วันนี้ในอดีต

"โจ หลุยส์" จากเด็กโรงน้ำแข็งสู่ตำนานแชมป์หมัดระบือโลก

เกาะติดข่าวสาร >> คมชัดลึก ออนไลน์
logoline

  หลุยส์มีชื่อเล่นในวงการมวยว่า The Brown Bomber เป็นนักมวยอีกคนที่ประสบความสำเร็จที่สุดในรุ่นเฮฟวี่เวต เป็นฮีโร่ของคนอเมริกัน

 

***************************

          วันนี้อาจเป็นวันธรรมดาทั่วไป สำหรับหลายคน หรืออาจเป็นวันสำคัญของใครอีกหลายคน แต่วันนี้เมื่อ 105 ปีก่อน ตรงกับวันที่ 13 พฤษภาคม 2457 คือวันที่ เด็กน้อย โจเซฟ หลุยส์ แบร์โรว์ หรือ โจ หลุยส์ ที่ชาวโลกเรียกขาน ถือกำเนิดขึ้นมาเพื่อประกาศว่าเขาคืออีกหนึ่งผู้ยิ่งใหญ่ บนสังเวียนผ้าใบโลก

 

 "โจ หลุยส์"  จากเด็กโรงน้ำแข็งสู่ตำนานแชมป์หมัดระบือโลก

 

          โจ หลุยส์ เป็นชาวอเมริกัน เกิดในครอบครัวยากจนชาวผิวสี ในชนบทของมลรัฐอลาบามา ต่อมาช่วงอายุ 12 ปี ครอบครัวของเขาย้ายไปยังเมืองดีทรอยต์ มลรัฐมิชิแกน หลังจากเกิดภาวะเศรษฐกิจตกต่ำครั้งใหญ่

          ช่วงวัยรุ่นทำงานในโรงงานน้ำแข็ง ส่งผลให้เขามีร่างกายที่แข็งแกร่ง จนราวอายุ 17 ได้ก้าวเข้าสู่แวดวงมวยสากลสมัครเล่น โดยขึ้นชกมวยที่ศูนย์นันทนาการเยาวชนท้องถิ่น และเริ่มมีชื่อเสียงหลังจากเป็นแชมป์ Golden Gloves กระทั่งได้เป็นนักมวยอาชีพตั้งแต่อายุ 20 ปี และกลายเป็นแชมป์สมัครเล่นสหรัฐอเมริกา (National Boxing Championships) ในปีพ. ศ. 2477

         ต่อมาเขาขึ้นชก และสามารถล้ม แจ็ค แคร็คเกน ตั้งแต่ยกแรก ในปีนั้นเขาชนะ 12 ไฟต์และชนะน็อค 10 ไฟต์ และกลายเป็นนักมวยที่ร้อนแรงมากขึ้นเรื่อย ๆ

 

 "โจ หลุยส์"  จากเด็กโรงน้ำแข็งสู่ตำนานแชมป์หมัดระบือโลก

หลุยส์ ชกกับแม็กซ์ ชเมลิ่ง ในปี 2479

 

          ปีต่อมาเขาก็ได้สวมเข็มขัดแชมป์โลกเฮฟวีเวตเป็นครั้งแรก ขณะอายุ 21 ปี หลังจากที่ล้มแชมป์เก่า พริโม คาร์เมรา ในยก 6

          อย่างไรก็ดี ช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 เขาหยุดชกมวยเพื่อไปเป็นทหารอยู่ 3 ปี หลังจากสิ้นสุดสงคราม เขาได้เป็นโฆษกด้านกีฬาของกองทัพบกสหรัฐฯ ตระเวนสร้างสัมพันธไมตรีกับประเทศในยุโรป ก่อนจะประกาศแขวนนวมเมื่อวันที่ 1 มีนาคม 2492

          หลุยส์มีชื่อเล่นในวงการมวยว่า The Brown Bomber เขาชกมวยระหว่างปี 2480-2492 ชกป้องกันตำแหน่งทั้งหมด 26 ไฟต์ โดยที่ไม่เคยแพ้ใคร และชนะน็อค 23 ครั้ง ครองเข็มขัดยาวนานถึง 11 ปี 10 เดือน นานที่สุดในประวัติศาสตร์มวยสากล 

 

 "โจ หลุยส์"  จากเด็กโรงน้ำแข็งสู่ตำนานแชมป์หมัดระบือโลก

หลุยส์ขณะอยู่กองทัพ

 

          หลุยส์ได้รับการยอมรับว่า เป็นนักมวยอีกคนที่ประสบความสำเร็จที่สุดในรุ่นเฮฟวี่เวต เป็นฮีโร่ของคนอเมริกัน ครั้งที่เอาชนะ แม็กซ์ ชเมลิ่ง คู่ชกชาวเยอรมัน ในปี  2481 ในยุคของอดอล์ฟ ฮิตเลอร์ ว่ากันว่างานนั้น ชเมลิ่งต้องนอนซมรักษาตัวที่โรงพยาบาลนานถึง 3 สัปดาห์

