ขณะที่ก่อคดีใหญ่ครั้งนี้ เขาเป็นนักแสดงละครเวทีอยู่ที่โรงละคร ฟอร์ด เธียเตอร์ จึงเป็นเหตุผลว่า ทำไมเขาจึงเล็ดลอดเข้าไปประชิดตัวประธานาธิบดีได้ขนาดนั้น
**************
วันนี้มีเรื่องราวต่างแดนมาฝาก จะเรียกว่าเป็นกรงกรรมเวอร์ชั่นเลือดล้างเลือดก็ได้
คนไทยคงรู้จักอดีตประธานาธิบดี อับราฮัม ลินคอล์น กันดี ว่าเขาคือผู้นำลำดับที่ 16 ของ สหรัฐอเมริกา ผู้ซึ่งประสบความสำเร็จในการนำพาประเทศผ่านพ้นสงครามกลางเมืองอเมริกา นำพาประเทศไปสู่การเลิกทาส, สร้างความมั่งคงแข็งแกร่งให้กับรัฐบาลกลาง ตลอดจนส่งเสริมการเศรษฐกิจและการเงินให้ทันสมัย และอื่นๆ อีกมากมาย
อับราฮัม ลินคอล์น
แต่นั่นอาจยังไม่พอที่จะเปลี่ยนใจ จอห์น วิลค์ส บูธ มือสังหารให้หันปลายกระบอกปืนออกไปจากศีรษะของผู้นำคนนี้ขณะนั่งชมละครรอบพิเศษ ที่ โรงละครฟอร์ด เธียเตอร์ (Ford Theater) แต่กลับไม่ลังเลที่จะจ่อยิงลินคอล์นที่ศีรษะด้านหลังแบบเผาขน ด้วยปืนสั้น เดอริงเจอร์
เพราะสำหรับ บูธ ผู้นำคนนี้คือวายร้าย!!
โรงละครฟอร์ด เธียเตอร์ (Ford Theater)
แน่นอนเป้าหมายฟุบฮวบลงไปทันทีไม่รู้สึกตัวอีก จากฤทธิ์กระสุนแค่นัดเดียว แต่ทะลุเข้าเข้าทางหลังหูซ้ายแล้วไปทะลุออกทางตาขวา นิ่งสนิท ขณะที่มือสังหารกระโดดหนีออกไปได้ก่อนจะถูกจับกุม หลังตะโกนให้กับความสำเร็จว่า “นี้คือการแก้แค้นของชาวใต้”
แต่เรื่องราวที่เกิดขึ้นหลังจากวันนั้นเพียง 12 วัน จอห์น วิลค์ส บูธ เองก็ต้องเจอคมกระสุนเข้าใส่จนสิ้นชีพตายตกไปตามกัน ในวันนี้เมื่อ 154 ปีก่อน ตรงกับวันที่ 26 เมษายน 2408 นั่นแหละ
โดยเหตุการณ์กรงกรรมนั้นเริ่มต้นขึ้น หลังจากที่มือปืนเผ่นออกจากโรงละครได้แล้ว ข้อมูลระบุว่า เขาได้ เอ็ดมัน สแปงเลอร์ คนดูแลเวทีเป็นผู้คอยเปิดประตูหลังและนำมาม้ามารอไว้ให้
จากนั้น จอห์น วิลค์ส บูธ ได้ควบม้าข้ามแม่น้ำโปโตแมค เข้าไปในเขตรัฐแม่รีแลนด์ ไม่มีคำอธิบายว่าทำไมเขาถึงเล็ดลอดตำรวจที่เฝ้ายามอยู่ตรงสะพานเนวี ยาร์ด มาได้อย่างง่ายดาย
แต่ที่สุด จอห์น วิลค์ส บูธ กับพวก คือ ลิวอิส พาวเวลล์ และ เดวิด แฮร์โรลด์ ที่ตามมาสมทบกับบูธ ก็ได้เดินทางต่อไปยัง เซอร์แรตต์วิลล์ (Surrattsville) ซ่อนตัวที่่ร้านขายของชำ แมรีย์ เซอร์แรตต์
จนเมื่อเตรียมข้าวของเรียบร้อยโดยการจัดหาของเจ้าของร้านชำ และลูกชาย บูธกับแฮร์โรลด์ก็มุ่งหน้าลงใต้สู่รัฐเวอร์จิเนีย
