วันนี้ในอดีต

1 มี.ค.2560 ส่งไม่ทัน ติดด่าน? อาสาธรรมกายดับ!

เกาะติดข่าวสาร >> คมชัดลึก ออนไลน์
logoline

เลื่อมใสในวัดพระธรรมกายอย่างสุดหัวใจ ที่ทำงานในวัดพระธรรมกายมาตั้งแต่ปี 2540 รวมเวลาแล้วก็นับว่านานมากสำหรับคนๆ หนึ่ง

          คนคงยังจำกันได้กับเรื่องร้อนๆ ของวัดพระธรรมกาย ย่านปทุมธานี ที่เกิดขึ้นเมื่อวันนี้ของ 1 ปีก่อน

 

          เมื่อได้เกิดเรื่องเศร้าที่มีผู้เสียชีวิตภายในวัดพระธรรมกาย บริเวณที่พักหลังวัดพระธรรมกาย 58 ไร่ ถนนเลียบคลองแอล 2-3 เธอคือ นางสาวพัฒนา เชียงแรง อายุ 48 ปี ชาวอำเภอภูซาง จังหวัดพะเยา จากการตรวจสอบพบว่าผู้เสียชีวิตมีโรคประจำตัวโรคหืดหอบ

 

          เหตุการณ์ในวันนั้น ได้ทำให้เกิดกระแสวิพากษ์วิจารณ์กันอย่างกว้างขวาง โดยเฉพาะเมื่อ พระสนิทวงศ์ วุฑฒิวังโส ผู้อำนวยการสำนักสื่อสารองค์กร วัดพระธรรมกาย ขณะนั้น ได้โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก Phra Sanitwong Charoenrattawong ระบุว่า “R.I.P ศพที่ 2 ของ ม.44” 

 

 

 

1 มี.ค.2560  ส่งไม่ทัน ติดด่าน?  อาสาธรรมกายดับ!

 

 

 

          พร้อมเล่ารายละเอียดว่า "เวลา 11.29 น. ได้รับแจ้งจากผู้ป่วยโรคหอบหืด ต้องการยาพ่น ซึ่งพักอยู่ที่หลังวัด ( 58 ไร่) ซึ่งปกติจากจุดรับเรื่องถึงที่พักผู้ป่วยใช้เวลาเดินทางเลียบคลองแอล 10 นาที แต่ทางหน่วยกู้ชีพรัตนเวชติดด่านตำรวจทหาร เพราะตัดสินใจไม่ได้ ต้องถามสอบเจ้าหน้าที่ DSI เท่านั้น หน่วยฯ รัตนเวชที่รับเรื่องจึงได้ประสานงานให้รถหน่วยกู้ชีพ 1669 ให้ไปรับคนไข้แทน แต่รถ 1669 มาตามเส้นทางไม่ถูก และไม่ได้รับอนุญาตให้รับคนไข้ที่อื่น นอกจากประตู 7 เท่านั้น"

 

          “อาสาสมัครรัตนเวชแจ้งว่า ต้องเสียเวลาย้อนไปที่ประตู 7 เพื่อทำเรื่องขออนุญาต และนำทางให้รถ 1669 ไปรับผู้ป่วย เมื่อไปถึงในเวลา 12.39 น. พบผู้ป่วยได้เสียชีวิตแล้ว เสียเวลาในการติดต่อและผ่านเจ้าหน้าที่ ทั้งหมด 1 ชั่วโมง 10 นาที ระหว่างประสานงานติดต่อผู้ป่วยไม่ได้ เพราะสัญญาณโทรศัพท์ขาดๆ หายๆ” (ชื่อผู้เสียชีวิต น.ส.พัฒนา เชียงแรง อายุ 48 ภูมิลำเนาจังหวัดพะเยา เป็นลูกศิษย์วัด ช่วยงานพยาบาลศูนย์รัตนเวช)"

 

          ขณะที่รายงานข่าวยังระบุว่า เมื่อหน่วยกู้ชีพรัตนเวช ได้รับแจ้งเหตุตั้งแต่เมื่อเวลา 11.29 น.ว่ ามีผู้ป่วยโรคหอบหืดต้องการยาพ่นเร่งด่วน โดยผู้ป่วยพักอยู่ที่หลังวัดซึ่งปกติจากจุดรับเรื่องถึงที่พักผู้ป่วยใช้เวลาเดินทางเลียบคลองแอล 10 นาที แต่ทางหน่วยกู้ชีพรัตนเวช ติดด่านตำรวจทหาร เพราะเจ้าหน้าที่ประจำด่านตัดสินใจไม่ได้ ต้องได้รับอนุญาตจากเจ้าหน้าที่ดีเอสไอเท่านั้น

