วันนี้ในอดีต

3 ก.ค.2531 เรือรบมะกัน สอยเครื่องอิหร่านดับหมดยกลำ

เกาะติดข่าวสาร >> คมชัดลึก ออนไลน์
logoline

วันนี้เมื่อ 31 ปีก่อน ความโหดร้ายของโลก

 

          วันนี้มีเรื่องราวชวนสลดใจ ที่เกิดขึ้นเมื่อวันนี้ของ 31 ปีก่อน ตรงกับวันที่ 3 กรกฎาคม 2531 เมื่อเกิดเหตุ เรือรบ “Vincennes” ซึ่งเป็นเรือรบของกองทัพอเมริกา ได้กระทำการยิงจรวดมิสไซด์ใส่เครื่องบินโดยสารสายการบินอิหร่าน แอร์ไลน์ สายการบิน 655 ทำให้คนบนเครื่องบินจำนวน 290 คนเสียชีวิตยกลำทั้งหมด

 

          โดยจำนวนผู้เสียชีวิต 290 คนนั้น ประกอบด้วย ผู้โดยสาร และลูกเรือ แบ่งเป็นชาวอิหร่าน 238 คน, ชาวอาหรับเอมิเรตท์ 13 คน, ชาวอินเดีย 10 คน, ชาวปากีสถาน 6 คน, ชาวยูโกสลาเวีย 6 คน, ชาวอิตาลี 1 คน และลูกเรือชาวอิหร่าน 16 คน

 

3 ก.ค.2531 เรือรบมะกัน สอยเครื่องอิหร่านดับหมดยกลำ

 

          ข่าวร้ายครั้งนี้นับว่าทำเอาชาวโลกช้อคไปตามๆกัน ไม่คิดว่าชาติที่อ้างตัวว่ารักสันติภาพจะกระทำการเยี่ยงนี้

 

          ที่สำคัญเหตุการณ์ดังกล่าวนี้ไม่ได้เกิดในน่านฟ้าสากล แต่มันเกิดในน่านฟ้าของอิหร่านเอง และยังเป็นสายการบินธุรกิจธรรมดา เต็มไปด้วยผู้บริสุทธิ์ทั้งผู้ใหญ่และเด็ก มิใช่เครื่องบินรบแต่อย่างใด

 

          เรื่องนี้จึงนับว่าเป็นข้อกังขาของชาวโลกเป็นอันมาก และพากันตราหน้าอเมริกาเป็นชาติที่โหดร้ายกันขนานใหญ่

 

3 ก.ค.2531 เรือรบมะกัน สอยเครื่องอิหร่านดับหมดยกลำ

เรือ USS Vincennes ระหว่างการซ้อมรบ ในปี พ.ศ. 2530

 

          สำหรับเหตุการณ์ในวันเกิดเหตุ เครื่องอิหร่านแอร์ เที่ยวบินที่ 655 หรือ IR655 เป็นเที่ยวบินพลเรือนของอิหร่านแอร์ เครื่องแอร์บัส A300 B2-203 ทะเบียน EP-IBU ได้ทำการออกจากท่าอากาศยานนานาชาติ "เมห์ราบัด" กรุงเตหะราน อิหร่าน แล้วแวะพักที่ท่าอากาศยานนานาชาติบันดาร์ กรุงอับบาส อิหร่าน

 

          จากนั้น มุ่งหน้าสู่ท่าอากาศยานนานาชาติดูไบ สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ เมื่อวันที่ 3 กรกฎาคม 2531 พร้อมผู้โดยสารเต็มลำตามจำนวนข้างต้น

 

          แต่ใครจะคาดคิดว่า การเดินทางของพวกเขาในวันนั้นจะเป็นการเดินทางครั้งสุดท้าย เมื่ออยู่ๆ เครื่องที่พวกเขาโดยสารมา ถูกยิงตกด้วยขีปนาวุธของกองทัพเรือสหรัฐ จากเรือลาดตระเวน USS Vincennes (CG-49)   “ยูเอสเอส วินเซนส์” ในอ่าวเปอร์เซีย ระหว่างเมืองบันดาร์ อับบาส กับดูไบ ผู้โดยสารและลูกเรือเสียชีวิตทั้งลำ

 

3 ก.ค.2531 เรือรบมะกัน สอยเครื่องอิหร่านดับหมดยกลำ

ภาพจำลอง แอร์บัส A300B2-203 ลำที่ถูกยิงตก

         

 

