วันนี้ในอดีต

7 มิ.ย. 2556 ลับ ลวง หาย! อดีตเจ้าพ่อแชร์ชาร์เตอร์

เกาะติดข่าวสาร >> คมชัดลึก ออนไลน์
logoline

ทุกคนไม่คาดคิดว่า ชายผู้นี้จะกลับมาจบชีวิตที่เมืองไทย จากการถูกฆาตกรรมโดยการอุ้มฆ่า ไม่ใช่เพราะบาปเก่ากรงเดิม แต่เป็นเรื่องที่อาจลึกลับซับซ้อนมากกว่าที่คิด!

 

 

*********************

 

 

          ถ้าพูดถึงอดีตเจ้าพ่อแชร์ชาร์ตเตอร์ ทุกคนจะรู้เลยว่าหมายถึง เอกยุทธ อัญชันบุตร ที่หนีคดีนี้ไปต่างแดนจนหมดอายุความ

 

          แต่ทุกคนไม่คาดคิดว่า ชายผู้นี้จะกลับมาจบชีวิตที่เมืองไทยจากการถูกฆาตกรรมโดยการอุ้มฆ่า แล้วก็ไม่ใช่เพราะบาปเก่ากรงเดิม แต่เป็นเรื่องที่อาจลึกลับซับซ้อนมากกว่าแค่ที่เป็นข่าวก็ได้

 

          วันนี้เมื่อ 6 ปีก่อน 7 มิถุนายน 2556 คือวันที่ถูกระบุว่าเป็นวันซึ่งนักธุรกิจชื่อดังผู้นี้ถูกสังหารโหด หลังจากหายตัว ขาดการติดต่อ จนเกิดเป็นข่าวดังอยู่หลายวัน ก่อนจะพบศพของเขาในวันที่ 12 มิถุนายน 2556

 

          ก่อนจะไปว่ากันที่เรื่องราวสุดช็อค ที่คนไทยทั้งสลดและตะลึงไปพร้อมกัน มาทบทวนความจำกันก่อนว่า นักธุรกิจผู้นี้ มีความเป็นมาอย่างไร แล้วคดีเก่าของเขาคืออะไรกันแน่

 

 

 

7 มิ.ย. 2556  ลับ ลวง หาย!  อดีตเจ้าพ่อแชร์ชาร์เตอร์

 

 

 

คนชื่อ จอร์จ ตัน    

      

          เอกยุทธ อัญชันบุตร มีชื่อภาษาอังกฤษว่า “จอร์จ ตัน” เป็นนักธุรกิจการเงินและอสังหาริมทรัพย์ เกิดเมื่อวันที่ 24 มิถุนายน พ.ศ. 2497

 

          เป็นบุตรคนที่ 3 จากจำนวน 5 คน ของ ร้อยโท แปลก อัญชันบุตร นายทหารคนสนิทของจอมพล สฤษดิ์ ธนะรัชต์ และนันทา ฉัตรกุล ณ อยุธยา

 

          เขาจบการศึกษาที่โรงเรียนแม้นศรีวิทยา และโรงเรียนเทพประสาทวิทยา จากนั้นไปต่อมัธยมศึกษาที่โอมาฮา รัฐเนแบรสกา สหรัฐอเมริกา

 

          ก่อนกลับมาทำธุรกิจรับเหมาก่อก่อสร้างร่วมกับพี่ชาย แล้วไปเรียนต่อด้านเศรษฐศาสตร์การเงินการคลังที่มหาวิทยาลัยแปซิฟิก รัฐฮาวาย

 

          บางทีถ้าเอกยุทธ์ ใช้ความรู้ที่ร่ำเรียนมาในการทำธุรกิจอย่างตรงไปตรงมา เส้นทางชีวิตอาจเปลี่ยนไป เขาอาจมีชื่อในหน้านิตยสารนักธุรกิจที่ประสบความสำเร็จงดงาม ไม่ไปลงเอยที่อำนาจการเมือง แล้วมาจบอย่างโศกนาฏกรรมแบบนี้!!

