ท้องฟ้าแจ่มใส ทัศนวิสัยดีมาก ตอนที่เขากำลังบินอยู่ที่ระดับความสูง 9,000 ฟุต แต่เมื่อเขามองต่ำลงมาก็พบว่ามีวัตถุลึกลับคล้ายจานจำนวน 9 ลำ บินอยู่เบื้องล่าง
****************
ไม่มีใครการันตีได้ว่า ใครกันแน่ที่เป็นผู้เดินทางถึงยอดเขาเอเวอร์เรสต์คนแรก แต่ถ้าถามว่ารายงานการบันทึก ได้ระบุชื่อใครคนแรก ก็ต้องนับตามนั้น
เช่นเดียวกับเรื่องราวของ การพบจานบินครั้งแรกของโลก ที่รายงานระบุว่า เคนเนท อาร์โนลด์ นักธุรกิจ และนักบิน เป็นผู้ที่พบเห็นจานบินเป็นคนแรก และสร้างความฮือฮาให้แก่ชาวโลกนับจากนั้นเป็นต้นมา เพราะหลังจากนั้นก็มีรายงานว่ามีผู้พบจานบิน หรือวัตถุประหลาดบนฟากฟ้าอีกหลายราย
การพบเห็นวัตถุบินลึกลับ ถูกบันทึกว่าเกิดขึ้นเป็นครั้งแรกเมื่อวันนี้เมื่อ 72 ปีก่อน ตรงกับวันที่ 24 มิถุนายน 2490 (ค.ศ.1947)
เวลาประมาณบ่าย 2 โมง เคนเนท อาร์โนลด์ นักธุรกิจ กำลังขับเครื่องบินส่วนตัวอยู่เหนือเทือกเขาเรนเนียร์ (Mount Rainier) รัฐวอชิงตัน
ท้องฟ้าแจ่มใส ทัศนวิสัยดีมาก ตอนที่เขากำลังบินอยู่ที่ระดับความสูง 9,000 ฟุต แต่เมื่อเขามองต่ำลงมาก็พบว่ามีวัตถุลึกลับคล้ายจานจำนวน 9 ลำ บินอยู่เบื้องล่าง
แน่นอนนักบินคนนี้ ว่ากันว่าเป็นคนมีชื่อเสียงและเป็นที่นับถือของคนทั่วไป อีกทั้งเป็นนักบินผู้มีประสบการณ์ เชี่ยวชาญเรื่องเครื่องบินชนิดตัวพ่อ
เรื่องนี้จานบินลึกลับของเขา จึงทำให้คนทั่วไปเชื่อกันว่าเขาได้พบสิ่งระลาดนี้จริงๆ ที่สุดเขานำเรื่องนี้มาแจ้งแก่ทางการ และเกิดเป็นข่าวครึกโครม
ช่วงแรก กองทัพอากาศสหรัฐ ออกแถลงปฏิเสธว่านั่นเป็นเพียงภาพลวงตา แต่นักบินเก่าผู้นี้ได้ออกแถลงการณ์ตอบโต้ ไปเช่นกันว่า ตนรายงานข่าวนี้ออกไป เนื่องเพราะว่าเป็นนักบิน ควรต้องรายงานสิ่งไม่ชอบมาพากลที่เห็นออกไป ไม่ได้ต้องการชื่อเสียงหรือเงินทองแต่อย่างใดทั้งสิ้น
โดยเขาได้บรรยายภาพที่เห็นไว้ว่า
สิ่งบินลึกลับ อยู่ต่ำลงไปเบื้องล่าง กำลังบินฉวัดเฉวียนอยู่เหนือหุบเขาสูงๆ ต่ำๆ ซึ่งทอดแนวยาวต่ำกว่าเพดานบินของเขาลงไป ผมรู้สึกพิศวงกับสิ่งที่เห็น แต่ยังไม่สามารถบอกได้ว่า เจ้าสิ่งที่เห็นนั้นคืออะไร มันบินด้วยลักษณะอาการที่แตกต่างไปจากสิ่งบินหรืออากาศยานในสมัยนั้นโดยสิ้นเชิง ด้วยลักษณะที่เหมือนกับจานสองใบประกบกัน
ลักษณะการบินของมันก็แปลกมาก มันร่อนไปในลักษณะที่แฉลบไปมา เหมือนกับเวลาเราร่อนหินหรือจานแบนๆ ให้แฉลบไปบนผิวน้ำ
อาร์โนลด์ยังกล่าวอีกว่า จานบินที่เขาเห็นมีอยู่ด้วยกันทั้งสิ้น 9 ลำ บินเกาะหมู่กันมาอย่างไม่เป็นระเบียบ คล้ายลูกปัดที่ร้อยกันห่างๆ ด้วยด้ายหรือโซ่
“จะว่าไปมันก็เหมือนห่านที่บินเรียงแถวกัน” เขาย้ำ ขนาดของจานบินเหล่านั้น มีขนาดประมาณ 2/3 ของเครื่อง DC-4 บินด้วยความเร็วประมาณ 1,700 ไมล์ต่อชั่วโมง มากกว่าเครื่องเชสน่าลำโปรดของเขาหลายเท่านัก
แน่นอน จากนั้นมาก็เริ่มมีรายงานการพบเห็นวัตถุบินลึกลับมากมาย ทั้งจากบรรดานักบินกองทัพอากาศ นักบินพาณิชย์ และเจ้าหน้าที่ศูนย์ควบคุมการบินทั่วสหรัฐ