           หลังเกิดเหตุ ทางการสหรัฐแถลงว่า เกิดจากความผิดพลาดของเจ้าหน้าที่ควบคุมระบบเตือนภัย AEGIS ที่ระบุเครื่องบินพาณิชย์ที่กำลังไต่ระดับขึ้น ผิดพลาดเป็นเครื่องบิน เอฟ-14 ทอมแคทของอิหร่าน กำลังลดระดับลงเพื่อเตรียมโจมตี เจ้าหน้าที่ได้ส่งสัญญาณวิทยุเตือนนักบินของอิหร่านแอร์ ด้วยความถี่ฉุกเฉินทางทหารจำนวน 7 ครั้ง ความถี่ฉุกเฉินพลเรือนจำนวน 3 ครั้ง แต่ไม่ได้รับการตอบสนองใดๆ (เนื่องจากนักบินเข้าใจว่า คำเตือนนั้นหมายถึงเครื่องบินลาดตระเวน พี-3 ของอิหร่าน ที่บินอยู่ในบริเวณนั้นเป็นประจำ)

 

          แน่นอน แม้มะกันจะอ้างมาเช่นนี้ แต่ดูเหมือนชาวโลกจะปักใจเชื่อกันว่า มันก็คือข้ออ้างเดิมๆ “เป็นภัยต่อความมั่นคงของอเมริกา” ที่ใช้มาตลอด และระดับอเมริกาไม่น่าพลาดได้มากมายขนาดนี้

 

          ทั้งๆ ที่ เครื่องบินโดยสารไอพ่นของอิหร่านแอร์ลำนั้น ก็กำลังบินอยู่ในเส้นทางสำหรับเที่ยวบินพลเรือนมาตรฐาน โดยที่พวกอุปกรณ์รับส่งสัญญาณเรดาร์ (transponders) ก็เปิดใช้งานอยู่ปกติ

 

3 ก.ค.2531 เรือรบมะกัน สอยเครื่องอิหร่านดับหมดยกลำ

ภาพจำลองจาก https://iranian.com/2018/07/04/america-downed-an-iranian-airliner/

 

          ในขณะที่ เรือวินเซนส์ หลายคนวิเคราะห์ว่าถ้าเอากันจริงๆ แล้ว ยังได้รุกล้ำเข้าไปน่านน้ำอาณาเขตของอิหร่านด้วยซ้ำ ขณะที่สอยเครื่องบินชาวบ้านตกทั้งลำ

 

          แต่หลังเกิดเหตุ อเมริกาก็ไม่เคยแสดงการขอโทษในเหตุการณ์นี้เลย มีเพียงยอมจ่ายเงินบางส่วนเท่านั้น โดยข้อมูลจาก เพจ http://everything2.com/title/USS%2520Vincennes ได้เล่าไว้ว่า

 

3 ก.ค.2531 เรือรบมะกัน สอยเครื่องอิหร่านดับหมดยกลำ

แสตมป์ที่ทำออกมาเพื่อประณามชาติมหาอำนาจ

 

          สหรัฐฯ จ่ายเงินชดเชยให้แก่เหยื่อที่มิใช่คนอิหร่าน ไปเป็นจำนวนประมาณ 2.9 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ แต่ไม่ได้แสดงความรับผิดชอบใดๆ นอกเหนือจากนี้ ที่สำคัญคือ ยังไม่ได้ให้อะไรแก่พวกสมาชิกครอบครัวของเหยื่อที่เป็นชาวอิหร่าน

 

          จนมาถึงปี 2539 หรือ 8 ปีต่อมา จึงได้มีการตกลงยอมความกัน ในวงเงิน 131.8 ล้านดอลลาร์ โดยมีเงินที่จะต้องให้แก่ครอบครัวที่เคยถูกสหรัฐละเลยอีกเป็นจำนวน 61.8 ล้านดอลลาร์

 

          โดยเงินที่เหลืออีก 70 ล้าน ได้นำไปใช้สำหรับ ชดเชยให้กับบริษัทเอกชนสหรัฐฯ ที่เรียกค่าเสียหายจากอิหร่าน ตลอดจนเป็นค่าใช้จ่ายของฝ่ายอิหร่านสำหรับการดำเนินงานด้านต่างๆ 

 

 

          อย่างไรก็ดี ไม่ว่าอเมริกาจะจ่ายเงินชดเชยแล้ว แต่ก็ไม่ได้ทำให้ชาวโลกรู้สึกดีขึ้นเลย โดยเฉพาะอาการที่เราคุ้ยเคนกันดี ที่สหรัฐมักจะปฏิเสธเบี่ยงเบนความผิดด้วยการหันไปประณามชาติอื่น

 

          อย่างกรณีนี้ กระทรวงกลาโหมสหรัฐฯ หรือ เพนตากอน ได้แถลงว่า สหรัฐฯ ได้ยิงเครื่องบินขับไล่รุ่น F-14 ลำหนึ่งตก ไม่ใช่เครื่องบินพลเรือน

