ชื่องานแบบโต้งๆ ไม่มีกั๊กเลยว่า "ทวงคนดีคืนถิ่น เอาทักษิณกลับบ้าน" กระแสพาทักษิณกลับบ้านจึงกลับมาร้อนแรง
หลับตาย้อนกลับไปในบรรยากาศการเมืองบ้านเรายุคปี 2556 เวลานั้นสำหรับคนไทยทั่วไป ก็คงหมายถึงการที่เมืองไทยมีรัฐบาลจากการเลือกตั้ง ได้นายกรัฐมนตรีหญิง เป็นนารีขี่ม้าขาว ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ที่กำลังบริหารประเทศมาได้ระยะเวลาหนึ่ง เจอทั้งเสียงชมเสียงบ่นคละเคล้ากันไป
แต่สำหรับคนเสื้อแดงแล้ว หลายคนคิดว่านี่คือ “ชัยชนะ” ช่วงนั้นกระแสพาทักษิณกลับบ้านจึงกลับมาร้อนแรง โดยเฉพาะเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อวันนี้ของ 6 ปีก่อน ตรงกับวันที่ 24 พฤษภาคม 2556 ที่คนเสื้อแดงอีสาน ได้รวมตัวกันจัดกิจกรรมสำคัญขึ้น และเป็นงานที่นับว่ายิ่งใหญ่ไม่แพ้งานชุมนุมของ นปช. โดยงานนี้ยังมีไฮไลท์ที่ ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง เป็นโต้โผจัดเวทีปราศรัยใหญ่ ครั้งแรก!
แถมยังมีชื่องานแบบโต้งๆ ไม่มีกั๊กเลยว่า "ทวงคนดีคืนถิ่น เอาทักษิณกลับบ้าน" ซึ่งจัดขึ้นที่ สนามทุ่งศรีเมือง จ.อุดรธานี
แน่นอนงานในวันนั้น คนเสื้อแดงอีสานจะมากันคับคั่งตามสไตล์ และมีแกนนำเสื้อแดงทยอยขึ้นเวทีปราศรัยท่ามกลางคนเสื้อแดงจากจังหวัดต่างๆ ในถิ่นบั้งไฟหลายหมื่นคน เช่น ขวัญชัย สาราคำ หรือ ขวัญชัย ไพรพนา ประธานชมรมคนรักอุดร และ ประธานชมรมคนรักภาคอีสาน 20 จังหวัด พร้อมด้วย ศราวุธ เพชรพนมพร (ขณะเป็นส.ส.อุดรธานี เขต 1 พรรคเพื่อไทย) และยังมี อดิศร เพียงเกษ, เวียง วรเชษฐ, พายัพ ปั้นเกษ, สุพร อัตถาวงศ์ และส.ส.อุดรธานี และจากภาคอีสานหลายคน ร่วมบนเวทีด้วย
ป้ายติดไปหลายพื้นที่ในภาคอีสาน (ขอบคุณภาพจาก http://oknation.nationtv.tv/blog/paksa/2013/07/10/entry-1)
โดย อดิศร เพียงเกษ ได้ขึ้นเวทีปราศรัย โดยได้นำแคนมาเป่าเป็นเพลง มี ส.ส.อุดรธานี และหนองคายออกมาฟ้อนเข้าจังหวะ และประชาชนลุกขึ้นฟ้อนด้วยความสนุกสนาน หลังจากนั้น จึงเริ่มการปราศรัยต่อด้วยนายเวียง วรเชษฐ์ ส.ส.บัญชีรายชื่อพรรคเพื่อไทย ขึ้นปราศรัยต่อ เรื่องการเข้าสลายการชุมนุมที่เวทีราชประสงค์ทำให้มีผู้เสียชีวิต 91 ศพด้วยภาษาอีสาน