แถมยังถึงขนาดมีการริเริ่ม “โครงการจานบิน” (Project Saucer) โดย พลอากาศเอก นาธาน ทวินิง ขึ้นในปี ค.ศ. 1948 มีหน้าที่ในการรวบรวม ตรวจสอบ วัดผล และสรุปข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับปรากฏการณ์วัตถุบินลึกลับ เพื่อใช้เป็นหลักฐานพิสูจน์ว่า ยานอวกาศจากนอกพิภพอาจเป็นเรื่องจริง และส่งผลกระทบต่อความมั่นคงของชาติ ซึ่งในเวลาต่อมาได้เปลี่ยนชื่อโครงการเป็น “โครงการสัญลักษณ์” (Project Sign)
แต่แล้วไม่นาน โครงการก็ได้ข้อสรุปว่า ปรากฏการณ์ที่ได้รับแจ้ง “ส่วนใหญ่” แล้วเป็นเรื่องที่เกิดจากการปั้นน้ำเป็นตัว การปล่อยข่าวเท็จ หรือเข้าใจผิดไปเอง และอยากดัง และบางครั้งก็เกิดจากผู้อยู่ในเหตุการณ์ ที่เป็นคนป่วยทางประสาท
แต่กระนั้นพวกเขาก็ยังคงสืบสวนเรื่องปรากฏการณ์เหล่านี้อยู่ต่อไป เพื่อให้ได้ผลสรุปที่ชัดเจนมากขึ้น จนกะทั่งในปลายทศวรรษที่ 1940 กองทัพอากาศได้เริ่มโครงการใหม่ชื่อว่า “โครงการกรูดจ์” (Project Grudge)
มีหน้าที่ในการสร้างข่าวออกสู่สาธารณชน เพื่อให้ประชาชนหมดข้อกังวลเรื่องมนุษย์ต่างดาวบุกโลก พยายามทำให้คนเห็นว่าวัตถุบินลึกลับที่เห็นนั้น แท้จริงแล้วเป็นความเข้าใจผิด พวกมันอาจเป็น บอลลูน เครื่องบิน ดาวเคราะห์ ดาวตก ฝนลูกเห็บ หรือแสงสะท้อน เท่านั้นเอง
จนกระทั่งรัฐบาลจึงได้ล้มเลิกโครงการนี้ลงเมื่อวันที่ 27 ธันวาคม 2492
ที่สำคัญ หลังจากนั้นปีเดียว สามปีต่อมา ในวันที่ 7 เมษายน 2493 เคนเนธ อาร์โนลด์ ออกมาระบุกับข่าวซีบีเอส เกี่ยวกับเรื่องนี้้ ว่าเรื่องทั้งหมดเป็นความเข้าใจผิดกันอย่างมโหฬาร อ้าว!!!
วันนั้น เขาบอกว่า ในวันนั้นตนเองแจ้งทางหนังสือพิมพ์ว่า วัตถุประหลาดเก้าชิ้นที่เขาพบในวันนั้นดูเหมือน “เรือที่แล่นบนน้ำอย่างรุนแรงมาก พวกมันบินเหมือนเราขว้างจานร่อน (saucer) ข้ามน้ำ”
หนังสือพิมพ์ก็ลงข่าวว่า “ยานจากต่างดาวนั้นมีรูปทรงเหมือนจานบิน (flying saucer)”
เขาระบุว่า นี่เป็นการอ้างคำพูดที่ผิดพลาดค บิดเบือน ครั้งมโหฬารที่สุดในโลก ที่น่าตลกคือไม่มีใครสนใจในการแก้ข่าว หรือเจตนาไม่แก้ข่าว ราวกับว่าไม่มีใครอยากรู้ความจริง ยานอวกาศจากต่างดาวที่พบกันในช่วงหลายปีต่อมาก็มักเป็นจานบินไปดังฉะนี้
ชาวโลกที่เคยเชื่อเขาในวันนั้น จึงรู้สึกเหมือนถูกเท แหกตาเข้าอย่างจัง แต่ชาวโลกที่สงสัยอยู่แล้วว่ามันแปลก ก็ถึงขั้นตบมือชอบอกชอบใจ
เพราะหลายคนจับโกหกได้ตั้งแต่แรกแล้วว่า ช่วงสมัยนั้น เครื่องเจทยังอยู่ในช่วงที่ใช้ในทางทหาร ช่วงนั้นเลยเป็นเครื่องยนตร์ ที่ใช้ลูกสูบ ความเร็วที่ได้ก็ ไม่หน้าที่จะเกิน 300 km/h
ดังนั้น ถ้าเครื่องบิน เห็นจานบินอยู่ข้างล่าง ก็แปลว่าจานบินนั้นบินความเร็ว ที่ต่ำมากๆ ไม่เกิน 300 km/h หรืออาจจะต่ำกว่านั้น จึงไม่น่าจะใช่ความจริง เพราะโดยทั่วไปรายงานการพบ UFO ล้วนแล้วแต่ระบุว่า มันบินผ่านไปอย่างรวดเร็วมากเกินกว่าจะทองได้ทัน หรือมองได้ชัดเจนนั่นเอง
อย่างไรก็ดี ต่อให้เป็นเรื่องจริง เรื่องลวง หรือวันนั้น เคนเนธกำลังเบลอๆ แต่เขาก็เป็นคนแรกที่ทำให้เกิดคำว่า "จานบิน" ขึ้น หรือ “Flying saucers”จากการที่เขาอ้างว่าสิ่งบินลึกลับนี้มีลักษณะจานหรือถ้วยชามสองใบประกบกันใน ลักษณะคว่ำหน้าเข้าหากัน เอาขอบชนกัน และบินไปในท้องฟ้า นั่นเอง
ข่าวที่เกี่ยวข้อง