วันนี้ในอดีต

แบรอนิสแมรี เว็ตเซรา และปริศนาการตายที่คฤหาสน์ล่าสัตว์

เกาะติดข่าวสาร >> คมชัดลึก ออนไลน์
logoline

แต่แล้วต่อมา เมื่อวันที่ 31 มกราคม พ.ศ. 2432 แบรอนิสแมรี วัย 17 ปี และองค์มกุฎราชกุมารรูดอล์ฟ พระชันษา 30 ชันษา ได้ถูกพบว่าเสียชีวิตอย่างลึกลับภายในห้องพระบรรทม

          โลกเรานี้มีเรื่องราวแปลกๆ ปริศนามากมาย ดังเรื่องราวที่เคยเกิดขึ้นที่ประเทศออสเตรียอันสวยงาม เกี่ยวกับชีวิตของสาวน้อยคนหนึ่ง ที่ต้องมาพบกับวาระสุดท้ายอันมีความลึกลับซ่อนเงื่อนมาจนทุกวันนี้

          เธอมีชื่อว่า "แบรอนิสแมรี เว็ตเซรา" หรือชื่อเต็ม แมรี อเล็กซานดรีน ฟรีอินน์ วอน เว็ตเซรา ผู้ซึ่งตามข้อมูลในหลายแหล่งระบุว่าเธอคือ นางสนม หรือชายาลับในอาร์คดยุครูดอล์ฟ มกุฎราชกุมารแห่งออสเตรีย-ฮังการี ซึ่งเป็นพระราชโอรสเพียงพระองค์เดียวในสมเด็จพระจักรพรรดิฟรานซ์ โจเซฟที่ 1 และสมเด็จพระจักรพรรดินีเอลิซาเบธแห่งออสเตรีย

 

แบรอนิสแมรี เว็ตเซรา  และปริศนาการตายที่คฤหาสน์ล่าสัตว์

แบรอนิสแมรี เว็ตเซรา

 

          ว่ากันว่าความสัมพันธ์ของทั้งคู่ นำไปสู่เหตุการณ์โศกนาฏกรรมที่คฤหาสน์ล่าสัตว์มาเยอร์ลิง

          กล่าวสำหรับ “แบรอนิสแมรี” เธอเกิดเมื่อวันที่ 19 มีนาคม พ.ศ. 2414 หรือวันนี้ของเมื่อ 148 ปีก่อน เธอเป็นธิดาของ “บารอนอัลบิน เว็ตเซรา” ทูตประจำกระทรวงการต่างประเทศของออสเตรีย และ “เฮเลน บัลทัสซี”

 

แบรอนิสแมรี เว็ตเซรา  และปริศนาการตายที่คฤหาสน์ล่าสัตว์

 มกุฎราชกุมารรูดอล์ฟ https://en.wikipedia.org/wiki/Rudolf,_Crown_Prince_of_Austria#/media/File:Mayerling10.jpg

 

          ต่อมา แบรอนิสแมรี ได้สมัครงานเข้าไปทำงานถวายรับใช้มกุฎราชกุมารรูดอล์ฟ ณ พระตำหนักมาเยอร์ลิงที่ทรงซื้อไว้สำหรับสถานที่แปรพระราชฐานในฤดูกาลล่าสัตว์ ณ รัฐอัปเปอร์ออสเตรีย ประเทศออสเตรีย

          แน่นอนด้วยความใกล้ชิดคุ้ย ที่สุดทั้งสองจึงได้มีความสัมพันธ์กันลับๆ ตั้งแต่บัดนั้นเป็นต้นมา

 

แบรอนิสแมรี เว็ตเซรา  และปริศนาการตายที่คฤหาสน์ล่าสัตว์

 แบรอนิสแมรี https://en.wikipedia.org/wiki/Baroness_Mary_Vetsera#/media/File:Baroness_Mary_Vetsera.jpg

 

          แต่แล้วต่อมา เมื่อวันที่ 31 มกราคม พ.ศ. 2432 แบรอนิสแมรี วัย 17 ปี และองค์มกุฎราชกุมารรูดอล์ฟ พระชันษา 30 ชันษา ได้ถูกพบว่าเสียชีวิตอย่างลึกลับภายในห้องพระบรรทมส่วนพระองค์ในคฤหาสน์มาเยอร์ลิง โดยการสอบสวนหาข้อเท็จจริงของการจากไปของทั้งคู่กินเวลานานนับปี แต่ก็ยังไม่สามารถหาคำตอบสุดท้ายได้ นอกจากมี 5 ข้อสันนิษฐานด้วยกันคือ

