วันนี้ในอดีต

16 ก.ค.2501 คิดถึงพ่อหลวง  คิดถึง "วันทรงดนตรี"

เกาะติดข่าวสาร >> คมชัดลึก ออนไลน์
logoline

รู้จักที่มาและความสำคัญของ "วันทรงดนตรี" ที่กำเนิดขึ้นเมือวันนี้ของ 61 ปีก่อน

 

     วันนี้เมื่อ 61 ปีก่อน คือวันที่ พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร เสด็จพระราชดำเนินตามคำกราบบังคมทูลเชิญของมหาวิทยาลัยต่างๆ เช่น จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย, มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์, มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์, มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ, เพื่อทรงดนตรีและทรงสังสรรค์ร่วมกับนิสิตนักศึกษาเป็นการส่วนพระองค์

 

     โดยในการนี้ สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวงรวมทั้ง สมเด็จพระเจ้าลูกยาเธอ และสมเด็จพระเจ้าลูกเธอ ก็จะโดยเสด็จพระราชดำเนิน และทรงร่วมในการแสดงดนตรีด้วย

 

     โดยที่สุดแล้วในวันนี้ หรือ วันที่ 16 กรกฎาคม จึงนับเป็น “วันทรงดนตรี”

 

 

16 ก.ค.2501  คิดถึงพ่อหลวง   คิดถึง "วันทรงดนตรี"

 

     สำหรับประวัติที่มาของ "วันทรงดนตรี" ถือกำเนิดมาจากพระมหากรุณาธิคุณพิเศษที่พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตรพระราชทานแก่จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย สืบเนื่องมาจากวันพระราชทานปริญญาบัตร ณ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย เมื่อวันที่ 4 กรกฎาคม 2500

 

     และในท้ายพระราชดำรัสพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตรได้ทรงแจ้งข่าวต่อที่ประชุมว่า "พระองค์ทรงเสียพระราชหฤทัยมากที่มิได้ประทับอยู่เพื่อเสวยพระสุธารสในวันนั้นได้ อย่างที่เคยทุกๆ ปีมา เพราะสมเด็จพระบรมราชินีนาถกำลังจะประสูติเจ้าฟ้าฯ"

 

     และด้วยเหตุที่สมเด็จเจ้าฟ้าพระองค์ใหม่ประสูติในช่วงเวลาที่เสด็จพระราชดำเนินมาพระราชทานปริญญาบัตรแก่นิสิตจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาาช บรมนาถบพิตรจึงมีพระราชประสงค์จะพระราชทานนามให้มีคำว่า “จุฬา” อยู่ในพระนามนั้นด้วย และก็ได้พระราชทานนามว่าเจ้าฟ้า “จุฬาภรณ์”

 

     ต่อมาคณะนิสิตได้ทำหนังสือกราบบังคมทูลขอพระราชทานพระบรมราชานุญาตเข้าเฝ้าฯ เพื่อถวายของขวัญและถวายพระพรชัยมงคลแด่ สมเด็จพระเจ้าลูกเธอเจ้าฟ้าจุฬาภรณ์ พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร

 

 

16 ก.ค.2501  คิดถึงพ่อหลวง   คิดถึง "วันทรงดนตรี"

 

 

     มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตรทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ พระราชทานพระบรมราชานุญาตให้นิสิตเข้าเฝ้าฯ ในวันที่ 6 กันยายน 2500 ณ เวทีลีลาศสวนอัมพร เนื่องจากวันนั้นตรงกับวันศุกร์ ซึ่งเป็นวาระที่พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตรจะทรงดนตรี กับ วงลายคราม เพื่อออกอากาศทางสถานีวิทยุ อ.ส.

 

     ในวันนั้นพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร มีรับสั่งให้นิสิตทำตัวตามสบายไม่เป็นทางการ ให้ถือว่าอยู่ในบ้านของพระองค์ท่าน พระองค์ทรงเดี่ยวแซกโซโฟนพระราชทานแก่นิสิต

 

     และผู้ขอฟังเพลง ซึ่งสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง สมเด็จพระเจ้าลูกยาเธอ และสมเด็จพระเจ้าลูกเธอ ทรงขอฟังเพลงจากวงดนตรีและให้นิสิตร้องเพลงมหาจุฬาลงกรณ์อีกด้วย

 

      ต่อมาในปี พ.ศ. 2501 พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตรได้พระราชทานพระมหากรุณาธิคุณนำวงลายครามไปแสดงดนตรีที่หอประชุมจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย บรรยากาศของงานคล้ายกับการแสดงดนตรีที่สวนอัมพร

 

     จากนั้น ทางจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยจึงกราบบังคมทูลเชิญพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตรเสด็จพระราชดำเนินทรงดนตรีที่หอประชุมจุฬาฯ เป็นประจำทุกปี