 

 

 

7 มิ.ย. 2556  ลับ ลวง หาย!  อดีตเจ้าพ่อแชร์ชาร์เตอร์

 

 

          แต่ใครกันที่เป็นผู้ลิขิต จากนั้นเอกยุทธ์ ได้ทำธุรกิจซื้อขายโภคภัณฑ์ และซื้อขายสินค้าเกษตรล่วงหน้า

 

         แล้วเปิดบริษัทนายหน้าซื้อขายโภคภัณฑ์ และเงินตราต่างประเทศ ชื่อ "บริษัทชาร์เตอร์ อินเวสท์เมนท์ จำกัด" จดทะเบียนวันที่ 14 มิถุนายน 2526 และ บริษัทชาร์เตอร์เอนเตอร์เทนเม้นท์ จำกัด จดทะเบียนวันที่ 24 ธันวาคม 2527

 

          ข้อมูลจากวิกิพีเดียเล่าว่า ปี 2526 เป็นช่วงที่อัตราดอกเบี้ยเงินฝากในประเทศสูง ถึงร้อยละ 12 เอกยุทธในวัย 29 ปี ได้คิดหากำไรจากส่วนต่างดอกเบี้ย

 

          โดยกู้เงินจากต่างประเทศด้วยอัตราดอกเบี้ยต่ำ ประมาณร้อยละ 3 มาฝากในสถาบันการเงินในประเทศเพื่อทำกำไร และนำกำไรที่ได้ไปลงทุนอสังหาริมทรัพย์เพิ่มเติม

 

          บริษัทนายหน้าของเอกยุทธ ในระยะแรกมีเงินลงทุนจากนายทหาร และนักการเมืองเป็นจำนวนมาก เมื่อเริ่มมีชื่อเสียงจึงมีประชาชนทั่วไปนำเงินเข้ามาลงทุน

 

          ช่วงนั้นรุ่งเรืองสุุดๆ ด้วยช่วงปี 2527 ประชาชนสมัยนั้น นิยมการลงทุนในเงินนอกระบบเช่น แชร์แม่ชม้อย, แชร์แม่นกแก้ว และหันมาลงทุนกับแชร์ชาร์เตอร์เป็นทอดๆ

 

 

 

หนีคุกต่างแดน

 

          เดือนพฤศจิกายน 2527 รัฐบาลพลเอกเปรม ติณสูลานนท์ โดยสมหมาย ฮุนตระกูล ประกาศลดค่าเงินบาทและออกพระราชบัญญัติการกู้ยืมเงิน อันเป็นการฉ้อโกงประชาชน พ.ศ. 2527

 

          มีการดำเนินการทางกฎหมายกับชม้อย ทิพยโส หรือ “แม่ชม้อย” หัวหน้าวงแชร์แม่ชม้อย และพันจ่าอากาศเอกหญิง นกแก้ว ใจยืน หัวหน้าวงแชร์แม่นกแก้ว

 

          เอกยุทธจึงหลบหนีเดินทางออกนอกประเทศ หลังจากมีข่าวว่าทางการจะออกหมายจับเมื่อกลางปี 2528 ที่มีนายทหารฟ้องคดีเช็คของเอกยุทธ ที่ธนาคารปฏิเสธการจ่ายเงินกันเพียบ  ขณะที่ยังมีผู้เข้าร้องเรียนกับกองบังคับการปราบปราม (บก.ป.) หลายพันคน

 

 

 

7 มิ.ย. 2556  ลับ ลวง หาย!  อดีตเจ้าพ่อแชร์ชาร์เตอร์

 

 

          ทางการประกาศอายัดทรัพย์สินของเอกยุทธ อัญชันบุตร, บริษัท ชาร์เตอร์ และผู้ถือหุ้น เพื่อนำออกขายทอดตลาด

 

          ปรากฏว่า เอกยุทธ์ในวัย 30 เป็นคนหนุ่มไฟแรง และร้อนพอที่จะต่อสู้กับความอยุติธรรมในมุมมองของเขา ช่วงที่หลบคดีแชร์ชาร์เตอร์อยู่ในเยอรมนีนั้น เขาได้พบกับ พันเอก มนูญ รูปขจร (ปัจจุบัน พลตรีมนูญกฤต รูปขจร) โดยการประสานงานกับกลุ่มผู้นำสหภาพแรงงาน พวกเขาร่วมกันก่อการ กบฏ 9 กันยา ขึ้นเมื่อวันที่ 9 กันยายน 2528 เพื่อล้มล้างรัฐบาลป๋า โดยเจ้าพ่อแชร์ชาร์เตอร์ผู้นี้แหละที่เป็นท่อน้ำเลี้ยงให้

 

          แน่นอนเรารู้ดีว่า งานนี้ไม่สำเร็จจึงได้กลายเป็น "กบฏ" แต่น่าเศร้าใจที่เหตุการณ์ครั้งนี้ มีผู้เสียชีวิต 2 คน เป็นผู้สื่อข่าวต่างประเทศชาวอเมริกันและชาวออสเตรเลีย