          1. แมรีถูกปืนยิงโดยมกุฎราชกุมารรูดอร์ฟ ก่อนที่พระองค์จะทรงใช้ปืนยิงปลิดพระชนม์ตัวเอง 2.ทั้ง 2 ฆ่าตัวตายเอง 3.มีคนใดคนหนึ่งได้ลงมือฆ่า ก่อนที่จะฆ่าตัวตายหนีความผิด 4. ทั้ง 2 ถูกฆาตกรรม 5. แมรีอาจตั้งครรภ์ก่อนจะเสียชีวิต หรือทั้ง 2 รวมใจกันฆ่าตัวตาย

          ทั้งนี้ในกรณีที่ทรงตัดสินใจปลิดชีพตนเองนั้น เล่ากันว่าเกิดขึ้นหลังจากที่พระองค์ทรงมีปากเสียงกับอาร์ชดัชเชสสเตฟานี พระชายา ที่ทรงมิให้พระองค์ทรงมีนางสนมใดๆทั้งสิ้น

 

แบรอนิสแมรี เว็ตเซรา  และปริศนาการตายที่คฤหาสน์ล่าสัตว์

มกุฎราชกุมารรูดอล์ฟ และ อาร์ชดัชเชสสเตฟานี พระชายา (https://upload.wikimedia.org/wikipedia/commons/6/65/Stefanie_en_Rudolf.jpg)

 

          อีกทั้งเมื่อสมเด็จพระจักรพรรดิ พระราชบิดา ทรงรู้เรื่องที่พระองค์ทรงมีนางสนม ทรงกริ้วมาก และมีพระบัญชาให้พระองค์เลิกติดต่อ และเลิกความสัมพันธ์กับบารอนเนสแมรีอย่างเด็ดขาด

          พระองค์ทรงหมดหนทางแก้ไข จึงทรงใช้ปืนส่วนพระองค์ยิงที่ศีรษะของบารอนเนสแมรีก่อน แล้วจึงทรงยิงพระองค์สิ้นพระชนม์ตาม สร้างความโศกเศร้าแกประชาชนเป็นอย่างมาก

 

แบรอนิสแมรี เว็ตเซรา  และปริศนาการตายที่คฤหาสน์ล่าสัตว์

คฤหาสน์ล่าสัตว์มาเยอร์ลิง https://en.wikipedia.org/wiki/Rudolf,_Crown_Prince_of_Austria#/media/File:Mayerling_1889.jpg

 

          ทั้งนี้ สำหรับที่พระศพของมกุฎราชกุมารรูดอร์ฟ ถูกนำไปฝังไว้ที่วิหารฮับส์บูร์ก กรุงเวียนนา ส่วนศพของแมรีนั้น สมเด็จพระจักรพรรดิฟรานซ์ โจเซฟมีพระบัญชาให้นำไปฝังอย่างลับๆ ที่ วิหารใกล้พระตำหนัก เวลาต่อมามีพระบัญชาให้สร้างเป็นหลุมศพ เพื่อเป็นการให้เกียรติ

          ต่อมาเล่ากันว่า ในเดือนกุมภาพันธ์ พ.ศ. 2535 ศพของแบรอนิสแมรี เว็ตเซราถูกขโมยหายไปจากสุสานในวิหารใกล้คฤหาสน์มาเยอร์ลิง ต่อมาตำรวจก็สามารถจับกุมผู้ขโมยศพได้ และผู้ต้องหายอมนำศพมาคืน แต่ตำรวจก็ไม่แน่ใจว่าจะเป็นศพของแบรอนิสแมรีหรือไม่

 

แบรอนิสแมรี เว็ตเซรา  และปริศนาการตายที่คฤหาสน์ล่าสัตว์

 

         จึงให้สถาบันวิจัยวิทยาศาสตร์เวียนนาได้ทำการตรวจพิสูจน์ดู ปรากฏว่าเป็นศพของแบรอนิสแมรีจริง และได้พบว่า กะโหลกศีรษะของเธอไม่ได้มีรูที่ถูกกระสุนปืนของอาร์คดยุครูดอล์ฟ ก่อนที่จะทรงยิงพระองค์เอง ทำให้มีสันนิษฐานว่า ทั้ง 2 อาจถูกลอบสังหารโดยพวกหัวรุนแรง