แต่ที่เป็นไคลแมกซ์ของงาน คือ ลีลาของ ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง ซึ่งขณะนั้นดำรงตำแหน่ง รองนายกรัฐมนตรี ฝ่ายความมั่นคง ที่ขึ้นเวทีปราศรัยเรียกร้องทวงคืน พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี กลับคืนถิ่นบ้านเกิด กับ หัวข้อ “เฉลิมเปิดใจ ทำไมต้องพาทักษิณกลับบ้าน”
อย่างที่รู้กัน สำหรับ “แม่ทัพเฉลิม” ไปอีสานคราใด ฝูงชนจะต้องมาแบบล้นหลาม (หากแต่ในวันนี้ลดน้อยถอยลงไปแล้ว)
วันนั้น ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รองนายกรัฐมนตรี ระบุว่า หลังจากเสนอ พ.ร.บ.ปรองดอง ก็ถูกโจมตีจากฝ่ายค้าน และเอเอสทีวี หาว่าตน เสนอ พ.ร.บ.ปรองดองแตกหัก และยังย้ำว่าพรรคประชาธิปัตย์จะเป็นพรรคฝ่ายค้านไปอีกนาน
จากนั้นเหลิมบางบอนได้กล่าวคำที่กลายเป็นพาดหัวข่าวทันทีว่า
ยอมรับว่าเป็นขี้ข้าทักษิณ แต่เป็นขี้ข้าทางใจ ซึ่งก่อนที่ตนมาอีสาน ตนก็ถูกสื่อฝ่ายตรงข้าม กล่าวหาว่ามาปลุกระดมคนอีสาน ส่วนใครที่จะต่อต้าน พ.ร.บ. ปรองดอง ตนอยากให้ชุมนุมในพื้นที่ ไม่ต้องไปปักหลักในกรุงเทพ ใครอยู่จังหวัดไหนก็ให้ชุมนุมจังหวัดนั้น และสุดท้ายนี้ ตนอยากจะบอกว่า ตนจะนำ พ.ต.ท.ทักษิณ กลับประเทศไทย ก่อนปีใหม่ให้ได้ แต่หากไม่ได้กลับ ตนจะขอรับผิดชอบทั้งหมดเอง จะเอาไปตัดหัว คั่วแห้งที่ไหนก็เชิญ
สายสัมพันธ์หนึบหนับ
ตอนนี้ถ้าพี่น้องกรุณา พ.ต.ท.ทักษิณจะกลับบ้านได้ก่อนปีใหม่ ตนร่างกฎหมายไว้ เดิมมี 6 มาตรา แต่ตอนหลังไปตัดไปหนึ่งมาตรา เรื่องเยียวยา เพราะวันนี้รัฐบาลทำอยู่แล้ว
มีการระบุว่ากฎหมายฉบับนี้ให้ประโยชน์กับ พ.ต.ท.ทักษิณ ตนไม่ได้เขียนถึงท่าน พ.ต.ท.ทักษิณ ได้ประโยชน์หรือไม่ อยากหันหน้ามานับหนึ่งกันใหม่ทุกอย่างจบ
“ท่านต้องเชื่อใจ ผมไม่ได้ชอบนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายสุเทพ เทือกสุบรรณ แต่เป้าหมายคือ ทักษิณ ชินวัตรกลับบ้าน ถ้าไม่สำเร็จผมรับผิดชอบแต่เพียงผู้เดียว ผมตัดสินใจแล้วและจากนี้จะเดินสายหลายพื้นที่”
ขณะเดียวกันวันนั้น ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง ยังได้กล่าวถึง นายเนวิน ชิดชอบ ที่ระบุ “อยากจะกลับบ้านเก่า” อีกด้วยว่ากลับบ้านเก่าว่า บ้านเก่าก็ไปวัด ไปแล้วไปเลย อีเรียม ขวัญไม่เอา ถ้ากลับมาพวกกูไม่รับมึงอย่างแน่นอน”