 

          ช่วงที่อยู่เยอรมนีตะวันตก เขาเปลี่ยนชื่อเป็น “จอร์จ ตัน” และขอลี้ภัยการเมืองที่ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ ต่อมาย้ายไปนครนิวยอร์ก และเริ่มทำธุรกิจในตลาดค้าหุ้นวอลล์สตรีท และทำธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ โดยมีธุรกิจหลักอยู่ในทั้งในกรุงลอนดอน และกัวลาลัมเปอร์

 

 

 

กลับบ้านเกิด

 

          กลางปี 2547  ฟ้าเหมือนเปิดทาง คดีแชร์ชาร์เตอร์ขาดอายุความ เอกยุทธ อัญชันบุตร กลับมาเป็นข่าวคราวอีกครั้ง เมื่อเขากลับมาเมืองไทย มุ่งหน้าไปที่พรรคประชาธิปัตย์พร้อมกับ อัมรินทร์ คอมันตร์ และประชัย เลี่ยวไพรัตน์ เพื่อเจรจาทางการเมือง

 

          ช่วงนั้นมีข่าวลือว่า เอกยุทธพยายามจะให้เงินสนับสนุนพรรคประชาธิปัตย์จำนวน 1,000 ล้านบาท เพื่อใช้โค่นรัฐบาลทักษิณ ชินวัตร แต่ทางอัมรินทร์ได้ปฏิเสธในเรื่องนี้ว่าไม่เป็นความจริง

 

 

 

7 มิ.ย. 2556  ลับ ลวง หาย!  อดีตเจ้าพ่อแชร์ชาร์เตอร์

 

 

          จะด้วยเหตุผลใด เอกยุทธ์ปรากฏตัวราวกับแค้นเคืองทักษิณมาแต่ปางก่อน เขาได้ร่วมกับ "กลุ่มประชาชนเพื่อชาติและราชบัลลังก์" จัดปราศรัยขับไล่พันตำรวจโททักษิณ ชินวัตร ขึ้นที่ท้องสนามหลวงในเดือนกันยายน

 

           ช่วงนั้น เอกยุทธโผล่ออกข่าวเป็นระยะๆ ทั้งยังวิพากษ์และโจมตีทักษิณเรื่อยมาอย่างเผ็ดร้อน จนกระทั่งได้เปิดเว็บไซต์ "ไทยอินไซเดอร์" และยังวิพากษ์วิจารณ์รัฐบาลทักษิณในเฟซบุ๊กส่วนตัวอีกด้วย

 

          ช่วงหลังเหมือนๆ ว่าเขาจะเงียบๆ ไปในกระแสข่าวหลัก แต่ยังคงเคลื่อนไหวทางเฟซบุ๊กเรื่อยมาจนถึงรัฐบาลน้องสาวทักษิณ เขาก็ยังคงโพสต์เรื่องราวต่างๆ เพื่อดิสเครดิตรัฐบาล ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อยู่บ่อยครั้ง

 

 

 

กลับสู่ที่มา

          จนกระทั่งเขามามีข่าวดังในปี 2556 ชนิดที่สร้างปรากกการณ์ แต่นั่นเกิดขึ้นหลังจากที่เขาเสียชีวิตไปแล้ว 

 

          วันที่ 9 มิถุนายน 2556 มีข่าวว่า ญาติของเอกยุทธเข้าแจ้งความที่กองบังคับการปราบปราม ว่าเอกยุทธได้หายตัวไปตั้งแต่เวลา 20.00 น. ของวันที่ 6 มิถุนายน

 

           หลังจากนั้นทราบว่าในวันต่อมา เอกยุทธโทรศัพท์ติดต่อพี่สาว ให้นำเช็คเงินสดจำนวน 5 ล้านบาทไปให้ที่สนามบินสุวรรณภูมิ ซึ่งเอกยุทธไม่ได้มาเอง แต่เป็นคนขับรถมารับแทน ก่อนหายตัวไปและไม่สามารถติดต่อได้

 

           ทางญาติเดินทางไปตรวจสอบกล้องวงจรปิดของบริษัท ย่านทาวอินทาวน์ อันเป็นบริษัทและที่พักของเอกยุทธ เพื่อตรวจสอบภาพของเอกยุทธครั้งล่าสุด แต่ระบบเซิฟเวอร์ของกล้องวงจรปิดกลับถูกถอดออกไป