 

3 ก.ค.2531 เรือรบมะกัน สอยเครื่องอิหร่านดับหมดยกลำ

 

          ทว่าต่อมายังออกมายอมรับว่า เออใช่ ยิงเที่ยวบินอิหร่านแอร์ 655 จริงนั่นแหละ แต่เครื่องบินลำนั้น “บินออกนอกเส้นทางปกติเองนะ" บินจนเข้าไปอยู่ใกล้เกินไปกับเรือรบของกองทัพเรือสหรัฐฯ 2 ลำ ซึ่งกำลังทำการสู้รบกับพวกเรือปืนของอิหร่าน

 

          ดังนั้นเรือรบของสหรัฐฯ ก็ถือว่าได้ดำเนิน “การปฏิบัติการป้องกันตัวที่เหมาะสม” เนื่องจากเครื่องบินต้องสงสัยได้บินอยู่นอกเส้นทางซึ่งกำหนดเอาไว้ให้แก่เครื่องบินพาณิชย์!! (ข่าวจากวอชิงตันโพสต์)

 

          แน่นอน ใครๆ ก็ไม่เชื่อคำแถลงนี้ เพราะที่จริงแล้วรายงานยังระบุว่า มันตรงกันข้ามเลย เพราะเครื่องกำลังบินไต่ขึ้นมาต่างหาก แถมยังกระทำการในน่านน้ำอิหร่านด้วยซ้ำ

 

          ที่สุดเหตุการณ์นี้ ถูกจัดระดับให้เป็น “ความผิดพลาดอย่างงี่เง่า” (goof) ขณะที่ฝ่ายอิหร่านกลับเห็นตรงข้าม เพราะมันเป็นความเลวร้าย่ในระดับ “การจงใจประพฤติมิชอบที่ถือเป็นอาชญากรรม” (criminal misconduct) ต่างหาก

 

          แถมภายหลังอิหร่านยังก็ถูกกล่าวหาต่อไปอีกว่า เครื่องบินโดยสารของสายการบินแพนแอมของสหรัฐฯ ที่ตกแหลกกระจายขณะบินอยู่เหนือเมืองล็อกเคอบี, สกอตแลนด์ เมื่อวันที่ 21 ธันวาคม 2531 ยังเป็นการแก้แค้นจากอิหร่านอีกด้วย โดยกว่าอิหร่านจะหลดรอดข้อหา ก็อีกหลายปีต่อมา ที่สหรัฐสามารถตามหาตัวผู้ร้ายชาวลิเบียมาลงโทษได้

 

          และราวช่วงปี 2546 พ.อ.โมอัมมาร์ กัดดาฟี ผู้นำลิเบีย ที่ล่วงลับไปแล้ว ก็ยังเคยกล่าวยอมรับว่าประเทศของเขามีส่วนรับผิดชอบในเหตุระเบิดเครื่องบินแพนแอมและได้จ่ายเงินชดเชยให้กับครอบครัวของผู้เสียชีวิตแล้วแต่เขาไม่ได้ยอมรับว่าเป็นคนสั่งให้โจมตี (อ่าน 21 ธ.ค.2531 แพนแอม 103 ระเบิดแหลกกลางเวหา http://www.komchadluek.net/news/today-in-history/356409

 

3 ก.ค.2531 เรือรบมะกัน สอยเครื่องอิหร่านดับหมดยกลำ

นาวาเอก วิลล์ รอเจอร์ส

 

          ส่วนเรื่องตลก ขำไม่ออกอีกอันคือ นาวาเอก วิลล์ รอเจอร์ส (Captain Will Rogers) ผู้บังคับการเรือวินเซนส์ ลำที่สอยเครื่องอิหร่านตกนั้น ไม่เคยถูกตำหนิโทษอย่างเป็นทางการต่อเรื่องเลวร้ายนี้เลย

 

          แถม 2 ปีให้หลัง ยังได้รับเครื่องราชอิสริยาภรณ์ “ลีเจียน ออฟ เมอริต” (Legion of Merit) สำหรับการปฏิบัติหน้าที่ในฐานะผู้บังคับการเรือวินเซนส์ ก่อนเกษียณจากราชการอีกด้วย!! (เฮ้อ...) 

 

///////////

ขอบคุณข้อมูลจาก

https://board.postjung.com/1034312

 http://everything2.com/title/USS%2520Vincennes

https://en.wikipedia.org/wiki/Iran_Air_Flight_655

https://iranian.com/2018/07/04/america-downed-an-iranian-airliner/

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

logoline

ข่าวที่น่าสนใจ