 

     เว้นปีที่มีพระราชภารกิจมาก คือ เสด็จพระราชดำเนินต่างประเทศ และหากไม่มีพระราชภารกิจ สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง รวมทั้งสมเด็จพระเจ้าลูกยาเธอ และสมเด็จพระเจ้าลูกเธอก็จะโดยเสด็จพระราชดำเนิน และทรงร่วมในการแสดงดนตรีด้วย

 

 

16 ก.ค.2501  คิดถึงพ่อหลวง   คิดถึง "วันทรงดนตรี"

 

 

     หลังจากนั้น พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตรยังได้เสด็จทรงดนตรีตามคำกราบบังคมทูลเชิญของมหาวิทยาลัยต่างๆ อีกหลายแห่ง ได้แก่ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ มหาวิทยาลัยศรีนคริทรทรวิโรฒ เพื่อทรงดนตรีเป็นการส่วนพระองค์อีกหลายครั้ง

 

     อย่างไรก็ดี ต่อมาวันทรงดนตรีได้ยุติลงไป เนื่องจากมีพระราชกรณียกิจมากมายและสถานการณ์ไม่เอื้อต่อการเสด็จพระราชดำเนินมาทรงดนตรี

 

    โดยรวมแล้วพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดชเสด็จฯ มาทรงดนตรีที่จุฬาฯจำนวน 15 ครั้ง  โดยเสด็จฯมาทรงดนตรีเมื่อวันที่ 20  กันยายน  2516 เป็นปีสุดท้าย

 

     แต่ต่อมา ช่วงปี 2543 จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยได้มีการจัดงานวันที่ระลึกวันทรงดนตรี ในวันที่ 20  กันยายน ของทุกปี  ตั้งแต่นั้นเป็นต้นมาจนถึงปัจจุบัน

 

          อนึ่ง วงลายคราม (Lay Kram) เป็นวงดนตรีในพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร ซึ่งทรงตั้งขึ้นที่พระที่นั่งอัมพรสถานภายหลังเสด็จนิวัตประเทศไทย เล่นดนตรีในแนวแจ๊ส Dixieland ซึ่งมีความสนุกสนานเบิกบาน เปิดโอกาสให้ผู้เล่นแสดงความสามารถเฉพาะตัว

 

 

16 ก.ค.2501  คิดถึงพ่อหลวง   คิดถึง "วันทรงดนตรี"

 

       “วงลายคราม” ประกอบด้วยนักดนตรีสมัครเล่นทั้งหมด ซึ่งล้วนเป็นพระราชวงศ์ผู้ใหญ่ที่พระองค์ทรงคุ้นเคยมาแต่ทรงพระเยาว์ อาทิ หม่อมเจ้าวิมวาทิตย์ รพีพัฒน์หม่อมเจ้าแววจักร จักรพันธุ์หม่อมหลวงเดช สนิทวงศ์

 

     หม่อมเจ้ากมลีสาน ชุมพลหม่อมหลวงอุดม สนิทวงศ์หม่อมราชวงศ์พงศ์อมร กฤดากรหม่อมราชวงศ์เสนีย์ ปราโมชหม่อมเจ้าชุมปกบุตร ชุมพลหม่อมหลวงประพันธ์ สนิทวงศ์นายดำเกิง สนิทวงศ์ ณ อยุธยานายสุรเทิน บุนนาคนายแมนรัตน์ ศรีกรานนท์

 

16 ก.ค.2501  คิดถึงพ่อหลวง   คิดถึง "วันทรงดนตรี"

 

     นักร้องของวงลายครามได้แก่ หม่อมเจ้ามุรธาภิเศก โสณกุลหม่อมเจ้าขจรจบกิตติคุณ กิติยากรเป็นต้น

 

     เนื่องจากวงลายคราม เป็นวงดนตรีของนักดนตรี นักร้องสมัครเล่น หลายครั้งที่นักดนตรีมักจะเล่นผิดๆ ถูกๆ แต่พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร ก็มีพระมหากรุณาธิคุณ ทรงแนะนำ พระราชทานกำลังใจ ให้ทุกคนมีความสนุกครึกครื้นอยู่กับการเล่นดนตรีอยู่เสมอ วงลายครามจะมาร่วมเล่นดนตรี ณ พระที่นั่งอัมพรสถาน ทุกเย็นวันศุกร์

 

     พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร ทรงพระราชนิพนธ์เพลง Lay Kram Goes Dixie พระราชทานให้เป็นเพลงประจำวง

 

        มาฟังเพลงอันทรงคุณค่าเพลงนี้ เพื่อรำลึกถึงองค์พ่อหลวง ร. 9 ของปวงชนชาวไทยกันดีกว่า

 

 

****************///***************

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

logoline
แท็กที่เกี่ยวข้อง

ข่าวที่น่าสนใจ