 

          ญาติจึงเกรงว่าเอกยุทธอาจถูกลักพาตัว จึงเข้าแจ้งความลงบันทึกประจำวันไว้เป็นหลักฐานที่สถานีตำรวจนครบาลวังทองหลาง ก่อนที่จะเดินทางมาร้องเรียนดังกล่าว เพื่อให้ช่วยติดตามตัวเอกยุทธเพิ่มอีกทางหนึ่ง

 

          สำหรับสาเหตุของการหายตัวไปนั้น ญาติเชื่อว่า มาจากประเด็นความแย้งส่วนตัวที่มีอยู่จำนวนมาก พูดง่ายๆ ว่า "โจทก์เยอะ!!"

 

 

 

7 มิ.ย. 2556  ลับ ลวง หาย!  อดีตเจ้าพ่อแชร์ชาร์เตอร์

 

 

          ลามไปถึงการสันนิษฐาน เกี่ยวกับการที่เอกยุทธออกมาเปิดเผยว่า ได้พบเห็นสตรีระดับสูงคนหนึ่งที่โรงแรมแห่งหนึ่งไปพบปะกับนักธุรกิจอสังหาริมทรัพย์หลายคนทั้งที่อยู่ในเวลาราชการ อันเป็นข่าวครึกโครมอื้อฉาว และในครั้งนั้นเอกยุทธก็ได้ถูกทำร้ายร่างกายด้วย

 

          อีก 2 วันต่อมา สันติภาพ เพ็งด้วง ซึ่งเป็นผู้ต้องสงสัย เพราะเป็นคนขับรถของเอกยุทธที่อยู่ด้วยก่อนจะหายตัวไป และเป็นผู้ที่ไปรับเช็ค 5 ล้านบาทที่สนามบินสุวรรณภูมิแทนเอกยุทธ ถูกตำรวจควบคุมตัวไว้หลังจากไปกบดานที่บ้านเกิดที่จังหวัดพัทลุง

 

          เขาได้กลับคำให้การจากตอนแรกที่บอกว่า เอกยุทธได้เดินทางไปประเทศพม่า โดยแยกทางกันที่จังหวัดประจวบคีรีขันธ์

 

           และยอมรับสารภาพในเวลาเย็นว่า ได้เป็นผู้สังหารเอกยุทธเพื่อชิงทรัพย์ และโกรธแค้นเอกยุทธที่ไล่แฟนสาวออกจากที่ทำงานก่อนหน้านั้น โดยทิ้งศพไว้ที่เขาจิงโจ้ ป่า ต.ชัยบุรี อ.เมืองพัทลุง

 

 

 

ไทม์ไลน์อุ้มฆ่า

 

          9 มิถุนายน 2556 ญาติของ เอกยุทธ แจ้งความที่กองบังคับการปราบปรามว่าเอกยุทธหายตัวไปตั้งแต่เวลา 20.00 น. วันที่ 6 มิถุนายน 2556 หลังจากโทรศัพท์ติดต่อพี่สาวให้นำเช็คเงินสดจำนวน 5 ล้านบาท ไปให้ที่สนามบินสุวรรณภูมิในวันที่ 7 มิถุนายน 2556 (ซึ่งเป็นวันเสียชีวิต) ซึ่งคนขับรถมารับแทน

 

          วันนั้นมีข้อพิรุธคือ การเขียนเช็คเงินสดที่นายเอกยุทธลงชื่อปี พ.ศ. ผิดจาก 2556 เป็น 2553 ซึ่งนั่นน่าจะเป็นเบาะแสความผิดปกติ แต่ทุกคนไม่สงสัย ก่อนที่จะไม่สามารถติดต่อนายเอกยุทธได้อีกเลย

 

          หลังแจ้งความตำรวจและญาติตรวจสอบกล้องวงจรปิดของบริษัท ย่านทาวอินทาวน์ ซึ่งเป็นที่พักของเอกยุทธด้วย แต่พบว่าระบบเซิร์ฟเวอร์ของกล้องวงจรปิดถูกถอดออกไป และภาพสุดท้ายที่กล้องจับภาพได้คือ รถโฟล์กตู้ สีดำ ทะเบียน ฮพ 9304 กรุงเทพมหานคร ซึ่งเป็นรถของนายเอกยุทธ ขับมุ่งหน้าไปยังร้านครัวกระแต ย่านประดิพัทธ์ มานั่งกินข้าวพร้อมคนขับรถและออกไป

 