 

 

          หน่วยกู้ชีพรัตนเวชที่รับเรื่องจึงได้ประสานงานให้รถหน่วยกู้ชีพ 1669 ให้ไปรับคนไข้แทน แต่รถ 1669 มาตามเส้นทางไม่ถูก และไม่ได้รับอนุญาตให้รับคนไข้ที่อื่น นอกจากประตู 7 เท่านั้น

 

          อาสาสมัครกู้ชีพรัตนเวช แจ้งว่า ต้องเสียเวลาย้อนไปที่ประตู 7 เพื่อทำเรื่องขออนุญาต และนำทางให้รถ 1669 ไปรับผู้ป่วย เมื่อไปถึงในเวลา 12.39 น. พบผู้ป่วยเสียชีวิตแล้ว ทั้งนี้เสียเวลาในการติดต่อและประสานเจ้าหน้าที่รวมทั้งหมด 1 ชั่วโมง 10 นาที

 

          ขณะเดียวกัน ยังมีรายงานว่า โลกออนไลน์ ก็ได้มีการแชร์ภาพการแชทพูดคุยของความช่วยเหลือจากเพื่อน กรณีที่ผู้เสียชีวิต ได้ส่งข้อความในแอพพลิเคชั่นไลน์ขอให้มาช่วย สร้างความสลดใจแก่คนไทยไปทั่ว

 

 

 

1 มี.ค.2560  ส่งไม่ทัน ติดด่าน?  อาสาธรรมกายดับ!       1 มี.ค.2560  ส่งไม่ทัน ติดด่าน?  อาสาธรรมกายดับ!

 

 

          แต่อีกมุมหนึ่ง พ.ต.อ.ไพสิฐ วงศ์เมือง อธิบดีดีเอสไอ เปิดเผยว่า ตรวจสอบเบื้องต้นแล้วเวลา 13.51 น. เจ้าหน้าที่ดีเอสไอได้รับการประสานจากญาติเพื่อขอรถพยาบาลนำผู้ป่วยเพศหญิงอายุ 48 ปี อาการหอบส่งโรงพยาบาล โดยเจ้าหน้าที่ดีเอสไอประสานขอรถพยาบาลเพื่อไปรับผู้ป่วยกรณีดังกล่าวและได้ประสานพระมหานพพร ได้รับคำตอบว่าผู้ป่วยได้เสียชีวิตแล้ว

 

          ดังนั้น เจ้าหน้าที่ดีเอสไอจึงเดินทางเข้าไปยังที่เกิดเหตุพร้อมพระมหานพพรและพระสงฆ์อีก 1 รูป รวมถึงญาติผู้เสียชีวิต เมื่อถึงที่พักซึ่งเป็นแฟลตของเจ้าหน้าที่วัดพระธรรมกาย ตั้งอยู่เลียบคลองแอลประตู 14 ในพื้นที่ 58 ไร่ ซึ่งเป็นพื้นที่ควบคุม เจ้าหน้าที่ดีเอสไอพบตำรวจจากสภ.คลองหลวง ทราบชื่อคือ ร.ต.อ.อดิศักดิ์ คชศักดิ์ รองสารวัตรสอบสวนสภ.คลองหลวง เจ้าของคดีและแพทย์ที่ชันสูตรอยู่ก่อนแล้ว สอบถามเบื้องต้นแพทย์คาดว่าเสียชีวิตไปแล้วไม่น้อยกว่า 5 ชั่วโมง

 

         ที่สุดมีผลการชันสูตรศพ แพทย์ระบุเป็นการตายผิดธรรมชาติ จากสาเหตุเบื้องต้น คือ ปอดอักเสบและติดเชื้อ

 

           สำหรับสาเหตุที่เป็นที่วิพากษ์วิจารณ์นี้สืบเนื่องจาก คดีที่กรมสอบสวนคดีพิเศษได้มีการสอบสวนดำเนินคดีอาญาพระเทพญาณมหามุนี หรือพระธัมมชโย อดีตเจ้าอาวาสวัดพระธรรมกาย กับบุคคลที่เกี่ยวข้อง กรณีความผิดฐานร่วมกันฟอกเงิน สมคบกันฟอกเงิน และร่วมกันรับของโจร กับสหกรณ์คลองจั่น จึงมีการตามหาพระธัมมชโยมาดำเนินคดี แต่ก็หาไม่เจอ

 