ตัดกลับมาที่ทีมไล่ล่า ข้อมูลระบุว่า คณะสืบสวนที่ถูกแต่งตั้งขึ้นชั่วคราว มี เอ็ดวิน สแตนตัน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสงครามในคณะรัฐบาลลินคอล์น เป็นหัวหน้าชุด
และไม่น่าแปลกใจที่สุด เขาจะแกะรอยไปจนถึงร้านขายของชำของ แมรี่ เซอร์แรตต์ จากพยานแวดล้อมที่รายงานว่าเห็นกลุ่มคนขี่ม้าเข้ามาในบริเวณนี้ด้วยลักษณะพิรุธ
แมรี่ เซอร์แรตต์
ที่สุด ถึงแม้ว่าเจ้าของบ้านจะไม่ยอมปริปาก แต่ความก็มาแตกเอาเมื่อ ลิวอิส พาวเวลล์ ซึ่งไม่ได้หลบหนีไปกับบูธในตอนแรก โผล่เข้ามาในบ้าน แล้วถูกควบคุมตัวไปสอบปากคำอย่างหนัก จนกระทั่งเมื่อมีพยานหลายรายมายืนยันชี้ตัว เขาก็จำนนและสารภาพ เช่นเดียวกับฝ่ายของเจ้าของร้านชำที่สุดท้ายก็ดิ้นไม่หลุดเช่นกัน
แต่นั่นยังไม่เพียงพอ เพราะเป้าหมายที่ทางการต้องลากตัวมาลงโทษ คือ จอห์น วิลค์ส บูธ ที่สุดคณะสืบสวนของตำรวจวอชิงตัน ดีซี โดยการนำของลาฟาแยตต์ เบเกอร์ ก็ได้ติดตามจับกุมตัวผู้ต้องสงสัยได้อีกหลายคน เช่น เอ็ดมัน สแปงเลอร์ คนดูแลเวทีที่ระบุข้างต้นว่า เป็นคนเปิดประตูหลังโรงละครให้กับบูธหลบหนี
และ แซมมวล อาร์โนลด์ ผู้ซึ่งมีการติดต่อทางจดหมายกับมือสังหารผู้นำ โดยฝ่ายสืบสวนสอบสวนเขาจะสารภาพ และยอมบอกรายชื่อของผู้ร่วมวางแผนลอบสังหาร ประธานาธิบดีลินคอล์น ออกมาได้จนครบ 7 คน
แซมมวล อาร์โนลด์
โดยที่เหลืออีก 3 คือ ไมเคิล โอลาฟเลน จอร์จ แอตเซรอดต์ และ จอห์น เซอร์แรตต์ ซึ่งเป็นลูกชายของแมรี เซอร์แรตต์ ที่ถูกจับกุมมาก่อนหน้านี้
จอร์จ แอตเซรอดต์
ต่อมาช่วงปลายเดือนเมษายน ไมเคิล โอลาฟเลน ก็เข้ามามอบตัวกับตำรวจ เพราะกลัวถูกจับตาย เช่นเดียวกับ จอร์จ แอตเซรอดต์ ที่ถูกจับกุมได้ในวันเดียวกัน
ไมเคิล โอลาฟเลน
แต่นั่นยังไม่เพียงพออยู่ดี เพราะเป้าหมายที่ทางการต้องลากตัวมาลงโทษ ก็ยังเป็น “จอห์น วิลค์ส บูธ”
ตัดมาที่เป้าหมาย ข้อมูลระบุว่า เขาเองก็รับทราบข่าวการจับกุมผู้สมรู้ร่วมคิดไปได้หลายคนจากทางหน้าหนังสือพิมพ์มาตลอด แต่เขาก็ยังคงหนีต่อไป
โดยเมื่อเขามุ่งลงไปทางใต้ ว่ากันว่าคืนนั้นเขานอนที่ บ้านไร่ ของ ด็อกเตอร์ แซมมวล มัดด์ ซึ่งภายหลังก็ถูกจับกุมอีกคนในฐานะผู้สมคบคิดกันลอบสังหารประธานาธิบดี ลินคอล์น
ที่สุด วันดีเดย์ก็มาถึง วันนั้นตรงกับวันที่ 26 เมษายน สายรายงานว่า จอห์น วิลเคส บูธ มุ่งหน้าไปยังไร่ของ ริชาร์ด แกร์แรตต์ จึงไม่รอช้าที่จะเร่งไล่ล่าไปจนถึงไร่ดังกล่าว จนพบว่าบูธ กับ แฮร์โรลด์ ซ่อนตัวอยู่ที่่โรงนาของไร่