          10 มิถุนายน 2556 ตำรวจพบเบาะแสรถโฟล์กตู้ ที่ จ.สุราษฎร์ธานี และสกัดจับคนขับรถ คือ สันติภาพ เพ็งด้วง หรือ บอล คนขับรถของเอกยุทธ ได้ที่ จ.ประจวบคีรีขันธ์ โดยในตอนแรกสันติภาพบอกว่า เอกยุทธหลบหนีไปประเทศพม่า โดยมีรถอีกคันมารับตัวไป

 

          ก่อนหน้านี้เอกยุทธ ซึ่งรู้ตัวว่ามีผู้ปองร้าย ได้แจ้งทนายความส่วนตัวไว้ว่า หากมีอันตรายเกิดขึ้น ไม่น่าจะใช่เรื่องส่วนตัว และทนายจึงขอเข้าสอบปากคำผู้ต้องหาร่วมกับตำรวจ พร้อมตั้งข้อสังเกต ความผิดปกติ 13 ข้อ

 

          จนในที่สุดสันติภาพจึงสารภาพว่า ร่วมกับพวกจับตัวเอกยุทธไปเพื่อชิงทรัพย์ แต่มีการขัดขืนจึงฆาตกรรมและนำศพไปฝั่งที่ จ.พัทลุง ซึ่งตำรวจได้ตามไปขุดหาจนพบศพ ในวันที่ 12 มิถุนายน 2556

 

 

 

7 มิ.ย. 2556  ลับ ลวง หาย!  อดีตเจ้าพ่อแชร์ชาร์เตอร์

 

 

          12 มิถุนายน 2556 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ก่อนการขุดศพเอกยุทธ ตำรวจชุดคลี่คลายคดีนำตัวทั้ง สันติภาพ, ธิวากร และ ชวลิตไปชี้สถานที่ที่นำศพมาฝัง

 

          จากนั้น จนท.หน่วยกู้ภัยมูลนิธิพัทลุงการกุศล ก็ขุดศพอยู่ 45 นาที จึงเจอศพเอกยุทธในสภาพเปลือยเปล่านอนคว่ำหน้า ที่บริเวณลำคอมีรอยเขียวช้ำ แพทย์ชันสูตรเบื้องต้นพบเสียชีวิตมาแล้วไม่ต่ำกว่า 4 วัน

 

          ทั้งนี้ ทางน้องสาวของเอกยุทธยืนยันว่าเป็นศพของพี่ชายวัย 59 จริง โดยสังเกตจากตำหนิปานดำที่ใบหู!!

 

          ที่สุด ภายหลังจากนั้น ช่วงปี 2556  นายบอลกลับคำให้การ ที่สอดคล้องกับอดีตทนายความของเอกยุทธที่ออกมาเปิดเผยว่า ได้พูดคุยกับบอลจากห้องขัง เขากลับระบุว่าไม่ได้เป็นผู้ลงมือสังหารเอกยุทธตามที่เคยให้การไว้ แต่มีทีมสังหาร ซึ่งเป็นกลุ่มคนมีสีจำนวน 4 คน เป็นผู้ลงมือฆ่า

 

          ส่วนตนเองทำหน้าที่ “ผู้ชี้เป้า” เท่านั้น โดยทีมสังหารได้ลงมือฆ่าเอกยุทธตั้งแต่อยู่ภายในบ้านพักย่านทาวน์อินทาวน์ หลังจากอุ้มนายเอกยุทธมาจากร้านอาหาร

 

          โดยชนวนการอุ้มมาจากการที่ “กลุ่มสังหาร” ต้องการบังคับเอา “ฮาร์ดดิสก์” ซึ่งเป็นความลับสำคัญที่เอกยุทธมีอยู่ โดยทีมสังหารไม่ได้ตั้งใจจะฆ่าเอกยุทธที่บ้าน แค่ต้องการสั่งสอน แต่ลงมือแรงไป ทำให้แผนที่จะอุ้มไปฆ่าที่อื่นต้องล้มเหลว จึงต้องเปลี่ยนแผนใหม่เอาศพไปทิ้งที่พัทลุง

 

          ส่วนว่าความจริงจะเป็นอะไร ก็สุดแท้แต่จะคาดเดา แต่ที่แน่ๆ ผู้อยู่ในกระบวนการกระทำผิด "ที่ถูกจับได้" ก็รับโทษทัณฑ์ไปแล้ว

 

*****************************

 

 

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

logoline

ข่าวที่น่าสนใจ