          ดังนั้น จึงจำเป็นต้องมีกฎหมายพิเศษ คือ คำสั่งหัวหน้าคณะ คสช. ตามมาตรา 44 ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย ฉบับชั่วคราว พ.ศ. 2557 เพื่อให้เจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติงานสามารถควบคุมพื้นที่บริเวณวัดพระธรรมกายและพื้นที่โดยรอบ เพื่อตรวจสอบ คัดกรองผู้ที่ไม่เกี่ยวข้องกับวัดพระธรรมกายออกจากพื้นที่ปฏิบัติการเป็นการชั่วคราว รวมทั้งให้อำนาจกับเจ้าหน้าที่บางประการเพื่อให้สามารถปฏิบัติงานโดยสะดวกและรวดเร็ว

 

        อนึ่ง สำหรับ พัฒนา เชียงแรง  พื้นเพเดิมเป็นสาวชาวเหนือ บ้านของเธอตั้งอยู่เลขที่ 44 หมู่ 3 ต.เชียงแรง อ.ภูซาง จ.พะเยา

 

 

 

1 มี.ค.2560  ส่งไม่ทัน ติดด่าน?  อาสาธรรมกายดับ!

 

 

 

       เธอมีชื่อเล่นว่า “หล้า” ซึ่งแปลว่า น้องสาวคนเล็ก เพราะเธอยังมีพี่ๆ อีก 5 คน ที่เกิดแต่มารดา คือ คำจวน เชียงแรง อายุ 78 single mom ที่เลี้ยงลูกคนเดียว เนื่องจากสามี หรือ บิดาของหล้าเสียไปกว่า 30 ปี แล้ว

 

          ข่าวรายงานว่า “หล้า” ยังถือเป็นกำลังหลักของครอบครัว ดูแลทุกคนในครอบครัวด้วย โดยจะคอยดูแลแม่ที่ไม่สบาย เนื่องจากป่วยด้วยโรคประจำตัวที่เป็นโรคหัวใจ ความดัน โดยทุกเดือน “หล้า” จะกลับมาบ้านเพื่อพาแม่ไปหาหมอตามนัด (อ่าน "พัฒนา เชียงแรง" เธอเป็นใครกันแน่? http://www.komchadluek.net/news/scoop/262875 )

 

 

 

1 มี.ค.2560  ส่งไม่ทัน ติดด่าน?  อาสาธรรมกายดับ!

 

 

 

          มีคำบอกเล่าจากพี่สาวของหล้าว่า ตนได้พบหน้าน้องสาวครั้งสุดท้าย เมื่อ 2 สัปดาห์ที่ผ่านมา โดยเธอขับรถกลับบ้านมาพาแม่ไปหาหมอ และกลับไปทำงานที่กรุงเทพฯ ก่อนหน้าที่จะได้รับข่าวเสียชีวิตประมาณ 10 วัน ไม่สามารถติดต่อทางโทรศัพท์ได้เลย จนกระทั่งพี่ชายได้ข่าวทางโทรทัศน์มาบอกข่าวร้าย

 

          อย่างไรก็ดี จากประวัติของหล้าก่อนเสียชีวิต พบว่าเธอคนนี้น่าจะเลื่อมใสในวัดพระธรรมกายอย่างสุดหัวใจ โดยนอกจากเธอจะเป็นลูกศิษย์วัดพระธรรมกายแล้ว เธอยังทำงานในวัดพระธรรมกายมาตั้งแต่ปี 2540 รวมเวลาแล้วก็นับว่านานมากสำหรับคนๆ หนึ่ง

 

          โดยมีหน้าที่เป็น “ผู้ช่วยเภสัช” คอยจ่ายยาภายในวัดพระธรรมกาย ขณะที่ยังมีกระแสข่าวระบุว่า เธอยังมีน้องชายอีกคนหนึ่งเป็นพระบวชอยู่ที่วัดพระธรรมกายแห่งนี้ด้วย

 

          ทั้งนี้ คนในวัดพระธรรมกายจะรู้จักเธอ และเรียกเธอว่า “พี่พัฒ” หรือ “กัลฯ พัฒนา เชียงแรง” โดยคำว่า กัลฯ มาจาก คำว่า กัลยาณมิตร ซึ่งสำหรับที่วัดพระธรรมกายแล้ว ถือว่าเป็นบุคคลที่คนธรรมกายให้ความยอมรับนับถือ ว่าเป็นผู้มีศรัทธาในวัด ในพระธัมมชโย ยอมสละความสุขส่วนตัว มาอยู่ช่วยงานวัดอย่างทุ่มเท ด้วยมีศรัทธาสูงมาก 

 

 

**********************************

 

 

 

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

logoline

ข่าวที่น่าสนใจ