          แน่นอนเรื่องนี้กลายเป็นทฤษฎีใหม่ที่เกิดขึ้นหลังจากเวลาผ่านไปร่วม 103 ปี จึงได้มีการขออนุมัตินำพระศพของอาร์คดยุครูดอล์ฟมาทำการพิสูจน์ทางวิทยาศาสตร์ด้วยเช่นกัน

          ที่สุดผลปรากฏว่า พระศพของพระองค์มีร่องรอยการต่อสู้ โดยพบรูโหว่ในพระศพของพระองค์ แทนที่จะมีเพียงรูเดียวที่พระองค์ทรงใช้ปืนยิงพระองค์เอง แต่กลับมีถึง 6 รูด้วยกัน ซึ่งผลวิจัยทางวิทยาศาสตร์ออกมาว่าไม่ได้เป็นฝีมือของพระองค์เอง

 

          อย่างไรก็ตาม เหตุผลต่างๆ นี้แม้ว่าจะที่สามารถเชื่อมโยงไปถึงการสิ้นพระชนม์นี้ได้ มีอยู่ 2 ทฤษฎีหลักๆ ด้วยกัน คือ ทฤษฎีที่ 1 กล่าวว่า ทั้ง 2 ได้ถูกฆาตกรรม โดยขัดแย้งจากที่รายงานกล่าวว่า พระองค์ได้ทรงยิงนางสนมก่อนที่จะยิงพระองค์เองโดยสิ้นเชิง ซึ่งผู้นำเสนอทฤษฎีนี้ระบุว่า พระองค์จะทรงยิงตัวพระองค์เองถึง 6 นัดได้อย่างไรและนอกจากนี้ ผู้เสนอได้กล่าวว่า ปืนที่พระองค์ทรงยิง ไม่ใช่ปืนส่วนพระองค์อีกด้วย

          ส่วนอีกทฤษฎีหนึ่งคล้ายคลึงกับทฤษฎีแรก แต่จะแตกต่างกันเล็กน้อย คือ อาจจะมีบุคคลที่ 3 ซึ่งไม่อาจทราบได้ว่าเป็นผู้ใด ได้เข้ามาลอบสังหารแบรอนิสเว็ตเซราก่อน แล้วจึงมาลอบปลงพระชนม์มกุฎราชกุมาร โดยผู้นำเสนอทฤษฎีนี้ได้คล้ายคลึงกับทฤษฎีที่ทรงได้รับการยืนยันจากสมเด็จพระจักรพรรดินีซีต้า (ซึ่งขณะนั้นทรงเป็นมกุฎราชกุมารี ตั้งแต่ปีพ.ศ. 2457 ถึงพ.ศ. 2459) โดยทรงได้รับความไว้วางใจจากสมเด็จพระจักรพรรดิฟรานซ์ โจเซฟ โดยหลังจากทฤษฎีของพระองค์ถูกเปิดเผย ศาลสูงออสเตรีย-ฮังการีจึงได้นัดประชุมด่วน เพื่อทบทวนกรณีการสิ้นพระชนม์ของอาร์คดยุครูดอล์ฟ

 

แบรอนิสแมรี เว็ตเซรา  และปริศนาการตายที่คฤหาสน์ล่าสัตว์

 

          แต่ที่สุดแล้ว แม้ว่าในปี  ในปี 2536 ศพของแมรีได้ถูกนำกลับมาฝังในปีต่อมา ทั้งทฤษฎีที่ว่าพระราชโอรสเพียงพระองค์เดียวของ สมเด็จพระจักรพรรดิฟรานซ์ โจเซฟที่ 1 ทำการฆาตกรรมหญิงสาว แล้วก็ทรงปลิดพระชนม์ชีพตัวเอง หรือทฤษฎล่าสุดที่กล่าวถึงบุคคลที่ 3 เข้ามาลอบสังหาร

         แต่จวบจนถึงปัจจุบันก็ยังไม่สามารถสรุปได้ว่า พระองค์และนางสนมถูกลอบปลงพระชนม์ หรือปลิดชีพตนเอง ดังนั้น สาเหตุของโศกนาฏกรรมยังเป็นปริศนาจนถึงทุกวันนี้

/////////

ขอบคุณภาพและข้อมูลจาก วิกิพีเดีย

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

logoline
แท็กที่เกี่ยวข้อง

ข่าวที่น่าสนใจ