ทีมไล่ล่าจึงตามไปจนพบโรงนา และตะโกนบอกทั้งสองให้ยอมมอบตัวแต่โดยดี แต่ก็ไม่มีเสียงใดๆตอบกลับมา
เหตุการณ์ช่วงนี้น่าสนใจตรงที่ว่า ผู้นำทีมไล่ล่า ซึ่งก็คือ เอเวอร์ตัน คองเกอร์ พยายามเกลี้ยกล่อมให้อีกฝ่ายยอมมอบตัว เพราะภารกิจนี้ถูกกำหนดว่าต้อง "จับเป็น" เท่านั้น
เอเวอร์ตัน คองเกอร์
แม้ว่าสุดท้ายจะลงมือเผาโรงนาจนไฟท่วม ทำให้ เดวิด แฮโรลด์ ยอมออกมามอบตัว แต่ บูธ ก็ยังคงเงียบ ทำให้คองเกอร์ตัดสินใจบุกเข้าไปข้างในเพื่อจับเขาให้ได้ได้ด้วยตัวเอง
วินาทีนั้นเองที่คองเกอร์กำลังบุกเข้าไป ลูกทีมของ คองเกอร์คนหนึ่ง คือ จ่าสิบเอก บอสตัน คอร์เบตต์ สังเกตเห็นว่า บูธกำลังยกปืนเล็งหมายจะสังหารหัวหน้าชุดของเขา
จ่าสิบเอก บอสตัน คอร์เบตต์
แต่ไม่ทันกาล คอร์เบต ซึ่งเป็นทหารประจำกองทัพบก ที่ถูกส่งตัวมาช่วยเหลือทีมไล่ล่าชุดนี้ตัดสินใจเหนี่ยวไกปืนใส่บูธทันที และมาเสียชีวิตในเวลาหลังถูกจับกุมตัวสองชั่วโมงหลังจากนั้น เป็นอันปิดดำนานมือปืนหน้าหล่อในวันนั้นเอง
อนึ่ง “จอห์น วิลค์ส บูธ” ขณะที่ก่อคดีใหญ่ครั้งนี้ เขาเป็นนักแสดงละครเวทีอยู่ที่โรงละคร ฟอร์ด เธียเตอร์ จึงเป็นเหตุผลว่า ทำไมเขาจึงเล็ดลอดเข้าไปประชิดตัวประธานาธิบดีได้ขนาดนั้น บวกกับชะตากรรมที่ถึงคราวด้วย
บูธเป็นสมาชิกจากครอบครัวนักแสดงละครเวทีที่โด่งดังจากรัฐแมริแลนด์ และช่วงเวลานั้นบูธมีชื่อเสียงโด่งดังเป็นอันมาก
และนี่คือโฉมหน้าของเขา
แต่ด้วยความที่เขามีความคิดเห็นโน้มเอียงเข้าข้างฝ่ายสมาพันธ์ และประณามการบริหารของลินคอล์นอย่างรุนแรง และคับแค้นเป็นอย่างมากเมื่อฝ่ายใต้แพ้สงครามกลางเมืองอเมริกัน แถมยังต่อต้านแนวคิดที่จะล้มล้างระบบทาสในสหรัฐฯ และข้อเสนอของลินคอล์นที่จะขยายสิทธิ์เลือกตั้งไปยังทาสที่เป็นไทแล้ว
เขาจึงขีดตัดสินใจเส้นชะตาชีวิตตัวเอง จนมันได้นำมาสู่จุดจบด้วยกระสุนปืน ขณะที่ผู้ร่วมก่อการอีก 8 คนที่เหลือถูกจับกุม ถูกไต่สวนและถูกตัดสินว่าผิดจริง โดยในนั้นมี 4 คนที่ถูกแขวนคอ อีก 3 คน จำคุกตลอดชีวิต และ อีก 1 คน จำคุก 6 ปี โดยเรื่องราวของ แมรีย์ เซอร์แรตต์ หนึ่งในผู้ถูกประการ เธอยังนับเป็นสตรีคนแรกที่ถูกแขวนคอ ในสหรัฐอเมริกาอีกด้วย
4 คนที่ถูกแขวนคอ แมรีย์ เซอร์แรตต์ ลิวอิส พาวเวลล์ เดวิด แฮร์โรลด์ และ จอร์จ แอตเซรอดต์
อย่างไรก็ดีหลายปีต่อมา มีคนเขียนหนังสือที่เสนอทฤษฎีว่าบูธสามารถหลบหนีผู้จับกุมได้ และเสียชีวิตภายใต้ชื่อใหม่ในอีกหลายปีต่อมา
/////////////////
ขอบคุณข้อมูลจาก
วิกิพีเดีย
ข่าวที่เกี่ยวข้อง