ภาพจากแฟ้มข่าว
ต่อมาเวลา 18.45 น. สายฝนเดือน 5 เริ่มโปรยปรายลงมา ขวัญชัย สาราคำ จึงขึ้นเวทีแจ้งว่า เดิมที พ.ต.ท.ทักษิณ จะโฟนอินเข้ามาคุยกับพ่อแม่พี่น้องคนเสื้อแดง แต่ในเมื่อฝนตกจึงไม่สามารถโฟนได้ จึงได้ยกเลิกไป
เมื่อเป็นเช่นนี้ มวลชนคนเสื้อแดง จึงพากันลุกขึ้นหาที่หลบฝน บางสว่นที่พกร่มมาก็เอาขึ้นมากาง จากนั้น ร.ต.อ.เฉลิม จึงหยุดการปราศรัย เดินทางลงจากเวทีเพื่อรีบเดินทางไปต่อ จ.มหาสารคาม
ขวัญชัย ไพรพนา (ภาพจากแฟ้มข่าว)
กระทั่งเวลา 19.00 น. นายขวัญชัย สาราคำ กล่าวกับผู้ชุมนุมว่า เมื่อสักครู่พ.ต.ท.ทักษิณ ได้โทรศัพท์มาหา ว่าได้ดูการถ่ายทอดสด แต่ไม่สะดวกที่จะโฟนอินเข้ามาคุยกับพ่อแม่พี่น้องคนเสื้อแดงโดยได้ฝากความ คิดถึงหาประชาชนที่มาชุมนุมทุกคน ทำให้คนเสื้อแดงโห่ร้องด้วยความดีใจ
อย่างไรก็ดี หากจำกันได้ วันนั้น ขวัญชัย ไพรพนา ยังโวไว้ในฐานะแกนนำคนรักภาคอีสาน 20 จังหวัด ระบุว่าต่อจากนี้ตนและแกนนำชมรมคนรักภาคอีสาน 20 จังหวัด จะเดินสายเปิดเวที “ทวงคนดีคืนถิ่น เอาทักษิณกลับบ้าน” ในภาคอีสานจนครบ 20 จังหวัดโดยจะเชิญ ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รองนายกรัฐมนตรีและแกนนำที่มาร่วมปราศรัยวันนี้ไปปราศรัยร่วมด้วยทุกเวที
แต่แล้ว ช่วงเดือนพฤศจิกายน 2556 กระแสพาทักษิณกลับบ้านเริ่มถูกต่อต้านจากประชาชน ด้วยเป็นที่ทราบกันว่า กลุ่มขวัญชัยนั้นชูธงที่จะให้อดีตนายกฯ ทักษิณ ชินวัตร กลับบ้าน และสนับสนุนร่าง พ.ร.บ.นิรโทษกรรม ฉบับสุดซอย เพื่อนับหนึ่งประเทศไทย
ขวัญชัยจึงแตะเบรกกิจกรรมนี้ โดยการประกาศผ่านวิทยุสถานีชุมชนคนรักอุดร 97.5 เมกะเฮิรตซ์ และสถานีโทรทัศน์ดาวเทียม P&P Channal แจ้งว่า
“เมื่อมีการพลิกกลับในสถานการณ์ที่กลุ่ม นปช.ออกมา ไม่ยอมรับร่าง พ.ร.บ.นิรโทษกรรม ทำท่าทำทางว่าจะออกไปทิศทางเดียวกันกับฝ่ายต่อต้าน ในฐานะประธานเสื้อแดงภาคอีสาน 20 จังหวัด จึงต้องแสดงความรับผิดชอบเพราะเราไปไม่ถึงเป้าหมาย จึงต้องพิจารณาตัวเอง และได้ปรึกษาแกนนำทั้ง 20 จังหวัด จึงต้องขอยุติบทบาทชั่วคราวสัก 1 สัปดาห์ เพื่อขอเวลาทำใจให้สบาย ไปชาร์จแบตเตอรี่ คิดหาวิธีการจะเดินต่อไปอย่างไร โดยขอเดินทางไปพักผ่อนที่ภูเก็ต และจะกลับมาอีกในวันที่ 17 พฤศจิกายน”
