเครื่องราชอิสริยาภรณ์ที่เธอได้รับหลังรับราชการมาครบกำหนด ซึ่งเป็นคุณสมบัติที่เธอขาดไป และในปีนั้นเองทำให้เธอมีโอกาสสมัคร “นางหาบ” เป็นครั้งแรกในชีวิต 

              แม้ครั้งแรกจะไม่ผ่านการคัดเลือก แต่เธอก็ไม่ละความพยายาม ปีถัดมาก็สมัครอีกครั้ง แต่ก็พบกับความผิดหวังเช่นเดิม เนื่องจากมีปัญหาในเรื่องส่วนสูงเมื่อเทียบกับคนอื่นๆ ที่จะต้องสูงพอๆ กับเทพีแต่ละคน 

              จากคติพจน์ที่ว่า ความพยายามอยู่ที่ไหน ความสำเร็จอยู่ที่นั่น ปีต่อมาเธอจึงส่งใบสมัครเป็นครั้งที่สาม แล้วก็ตกรอบไปแบบเฉียดฉิว แต่ในที่สุดเธอก็สมหวังเมื่อสมัครเป็นครั้งที่ 4 และได้รับการคัดเลือกเป็นครั้งแรกในตำแหน่ง “เทพีหาบเงิน” ในพระราชพิธีพืชมงคลจรดพระนังคัลแรกนาขวัญ ประจำปี 2560        

            “รู้สึกดีใจอย่างบอกไม่ถูก หลังรอคอยมา 4 ปีเต็ม เมื่อรู้ผลก้อยก็โทรบอกแม่ทันทีว่าทำสำเร็จตามความฝันที่ได้ตั้งใจแล้ว" เธอเผย จากนั้นก็เริ่มภารกิจแรกสำหรับการซ้อมเป็นเทพีหาบเงินในพระราชพิธีจรดพระนังคัลแรกนาขวัญครั้งแรกเมื่อวันที่ 6 กุมภาพันธ์ 2560 ซึ่งในช่วงเดือนแรกจะเน้นซ้อมท่าหมอบกราบ การลุกนั่ง ฝึกย่อตัว การไหว้ การถอนสายบัว  ส่วนการซ้อมจะประกอบด้วยเทพีทั้ง 4 คือ เทพีหาบทอง 2 คนและเทพีหาบเงิน 2 คน โดยมีอดีตเทพีรุ่นพี่มาเป็นพี่เลี้ยงคอยฝึกสอนกระบวนท่าต่างๆ ตามที่กำหนดในพระราชพิธี โดยใช้เวลาช่วงบ่ายโมงตรงถึงสี่โมงครึ่งของทุกวันตั้งแต่จันทร์ถึงศุกร์  

            “เดือนแรกจะซ้อมที่กรมประมง สองสัปดาห์แรกจะเริ่มซ้อมการเดิน การหมอบกราบ ลุกนั่ง  ย่อตัว ถอนสายบัว สองสัปดาห์ต่อมาก็จะสอนวิธีการเดิน การหาบที่ถูกต้อง จากนั้นเดือนเมษายนก็จะซ้อมทุกวันในขั้นตอนตั้งแต่เริ่มต้นจนเสร็จพิธี แต่ส่วนใหญ่ก็จะซ้อมในห้อง ทั้งที่กรมประมง กระทรวงเกษตรฯ และกรมชลประทานจะสลับเวียนกันไป มาสองสัปดาห์สุดท้ายเดือนเมษายนก็จะลงซ้อมในสนามหญ้า กรมวิชาการเกษตร เป็นการซ้อมเสมือนจริงทุกประการ พร้อมกับทดลองใส่ข้าวจริง เริ่มจาก 8 กิโลกรัมจากนั้นก็เพิ่มขึ้นปริมาณขึ้นเรื่อยๆ จนถึง 10 กิโลกรัม” พรพิมลเผยขั้นตอนการซ้อม 

            จากนั้นก็จะซ้อมในสถานที่เหมือนจริง ครั้งแรกที่มณฑลพิธีท้องสนามหลวง และซ้อมในสถานที่จริงอีกครั้งในวันที่ 8 พฤษภาคม โดยช่วงเช้าเข้าไปทำพิธีที่วัดพระแก้ว จากนั้นเข้าไปในสวนจิตรลดาเพื่อทำพิธีหว่านข้าวแรกนา ก่อนจะมาซ้อมต่อที่มณฑลพิธีท้องสนามหลวงในช่วงบ่าย

             สำหรับเมล็ดพันธุ์ข้าวที่ใช้ในพระราชพิธีพืชมงคลจรดพระนังคัลแรกนาขวัญในปี 2560 นี้ มีน้ำหนักรวมทั้งสิ้น 2,865 กิโลกรัม ประกอบด้วยข้าวนาสวน 8 พันธุ์ ปทุมธานี 1, สังข์หยดพัทลุง, ขาวดอกมะลิ 105, กข 57, กข 41, กข 61, กข 6, ทับทิมชุมแพ และข้าวไร่ 3 พันธุ์ ได้แก่ ดอกพะยอม, ซิวแม่จัน และลืมผัว 

            เธอบอกว่าสิ่งที่ลงทุนลงแรงฝึกซ้อมมาทั้งหมดตลอดระยะเวลากว่าสองเดือนเต็มก็เพื่อสิ่งเดียวคือการได้เป็นเทพีในวันพระราชพิธีพืชมงคลจรดพระนังคัลแรกนาขวัญ 12 พฤษภาคม 2560 นี้ ถึงแม้จะเป็นปีแรกที่ได้รับคัดเลือกในตำแหน่งเทพีหาบเงิน แต่ปีต่อไปก็จะก้าวขึ้นรั้งตำแหน่งเทพีหาบทองโดยอัตโนมัติ จากนั้นปีที่สามก็จะเป็นพี่เลี้ยงให้แก่เทพีรุ่นน้องต่อไป

             “กฎข้อหนึ่งของการเป็นนางหาบก็คือจะต้องโสดและยังไม่เคยแต่งงานมาก่อน ส่วนอายุไม่สำคัญ จะกี่ปีกี่เดือนก็ได้ บางคนอายุ 40 ก็ยังเคยมี หลังได้เป็นนางหาบเงินในปีแรกแล้วจะยังคงห้ามแต่งไปอีกอย่างน้อย 2 ปี จนกว่าจะเสร็จสิ้นในการเป็นพี่เลี้ยงปีที่ 3 จึงจะสามารถแต่งงานได้ ส่วนก้อยตอนนี้ 30 ต้นๆ เองยังมีเวลานะพี่” เทพีหาบเงินคนล่าสุดกล่าวพร้อมเสียงหัวเราะร่า 

             แม้ว่าการแต่งงานมีครอบครัวเป็นสิ่งที่หมายปองสูงสุดอีกอย่างของลูกผู้หญิง แต่สำหรับ “ก้อย” พรพิมล ศิริการ เธอได้ทำในสิ่งที่เป็นความใฝ่ฝันสูงสุดสำเร็จแล้ว ส่วนการแต่งงานนั้นถือเป็นเรื่องของอนาคตและฝากไว้กับโชคชะตาฟ้าลิขิต !

                                                                           ..........................................................................................................................................................