          ส่วนแมตช์คลาสสิคอีกอันของหลุยส์ที่หลายคนไม่เคยลืม คือ โจ หลุยส์ ขณะครองแชมป์นักมวยแชมป์โลกเฮฟวี่เวท ขึ้นป้องกันแชมป์เป็นสมัยที่ 18 กับ บิลลี่ คอนน์ นักมวยรองบ่อนที่นอกจากจะสถิติแย่กว่าแล้ว ที่เป็นปรากฏการณ์ที่สุดคือ คอนน์มีน้ำหนักน้อยกว่าหลุยส์อยู่มาก ในตอนก้าวเข้าสู่สังเวียนนักมวยทั้งคู่มีอายุห่างกันกว่า 12 กิโลกรัม! ซึ่งเสียเปรียบเห็นๆ

          แต่ที่สุดทั่วโลกก็ต้องตกตะลึง เมื่อผู้ที่ทำแต้มได้มาตลอดการชกคือ บิลลี่ คอนน์ ที่มีลีลาต่อยแบบตั้งรับเหนียวหนึบ จนเมื่อถึงยกที่ 13 นาทีนั้นทุกคนฟันธงแล้วว่า คอนน์ชนะขาด ปรากฏว่าอยู่ๆ เขาก็เปลี่ยนแผนมารุกอย่างหนัก พยายามจะน็อคหลุยส์ให้ได้ แต่แล้วก็พลาดท่า โดนหลุยส์น็อคเอาท์ไปอย่างหน้าแตกสุดชีวิต

        สำหรับชีวิตส่วนตัว โจ หลุยส์ แต่งงานกับ Marva Trotter มาร์วา ทรอตเตอร์ ทั้งคู่มีบุตรด้วยกันสองคน คือ แจ็กเกอลีน และบุตรชาย โจเซฟ หลุยส์ แบร์โรว์ จูเนียร์

         แต่พวกเขาก็หย่ากันในเดือนมีนาคม 2488 โดยหลุยส์แต่งงานอีกหลายครั้งนับจากนั้น

          อย่างไรก็ดี ชีวิตของนักมวยมีล้ม มีลุก มีพลาด หากสำหรับหลุยส์ไม่ใช่เรื่องการชก หากเป็นเรื่องการเงิน หลุยส์เป็นนักมวยอีกคนหนึ่งที่ได้ชื่อว่า ล้มละลาย 

          โดยช่วงหนึ่ง IRS หรือกรมสรรพากรของสหรัฐ ได้ประกาศชื่อนักกีฬาผู้ล้มละลายและเป็นหนี้ภาษีให้รับรู้ โดยมีรายชื่อคนดังระดับโลกมากมาย หนึ่งในนั้นมีนักมวยที่เป็นหนี้รัฐบาลท่วมหัว

 

 "โจ หลุยส์"  จากเด็กโรงน้ำแข็งสู่ตำนานแชมป์หมัดระบือโลก

หลุยส์ กับ แม็กซ์ ชเมลิ่ง ที่ภายหลังกลายมาเป็นเพื่อนรักกัน

 

          ซึ่งว่ากันว่า นักชกอเมริกันผู้ซึ่งติดโผนักชกโลกทุกครั้งที่มีคนทำวรวจ ในด้านหนึ่งช่างน่าเศร้ามากที่เขามีหนี้สินมากมาย ถึงขนาดที่ว่าในวันสุดท้ายของชีวิตเขา ในพิธีฝังศพ อดีตคู่ต่อสู้ของเขา แม็กซ์ ชเมลิ่ง ที่เคยชนะและแพ้มาแล้ว ได้มาให้การช่วยเหลือเงินทองในงานศพของเขาอีกด้วย

 

 "โจ หลุยส์"  จากเด็กโรงน้ำแข็งสู่ตำนานแชมป์หมัดระบือโลก

 

          ทั้งนี้ หลุยส์เสียชีวิตจากภาวะหัวใจหยุดเต้นในโรงพยาบาล Desert Springs ใกล้กับลาสเวกัสเมื่อวันที่ 12 เมษายน 2524 เพียงไม่กี่ชั่วโมงหลังจากการปรากฏตัวต่อหน้าสาธารณชนครั้งสุดท้ายของเขาในการดูรายการ Larry Holmes – Trevor Berbick

          ในปี 2546 นิตยสาร Ring Magazine ได้จัดอันดับนักมวยให้เขาอยู่ในอันดับ 1 ในรายชื่อสุดยอดนักมวย 100 คนตลอดกาล และในปี 2548 องค์การมวยสากลนานาชาติ ได้ยกย่องให้เขาเป็นนักมวยสากลที่ยิ่งใหญ่ที่สุดตลอดกาล 

/////////////////////////////

ขอบคุณภาพและข้อมูลจาก

วิกิพีเดีย

https://www.sarakadee.com/2011/09/09/joe-louis/

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

logoline
แท็กที่เกี่ยวข้อง

ข่าวที่น่าสนใจ