คาบเกี่ยวกับที่ ฝ่ายพรรคเพื่อไทยออกมาแสดงจุดยืนว่า ถ้าวุฒิสภาลงมติไม่รับหลักการร่างกฎหมายฉบับนี้ (พ.ร.บ.นิรโทษกรรม) และส่งคืนมายังสภาผู้แทนราษฎร พรรคเพื่อไทยขอยืนยันว่า สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรพรรคเพื่อไทยทั้งหมด จะไม่หยิบยกร่าง พ.ร.บ. นี้ขึ้นมาพิจารณาใหม่ ( คือ พ.ร.บ.นิรโทษกรรมและร่าง พ.ร.บ.ปรองดอง รวม 6 ฉบับ) และจะปล่อยให้กฎหมายฉบับนี้ตกไปตามบทบัญญัติของรัฐธรรมนูญ นอกจากนั้นพรรคเพื่อไทยจะขอให้ ส.ส.ของพรรค ไปถอนร่างกฎหมายที่มีเนื้อหาเกี่ยวกับการนิรโทษกรรมฉบับอื่นๆ ทั้งหมดที่ค้างอยู่ในสภาผู้แทนราษฎรโดยเร็ว
แต่เหมือนวา่จะไม่ทันเสียแล้ว เพราะช่วงนั้นเองที่ได้เกิดกลุ่มการเมืองที่เรียกว่า กปปส. มีชื่อเต็มว่า คณะกรรมการประชาชนเพื่อการเปลี่ยนแปลงปฏิรูปประเทศไทยให้เป็นประชาธิปไตยที่สมบูรณ์แบบอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข โดย สุเทพ เทือกสุบรรณ ถอดเสื้อ ส.ส. ปชป. มาเป็นผู้นำการประท้วง และก่อตั้งกลุ่มดังกล่าวตั้งขึ้นเมื่อวันที่ 29 พฤศจิกายน 2556
พวกเขามีอาวุธเป็นนกหวีด และใช้คำว่า “นิรโทษกรรมสุดซอย” หรือ วาทกรรมคำว่า “เหมาเข่ง” มาใช้เป็นโจทย์ในการเรียกเสียงสนับสนุนจากประชาชนคนไทยที่ไม่เห็นด้วยกับ พ.ร.บ.นี้
(ในขณะที่ฝั่งสนับสนุน มองว่า พ.ร.บ.นิรโทษกรรมฉบับนี้ เป็นกฎหมายเพื่อความปรองดองลดความแตกแยก เป็นประโยชน์ต่อประชาชนโดยรวม)
และก็ได้ผลเกินคาด เมื่อประชาชนมากันแทบล้นกรุงเทพ ทั้งคนทั่วไป คนดัง ดารา เซเลบ นักวิชาการ มากันมืดฟ้ามัวดินเพื่อเป่านกหวีดไม่เอา พ.ร.บ.นิรโทษสุดซอย ลามไปถึงไม่เอารัฐบาลยิ่งลักษณ์ ชินวัตร จนต้องประกาศยุบสภา ในวันที่ 9 ธันวาคม พ.ศ. 2556
แต่มันก็ยังไม่จบ จนเรื่องราวดำเนินมาถึงวันที่ 22 พฤษภาคม 2557 ที่เกิดรัฐประหาร และกปปส. ได้ประกาศยุติการชุมนุม คงจำกันได้วันที่ 16 มิถุนายน 2557 สุเทพกล่าวว่า กปปส. หยุดเคลื่อนไหวทันทีหลัง คสช. ยึดอำนาจ และ กปปส. พร้อมให้ความร่วมมือหาก คสช. จัดการปฏิรูป
สุดท้าย ทักษิณก็ยังไม่ได้กลับบ้านมาจนทุกวันนี้ แถมเพิ่งได้น้องสาวไปอยู่ด้วยอีกคนราวๆ เกือบสองปีก่อน ภารกิจเหลิมบางบอนพานายทาสหัวใจคืนถิ่นจึงต้องพับเก็บไว้ยาว!
ข่าวที่เกี่ยวข้อง